พิจิตร– ชมรมสหกรณ์เมืองชาละวันชำแหละนโยบายดีเซลรัสเซีย ชี้แค่ปาหี่ประชานิยมหลอกซื้อใจชาวบ้าน เชื่อสุดท้าย 5 พันสหกรณ์ทั่วประเทศรุมแย่ง แต่สุดท้ายเกษตรกรในเครือข่ายอาจได้คนละไม่ถึง 10 ลิตร ไม่ต่างจากน้ำตาล ปุ๋ย ข้าวสาร ราคาถูกที่รัฐเคยทำล้มเหลวมาแล้ว แนะลดภาษีแก้ทั้งระบบแบบยั่งยืนดีกว่า
นายสมเกียรติ โสภณพงษ์พิพัฒน์ ประธานชมรมสหกรณ์จังหวัดพิจิตร ที่มีสมาชิกกว่า 30 สหกรณ์แสดงความคิดเห็นเรื่องนโยบายน้ำมันดีเซลราคาถูกกว่าท้องตลาด 8 บาท ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า ปริมาณน้ำมันดีเซลเพียง 3 แสนตันที่จะมาแทรกแซงราคาน้ำมันคราวนี้ คิดว่าไม่ได้ผลเป็นรูปธรรมเหมือนน้ำตาล ปุ๋ย ข้าวสารราคาถูกที่เคยทำมาแล้ว สุดท้ายชาวบ้านก็เข้าใจผิด แห่ไปเข้าคิวแย่งกันซื้อของถูก คิดว่าบรรเทาความเดือดร้อนได้แบบถาวร แต่แท้จริงแล้วแก้ความเดือดร้อนได้แค่ 3 วัน 7 วัน แต่ออกข่าวกันเสียใหญ่โตเหมือนกับชาตินี้คนไทยได้ของถูกจากนโยบายรัฐบาลแล้ว
กรณีน้ำมันดีเซลราคาถูกคราวนี้ผลประโยชน์ที่ชาวนาพิจิตรซึ่งทำนากว่า 5 แสนไร่ ถ้าได้น้ำมันดีเซลมาขาย สหกรณ์ในจังหวัดพิจิตรมีปั๊มน้ำมัน 9 แห่งก็คงจะเฉลี่ยกันไป แต่จะได้เพียงคนละ 10 ลิตรหรือไม่ยังไม่ทราบเพราะมีความต้องการของสมาชิกสหกรณ์ในหลายสาขา ซึ่งทั้งประเทศมีสหกรณ์มากกว่า 5,000 แห่ง ถ้าทุกแห่งต้องการน้ำมันดีเซลราคาถูก โดยอ้างสิทธิ์การเป็นสมาชิกสหกรณ์แค่แบ่งกันคนละ 10 ลิตรก็ไม่พอแล้ว
ส่วนชาวนาพิจิตร ถ้าได้น้ำมันดีเซลราคาถูกมาเพียงน้อยนิด เอาไปสูบน้ำทำนาครึ่งวันก็หมดแล้ว เหมือนปุ๋ยราคาถูก ทะเลาะกัน แย่งกันแทบตาย สุดท้ายได้คนละ 3 กระสอบ เสียเวลาไปเข้าคิวแล้วต้องมานั่งจัดระบบบริหารจัดการที่ยุ่งยาก โดยจริงๆแล้วชาวนาบางรายใช้ปุ๋ยเป็นร้อยกระสอบต่อปีด้วยซ้ำ นั่นคือบทเรียนนโยบายขายฝันของรัฐบาล
“ส่วนตัวฟันธงว่า โครงการน้ำมันราคาถูกคราวนี้ เป็นแค่นโยบายปาหี่ และเป็นโปรโมชันประชานิยมของรัฐบาลที่ตอนนี้กำลังถึงทางตันและคิดอะไรไม่ออกมากกว่า”
ประธานชมรมสหกรณ์จังหวัดพิจิตรกล่าวอีกว่า ที่จริงแล้วขอแนะนำว่าถ้าจะแก้ปัญหาควรลดภาษีหน้าโรงกลั่นทั้งระบบหรือลดภาษีการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ให้นายทุน ลดรายได้ ลดกำไรลง เท่านี้ราคาน้ำมันก็ถูกลงได้เหมือนประเทศมาเลเซียที่ขายน้ำมันถูกกว่าเมืองไทยลิตรละ 12 บาท เป็นต้น