xs
xsm
sm
md
lg

"เขาพระวิหาร"เครียด หลังเขมรจับ 3 คนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดกรายวัน/ศรีสะเกษ - ทหารเขมรเหิมเกริมจับชาวไทยทั้งชาย-หญิงและพระสงฆ์แกนนำธรรมยาตราฯ 3 คน หลังปีนประตูเหล็กเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมประท้วงที่สะพานไม้ทางข้ามไปสู่ปราสาทพระวิหาร จนท.ฝ่ายไทยเข้าเจรจาจนได้รับการปล่อยตัว แต่ยังถูกควบคุมตัวไว้ในวัดฝั่งชุมชนเขมร ด้านกำลังทหารพรานที่เข้ากดดันคุ้มครองทีมเจรจาเหยียบกับระเบิดขาขวาขาด 1 นาย ขณะที่สถานการณ์ชายแดนด้านนี้ตรึงเครียดหนัก เมื่อฝ่ายไทยระดมกำลังทหาร-ตำรวจเข้าตรึงพื้นที่เข้ม ขณะที่เอเอฟพีตีข่าว "เขมร" กักทหารไทยนับร้อยคนที่เขาพระวิหาร "นักวิชาการ"นัดแถลงใหญ่พระวิหารวันนี้ เปิดเอกสาร-ดีวีดีลับสุดยอด ความไม่ชอบมาพากลของคณะกรรมการมรดกโลกสากล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสถานที่การปักหลักประท้วงของกลุ่มธรรมยาตรา กอบกู้รักษาแผ่นดินไทย กรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา ที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่มีการชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.เป็นต้นมาว่า เมื่อเวลา 07.00 น.วานนี้ (15 ก.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชา นำโดย ร.อ.ทอย บุรินทร์ ได้นำกำลังเข้าจับกุมคนไทย 3 คน ประกอบด้วยพระคำพอง ไม่ทราบฉายา นายวิชาญ ทับซ้อน อายุ 65 ปี และนางชนิกาญน์ เก่งนอก อายุ 45 ปี ขณะเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมประท้วงอยู่บริเวณประตูเหล็กทางเข้าเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วนำตัวไปควบคุมไว้ที่ชั้นบนของปราสาทพระวิหาร

ภายหลังเกิดเหตุเวลาประมาณ 08.15 น. ร.ท.วีระพงศ์ สังเว ผบ.ร้อย ทพ.2306 ได้เข้าไปเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อขอให้ปล่อยตัวคนไทยทั้ง 3 คนออกมา แต่ไม่ได้ผล โดยฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับทั้ง 3 คนในฐานะที่บุกรุกเข้าไปในเขตกัมพูชา ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ระดมกำลังทหารพรานจำนวนมากเข้าตรึงกำลังตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารทันที พร้อมกับระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และใกล้เคียงเข้าเสริมกำลังอีกด้วย

เผยนาทีระทึกเขมรจับ 3 คนไทย

นายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า จุดเกิดเหตุการณ์ทหารกัมพูชาเข้ามาจับกุมชาวไทยทั้ง 3 คน อยู่บริเวณตรงประตูเหล็กทางเข้าเขาพระวิหาร ที่ฝ่ายกัมพูชาปิดไว้เพื่อป้องกันคนไทยไม่ให้เข้าไปยังชุมชนบ้านเรือนร้านค้าของชาวกัมพูชา ที่รุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาอาศัยอยู่บริเวณเชิงเขาทางขึ้นปราสาทพระวิหาร โดยได้คล้องโซ่เหล็กล็อกกุญแจปิดเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา และฝ่ายไทยก็ล็อกกุญแจไว้เช่นกัน

โดยกลุ่มธรรมยาตราฯ ได้ปฏิบัติธรรมประท้วงแบบสันติอหิงสา ที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ นี้มานานหลายวันแล้ว และล่าสุดเราปีนข้ามรั้วลวดหนามที่ทหารพรานนำมากั้นเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมหน้าประตูเหล็กใกล้กับชุมนุมชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นผื่นดินของคนไทยเพื่อให้เห็นว่าเราต้องการผลักดันอย่างอหิงสา และปฏิบัติธรรมให้พวกเขาออกไป

"เราเข้ามาปฏิบัติธรรมตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 14 ก.ค.จนถึงรุ่งเช้าวานนี้เวลาประมาณ 07.00 น. ทั้ง 3 คนก็ถูกจับตัวไป โดยเราตั้งใจไว้ว่าทั้ง 3 คนนั้นจะเป็นผู้นำในการเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมหลังรั้วประตูเหล็ก ซึ่งถือว่าเป็นอธิปไตยของไทย โดยทั้ง 3 คนนั่งอยู่ห่างรั้วประตูเหล็กประมาณ 5 เมตร แต่ทางทหารและตำรวจกัมพูชาก็กรูเข้ามาจับตัวไปโดยนำขึ้นไปชั้นบนของปราสาทพระวิหาร"

นายสมาน ยืนยันด้วยว่า พวกตนยังยืนยันในข้อเรียกร้องหลักต่อไป คือ ให้ยุติเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และให้ชาวกัมพูชาถอนตัวออกจากบริเวณเชิงเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นการรุกล้ำเขตแดนไทย โดยเราจะปักหลักนั่งปฏิบัติธรรมประท้วงต่อไป โดยไม่ออกจากพื้นที่ตรงนี้จนกว่าจะได้ข้อยุติ

มีรายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่ทหารตำรวจกัมพูชาควบคุมตัว 3 คนไทยนั้นได้มีกลุ่มชาวบ้านกัมพูชาโห่ร้องและจะเข้ามารุมทำร้าย แต่ถูกเจ้าหน้าที่กันออกไป

มทภ.2 สั่งตรึงกำลังทหารคุมเข้ม

เวลา 12.00 น.พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ให้สัมภาษณ์ที่ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ว่า ขณะนี้นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) จ.สรินทร์ กองทัพภาคที่ 2 ได้ไปเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร กัมพูชาแล้ว ซึ่งคนไทยที่ถูกจับตัวไปปลอดภัยดี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของ จ.พระวิหารเป็นผู้ควบคุมตัวไว้ คาดว่าทางฝ่ายกัมพูชาจะปล่อยตัวคนไทยทั้ง 3 คนกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน

"หลังเกิดเหตุการณ์ควบคุมตัวคนไทย 3 คน กองกำลังทหารที่ตรึงกำลังอยู่ตามแนวชายแดนในพื้นที่ก็ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น และขอยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ทหารไทยยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทหารฝ่ายกัมพูชา ยังพูดคุยกันได้ดี" พล.ท.สุจิตร กล่าว และว่า หลังเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาจับคนไทยไปทาง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้สั่งกำชับว่าให้ดำเนินการให้ดีที่สุดและตนก็ได้รายงานให้ท่านทราบแล้ว

"ผบ.สส." ต่อสาย "เตีย บัน"

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ให้สัมภาษณ์ผ่านช่อง 9 ว่า ตนได้ติดต่อไปยัง พล.อ.เตีย บัน รมว.กลาโหมกัมพูชาแล้ว ซึ่งรับปากว่าจะสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปล่อยตัวคนไทยทั้ง 3 คนออกมา อย่างไรก็ตาม คิดว่าสถานการณ์ไม่น่าจะบานปลาย แต่ก็อยากขอร้องประชาชนที่รักชาติบ้านเมืองว่าหากทหารของเราห้ามอะไรก็ควรเชื่อฟังเพราะเขารู้ปัญหาดี ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดเหตุการณ์ยุ่งยาก

"ในพื้นที่ตรงนั้นเรามีลวดหนามกั้นไว้แล้ว แต่ขณะนี้พวกเรากำลังแรง ซึ่งเราเข้าใจดี ทั้งนี้ผู้ที่รับผิดชอบหลายฝ่ายพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วง เพราะปัญหานี้แก้ได้ด้วยความคิด และการต่อสู้เรื่องกฎหมาย การดำเนินการต่างๆ ซึ่งมีหน่วยเกี่ยวข้องและนักวิชาการที่ความถนัดเกี่ยวกับกรณีนี้ หากประชาชนไม่ทราบและไม่รู้รายละเอียด แต่มีเลือดรักชาติสูงเข้าไปอย่างนี้จะทำให้ยุ่ง ในที่สุดเราทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นควรจะเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ของเรา เพราะเจ้าหน้าที่ของเราก็รักชาติเช่นกัน"

เขมรยอมปล่อยตัว 3 คนไทย

ต่อมาเวลา 12.30 น. มีรายงานข่าวว่าทางฝ่ายกัมพูชาได้ปล่อยคนไทยทั้ง 3 คนกลับมาแล้วอย่างปลอดภัย หลังจากที่นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กกล.สุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปเจรจากับทางกัมพูชาเพื่อให้ปล่อยตัวคนไทยทั้ง 3 คนในช่วงเวลาประมาณ 10.30 น.โดยนายเสนีย์ ออกมายืนยันภายหลังว่า ทั้ง 3 คนได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ และทางการกัมพูชาไม่ได้ดำเนินคดีกับชาวไทย

ข่าวแจ้งว่า แม้จะมีข่าวว่ามีการปล่อยตัว 3 คนไทยแล้วแต่จากการเฝ้าสังเกตของบรรดานักข่าวที่เฝ้ารอทำข่าวอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งอยู่ติดกับแนวชายแดนเชิงเขาพระวิหารไทย-กัมพูชาแต่ยังไม่พบว่ามีการนำตัวคนไทยทั้ง 3 คนกลับเข้ามายังเขตไทยแต่อย่างใด คาดว่ายังคงถูกควบคุมตัวไว้สอบสวนภายในวัดฝั่งที่ชาวกัมพูชาเข้ามาตั้งชุมชนบ้านเรือนร้านค้าอาศัยอยู่ก่อนจะปล่อยตัว

"พ.ต."ผู้กล้าโดนระเบิดขาขาด

ข่าวแจ้งด้วยว่าเวลา 14.00 น.ทหารไทยที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ตรึงกำลังตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณเชิงเขาพระวิหาร เพื่อปฏิบัติการทางจิตวิทยากดดันให้ทางกัมพูชายินยอมปล่อยตัวคนไทยทั้ง 3 คน และเพื่อคุ้มครองทีมเจรจาได้เกิดพลาดเหยียบกับระเบิดที่บริเวณภูมะเขือ ทางด้านทิศตะวันตกของประสาทพระวิหาร อยู่ห่างจากประตูเหล็กทางเข้าเขาพระวิหาร ไปประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้ ทพ.วิลัย อารมย์ รองผบ.ร้อยชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 2301 ได้รับบาดเจ็บขาขวาขาด

หลังเกิดเหตุ กกล.สุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้นำเฮลิคอปเตอร์ ไปรับตัว ทพ.วิลัย ออกจากพื้นที่และนำตัวเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์แล้ว

ระบุ 3 คนไทยยังไม่ได้กลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 21.10 น.คนไทยทั้ง 3 คนยังไม่ถูกปล่อยตัวกลับเข้ามายังเขตแดนไทยตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ หลังกลับจากการเจรจากับทางการกัมพูชา โดยยังไม่มีใครสามารถยืนยันสาเหตุที่แท้จริงได้

รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้คนไทยทั้ง 3 คนรวมทั้ง พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กกล.สุรนารี และพระวิจิตร ที่ถูกเชิญเข้าไปร่วมเจรจากับฝ่ายกัมพูชาในภายหลังยังคงอยู่ภายในวัดกัมพูชาบริเวณปราสาทโคปุระชั้นที่ 1 ปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ทิศตะวันตกของตัวปราสาท

ส่วนทางด้านล่างเชิงเขาพระวิหาร บริเวณประตูทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารได้มีการตรึงกำลังของตำรวจ-ทหารทั้ง 2 ฝ่ายตามแนวชายแดนบริเวณเป็นจำนวนมาก โดยด้านหลังประตูเหล็กฝั่งทางขึ้นสู่ปราสาทพระวิหาร ฝ่ายกัมพูชาได้ส่งกำลังตำรวจ-ทหาร จากกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 795, กองร้อยที่ 1, กองร้อยที่ 2 และกองร้อยที่ 6 ของภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชารวมประมาณ 1 กองพันเข้าตรึงพื้นที่ดังกล่าว

ส่วนด้านหน้าประตูเหล็กฝั่งประเทศไทยมีกำลังตำรวจ สภ.กันทรลักษ์, สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ และทหารพรานเข้าตรึงกำลังพร้อมอาวุธครบมือประมาณ 200-300 คนโดยไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งกองทัพสื่อมวลชน เดินทางเข้าใกล้บริเวณเชิงเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อย่างใด

ด้านนายสมาน เปิดเผยล่าสุดว่า จากการโทรศัพท์สอบถาม 1 ใน 3 คนของกลุ่มธรรมยาตราฯที่ถูกกัมพูชาควบคุมตัวไป เมื่อเวลา 20.00 น. ทราบว่าขณะนี้ทั้ง 3 คน รวมทั้งพระวิจิตร ได้อยู่กับ ผบ.กกล.สุรนารี ที่วัดกัมพูชาดังกล่าวจริงโดยยังไม่เดินทางเข้ามายังเขตแดนไทย

นอกจากทราบว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินทำประวัติ ทั้งให้ถอดเสื้อถ่ายรูป ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงและให้ลงรายมือชื่อรับรองเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทั้ง 3 คน พร้อมทำการบันทึกภาพวิดีโอด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ผบ.กกล.สุรนารี พยายามต่อรองให้ฝ่ายกัมพูชาส่งมอบเอกสารหลักฐานดังกล่าวให้ฝ่ายไทยทั้งหมดเพื่อทำลายทิ้งเพราะไม่ต้องการให้เป็นเอกสารหลักฐานที่ปัญหาในภายหน้าเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนและอธิปไตย ซึ่งในที่สุดฝ่ายกัมพูชาก็ยินยอม

เอเอฟพีเผยเขมร"กัก"ทหารไทยนับร้อย

สำนักนักข่าวเอเอฟพี ได้รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายเขียว กัญฤทธิ์ เมื่อเวลา 18.19 น.วานนี้ (15 ก.ค.) โดยยังไม่มีคำอธิบายว่าทหารไทยนับร้อยคน "ข้ามแดน" เข้าไปกัมพูชา เมื่อไรและอย่างไร

รัฐมนตรีกัมพูชาผู้นี้ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีสมเด็จฯ ฮุนเซนได้สั่งห้ามทหารกัมพูชาใช้อาวุธก่อน นอกเสียจากจะถูกยิงก่อน แต่ก็กล่าวด้วยว่า ฝ่ายกัมพูชาจะใช้อาวุธ ถ้าหากพบว่าทหารไทยล่วงล้ำดินแดนกัมพูชาอย่างตั้งใจ

"ความตึงเครียดเพิ่มทวีขึ้นที่ชายแดนกัมพูชาติดกับไทย ขณะที่ทหารไทยคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดและทหารไทย ราว 100 คน ถูกกักตัวไว้ในเขตแดนพิพาทใกล้ปราสาทพระวิหาร"เอเอฟพี กล่าว

เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด หลังจากทหารของไทยเข้าไปนำตัวผู้ประท้วงชาวไทยที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านั้น ฐาน "ข้ามแดนเข้าไปในเขตปราสาทพระวิหารโดยไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง"

แต่โฆษกของฝ่ายกัมพูชา กล่าวในเวลาต่อมา ว่า ทหารไทยถูกกักตัวเอาไว้จนกว่าจะสามารถเจรจาแก้ไขปัญหาการเผชิญหน้ากันได้

"เรายังไม่อนุญาตให้ทหารไทยกลับไปในขณะนี้และตอนนี้ก็ยังเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก" นายเขียวกล่าว

รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว ซึ่งทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ "ปล่อยตัว" ทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บแล้วเพื่อไปรับการรักษาหลังจากโดนกับระเบิด ซึ่งทำให้ขาขาดไปข้างหนึ่ง

นายทหารของไทยผู้หนึ่ง กล่าวกับเอเอฟพี ว่า ทหารที่เหยียบกับระเบิดคนนั้นต้องตัดขา แต่ก็ยืนยันว่าไม่ได้ข้ามเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา

นายเขียว กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสมเด็จฯ ฮุนเซนได้สั่งทหารห้ามยิง จนกว่าจะถูกยิงก่อน

"ไม่มีความตึงเครียดอะไร ไม่มีใครตะโกนด่าใคร เราขอร้องให้พวกเขา (ทหารไทย) อยู่ก่อนชั่วขณะหนึ่ง" โฆษกรัฐบาล กล่าว

"เราจะต้องหาความจริงเพิ่มเติม และให้พวกเขารู้ว่า พวกเขาเข้าใจผิดเรื่องเขตแดน ถ้าหากพวกเขาตั้งใจที่จะล่วงล้ำเราก็จะต้องใช้อาวุธของเรา" รัฐมนตรีกัมพูชา กล่าว

บัวแก้วปฏิเสธทหารไทยล้ำแดนเขมร

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งโดยปฏิเสธรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศที่ว่า เจ้าหน้าที่ทหารไทยได้ล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชา โดยตามคำแถลงที่นำขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเวลา 17.33 น.วานนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย นายธฤต จรุงวัฒน์ ระบุว่า "ประเทศไทยขอปฏิเสธข่าวลือที่ว่าเจ้าหน้าที่ทหารไทยได้ ข้ามเข้าไปในดินแดนกัมพูชา"

"เป็นความจริงที่ว่าวันนี้เราได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปที่ชายแดนในเขตแดนของไทย แต่ทั้งนี้ก็เพื่อรับประกันว่าการประท้วงของชาวไทยกลุ่มหนึ่งตามความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับการทวงคืนเขตแดน จะดำเนินไปอย่างเรียบร้อย" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าว

"กองทัพบกไทยในภูมิภาคได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเข้าใจผิด" คำแถลงระบุ อย่างไรก็ตามโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยมิได้กล่าวถึงรายงานจากกรุงพนมเปญที่ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้กักทหารไทยเอาไว้นับร้อยคนในเขตแดนกัมพูชา และยังไม่อนุญาตให้กลับเข้าไทย

นักวิชาการนัดเปิดเอกสารลับวันนี้

ด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ และอดีตอนุกรรมการพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันของเครือข่ายนักวิชาการในนาม "กลุ่มประชาชนชาวไทย ผู้เป็นตัวแทนประเทศไทย" เมื่อ 14 ก.ค.ที่ประชุมมีมติว่าจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดอย่างไม่เป็นทางการเพื่อติดตามการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องปราสาทพระวิหาร และจะนำข้อมูลมาสรุป ประเมินผลในแง่มุมที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม นักวิชาการที่เป็นสมาชิกกลุ่มประชาชนชาวไทยฯยังสงวนสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นที่เป็นของตนเองต่อสาธารณชนได้

นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการเสวนากรณีปราสาทพระวิหารที่จะมีในวันนี้เวลา 09.00-12.00 น.ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ โดยมีนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิจัยเชี่ยวชาญ 9 สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นายสุริชัย ศิริไกร คณะรัฐศาสตร์ มธ.นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน รองอธิการบดีฝ่ายวางแผน นิด้า เป็นต้น ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไป และผู้ที่สนใจเข้าร่วมด้วย

จากนั้นเวลา 14.00 น.นักวิชาการจะร่วมกันแถลงข่าวที่ชั้น 9 สถาบันไทยคดีศึกษา มธ.โดยการแถลงข่าวครั้งนี้จะเป็นการแถลงข่าวแบบปิด อนุญาตให้เฉพาะผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังเท่านั้น โดยผู้สื่อข่าวจะต้องแสดงบัตรประจำตัวของต้นสังกัดที่ชัดเจน เนื่องจากจะมีการเปิดเอกสารและดีวีดีลับเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของคณะกรรมการมรดกโลกสากล และอิโคโมสสากล โดย ดร.สมปอง สุจริตกุล อดีตเอกอัครราชทูต ร่วมแถลงข่าวด้วย ซึ่งเมื่อสื่อได้ทราบข้อมูลต่างๆ แล้วจะได้ช่วยกันสะท้อนไปถึงคณะกรรมการมรดกโลกไทย ชุดที่มีนายปองพล อดิเรกสาร เป็นประธานฯ เพื่อให้ทราบว่า เกิดอะไรขึ้น และคณะกรรมการมรดกโลกไทย ควรจะจัดการหรือรับผิดชอบอย่างไร

นายเทพมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับการเคลื่อนไหววานนี้ได้เข้ายื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ช่วยตรวจสอบโดยเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารลับมากของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ใช้ดำเนินการอยู่เฉพาะในกระทรวงเท่านั้น ซึ่งไม่มีการเปิดเผยมาก่อนและอีกชุดหนึ่งเป็นเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศ ทำรายงานถึงหน่วยงานสำคัญหน่วยงานหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งเอกสารทั้ง 2 ชุดนี้มีความไม่ชอบมาพากลของการนำเสนอปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่าด้วยเรื่องขั้นตอนต่างๆ ซึ่งผิดกับสิ่งที่คนในสังคมไทยได้รับรู้มาโดยตลอด

กรมศิลป์ลงพื้นที่สัปดาห์หน้า

นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผอ.สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวว่า นายปองพล มอบหมายให้กรมศิลปากร ดำเนินการจัดทำข้อมูลแหล่งโบราณสถานอันเกี่ยวเนื่องปราสาทพระวิหาร ในเขตเขาพระวิหารฝั่งไทยทั้ง 5 แห่ง 1.สระตราว หรือสระน้ำเทวาลัยสถาน 2.สถูปคู่ 3.แหล่งตัดหินปราสาท 4.ภาพสลักนูนต่ำผามออีแดง และ 5.ชุมชนโบราณบริเวณเชิงเขาพระวิหาร หมู่บ้านโดนตวล หมู่บ้านภูมิซรอล และหมู่บ้านกุรุเกษตร ตามปรากฏอยู่หลักฐานศิลาจารึกพระวิหาร ซึ่งสำนักโบราณคดีจะลงสำรวจพื้นที่แหล่งโบราณคดีเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า เพื่อทำข้อมูลให้แล้วเสร็จใน 1 เดือน ส่งไปที่นายปองพล เสนอต่อองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) สำนักงานใหญ่ ประเทศฝรั่งเศส เข้าบัญชีรายชื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คาดว่า คณะทำงานมรดกโลกของยูเนสโกพิจารณาในเดือน ม.ค.2552 หรือเสร็จก่อนวันที่ 1 ก.พ.2552

ทั้งนี้ หากพิจารณาผ่านเสนอเข้ารายชื่อ ขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการโบราณสถานแห่งชาติว่าด้วยสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (อีโคโมส) กลางสากล จะเข้ามาประเมินคุณค่าทางวิชาการตามพื้นที่ 5 แห่ง ที่ไทยจะเสนอชื่อภูมิทัศน์วัฒนธรรมปราสาทพระวิหารพอจะเป็นมรดกโลกได้หรือไม่ หากเห็นว่ามีคุณค่าเพียงพอตามหลักเกณฑ์ข้อ 3 และ 4 ก็จะเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกชุดใหญ่เป็นมรดกโลก คู่ขนานกับปราสาทพระวิหารมรดกโลกของกัมพูชาที่ขาดหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น