xs
xsm
sm
md
lg

แฉหุ่นเชิดวางแผนหนีตาย 4 ข้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน-พันธมิตรฯเชื่อ "พลังแม้ว" วางแผนหนีตาย 4 ประการ "รัฐประหารตัวเอง-แก้ รธน. -ถอดถอน กกต.-ป.ป.ช.-และสกัดการขยายตัวของกลุ่มพันธมิตรฯ" จับตา 3 เดือนต่อจากนี้อันตราย เผยวันนี้พันธมิตรฯจะเดินทางไป ป.ป.ช.ยื่นดำเนินคดีอาญากับ ครม.และผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 42 ราย กรณีรับรองลงนามปราสาทพระวิหาร ตอกไดโนเสาร์ "หมัก" พยายามรักษาฐานอำนาจยื้อชีวิตจนถึงฤดูโยกย้ายประจำปี มั่นใจปัญหารุมเร้าทุกทางไม่รอดคุกแน่ เชื่อขณะนี้ "หุ่นเชิด" ทิ้งทวนรองบประมาณผ่านสภา เพื่ออนุมัติเมกะโปรเจกต์ เตรียมทุนเลือกตั้ง

วานนี้ (13 ก.ค.) หลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ซึ่งออกอากาศ ทางช่อง NBT และวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองนั้น แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ได้ออกมาตอบโต้แนวคิดของนายสมัคร ทันที เนื่องจากเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกร้อง

"พิภพ"ชี้หมักดิ้นรอผ่านงบฯ

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯกล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร ระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐบาลขณะนี้มีที่มาจากรัฐธรรมนูญว่า คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนักการเมืองที่ไม่พยายามปรับตัวให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหา ขณะที่รัฐธรรมนูญไม่เคยมีปัญหาอะไร

สำหรับท่าทีของพันธมิตรฯ คงจะชุมนุมและกระตุ้นให้องค์กรภาคประชาชน ช่วยกันปกป้องไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ทางกลุ่มพันธมิตรฯ คงยังไม่ยุติการชุมนุมได้ แม้คดีความต่างๆ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว แต่รัฐบาลที่มีปัญหายังคงอยู่ และยังมีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายพิภพ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศในพรรคพลังประชาชนจะไม่ยุบสภา ไม่ลาออกว่า คงไม่เชื่อนายกรัฐมนตรีทั้งหมด การพูดของนายกรัฐมนตรีเป็นความพยายามแก้ปัญหาการเมืองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่สิ่งที่พันธมิตรฯ เชื่อคือ รัฐบาลจะพยายามอยู่ในตำแหน่งให้นานที่สุด อย่างน้อยให้เลยวันที่ 15 ก.ย. หรือช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ผ่านสภาก่อน และดูแลการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำและกองทัพเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อรักษาฐานอำนาจของตนเอง

"สมเกียรติ"ซัดแก้ รธน.หนีตาย

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ อีกคนกล่าวว่า การออกรายการสนทนาประสาสมัครของนายกฯ ที่ออกอาการลุกลี้ลุกลนผิดปกติ แสดงว่า รัฐบาลหุ่นเชิดใกล้จะหมดวาระใกล้จะตายแล้ว แต่ที่ไม่ยอมลาออก ไม่ยุบสภา เพราะขณะกำลังทิ้งทวนโดยรองบประมาณผ่านสภาก่อน เพื่ออนุมัติโครงการใหญ่ๆ หวังผลประโยชน์เอาไว้เตรียมเลือกตั้งครั้งหน้า

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสมัยที่นายสมัคร เป็นผู้ว่าฯ กทม.มีการเซ็นโครงการรถ-เรือ ดับเพลิง มูลค่า 6,000 ล้านบาท ก่อนพ้นตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เพียงวันเดียว ซึ่งคดีมีมูล ตอนนี้เรื่องอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เชื่อว่านายสมัคร ติดคุกแน่ ขณะเดียวกันยังมีเรื่องขยะมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท รวมถึงเรื่องล่าสุดที่สื่อญี่ปุ่นนำมาแฉว่ามีการรับสินบนโครงการขุดอุโมงค์ 125 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้นายสมัครยอมรับในรายการเองที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว ตัวอักษรย่อ ส.ตัวแรก คือ สมัคร ตัวอักษร ส.ตัวที่ 2 คือ สหัส เลยออกอาการสติแตกเรียกคนอื่นไอ้บ้า เพราะคนญี่ปุ่นที่เอาเรื่องนี้มาเปิดเผย คือคนที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นติดคุก 30 ปี แต่ติดไม่ถึงเพราะตายในคุกก่อน

ส่วนกรณีที่นายสมัคร พูดเรื่องปราสาทเขาพระวิหารว่า คนเกิดไม่ทันก็แหกปากจะเอาคืน ทั้งที่เราแพ้คำตัดสินของศาลโลกไปแล้ว ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญได้ตัดสินแล้วว่า นายนพดล ผิดนั้น นายสมเกียรติกล่าวอยากจะบอกว่านายสมัครอย่าดัดจริตโยนบาป โทษคนอื่นหรือไปโทษนายนพดล ผิดคนเดียว เพราะผิดทั้งรัฐบาลหุ่นเชิดทั้งหมด เพราะวันที่นายสมัครไปเยือนกัมพูชาว่าไทยอาจจะต้องถอยให้เขมร 4.6 ตาราง กม.แล้วมาพูดที่หลังว่ากัมพูชาขึ้นมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาท ไทยไม่ได้เสียดินแดนพื้นที่ทับซ้อนให้ สำหรับเรื่องมติของศาลรัฐธรรมนูญ ตนเห็นว่านายสมัครต้องไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ให้จบ

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า นายสมัคร บอกว่าจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อเปิดสภาโดยไม่สนใจกลุ่มพันธมิตรฯคัดค้านว่า นายสมัคร แสดงธาตุแท้ให้เห็นแล้ว โดยไม่สนใจว่าใครจะคัดค้าน ซึ่งกลุ่มพันธมิตรเริ่มชุมนุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค.จุดยืนคือการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพวกนั้นคิดว่าทางรอดของพวกเขาคือหนีและต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ศาลรู้ทันเลยหนีได้ เหลือทางรอดทางเดียวตอนนี้ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ

"แต่ตอนนี้แก้ไปก็ไม่มีความหมายแล้ว เพราะออกอาการจนตรอกรู้ว่าตนใกล้จะตายไม่รอดแล้ว หลายเรื่องรุมเร้าไม่เฉพาะเรื่องปราสาทพระวิหาร ยังมากล่าวหาคนที่ขึ้นพูดบนเวทีพันธมิตรฯเกิดไม่ทันแต่มาปลุกระดม เพื่อรอรับเงินบริจาคจากผู้ชุมนุม พวกเรามาไล่รัฐบาลหุ่นเชิด โค่นล้มระบอบทักษิณ ไม่ได้โยนบาปให้ใคร หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ด่านายสมัคร ว่าไร้ยางอาย ตนว่านายสมัคร ไม่มียางอายมากกว่า อย่างหนาเลย" แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า รถเมล์ ขสมก.ขณะนี้มีวิ่งอยู่ 3,000-3,500 คัน แต่รัฐบาลจะเอามาวิ่งอีก 6,000 คัน อยากถามว่า อีก3,000 คัน จะเอาไปไว้ที่ไหน และของเก่าอีก 3,000-3,500 คัน รัฐบาลจะต้องตอบปัญหานี้ให้ได้ ถ้าตอบไม่ได้ พันธมิตรฯอาจจะดาวกระจายที่กระทรวงคมนาคม กินผลประโยชน์ชาติ ภาษีประชาชน 6,000 ล้าน ซึ่งจะเข้าครม.อังคารนี้

"สมศักดิ์"จวกบ้าท้ารบสื่อ

ขณะที่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า นายสมัคร ทำผิดรัฐธรรมนูญ โดยการแทรกแซงสื่อ ขออภิปรายไม่ไว้วางใจสื่อ มีอย่างที่ไหน นายกฯคนนี้คงบ้าไปแล้ว แถมยังจะมาใช้สื่อของรัฐตอบโต้สื่อรายวัน อีกทั้งด่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เรื่องที่ ส.ว.ยื่นถอดถอน รวมถึงกล่าวหา ป.ป.ช.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้เข้าถวายสัตย์ฯ นายกฯเพี้ยนไปแล้ว ขอถามว่าพวกรัฐบาลที่เข้าถวายสัตย์แต่ไม่ปฏิบัติตาม ควรถูกถอนถอนหรือไม่ และยังปกป้องคนผิด ปกป้องระบอบทักษิณ ไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญยังมาด่ารัฐธรรมนูญ เป็นต้นเหตุอีก

"ขณะนี้นายสมัคร กำลังออกอาการดิ้นรนเต็มที่เวลานี้ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุกแล้ว อีกไม่นานขาอีกข้างต้องเข้าตามไปแน่ ซึ่งนายสมัคร ตั้งคำถามว่าจะเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเข้าคุกทำไมต้องเอาเขาเข้าคุกไปด้วย แล้วกระเหี้ยนกระหือรือมีเจตนารีบให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลกทำไม ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน ตอนนี้เหมือนสุนัขจนตรอก คืออาการขั้นสุดท้ายติดคุกอย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัย" นายสมศักดิ์กล่าว

เชื่อ"พลังแม้ว"วางแผนหนีตาย

เมื่อเวลา18.10 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์ว่า ขณะนี้ระบอบทักษิณ ต้องดิ้นหนีตายโดยเฉพาะจากตุลาการภิวัตน์ที่เริ่มทำงานมากขึ้น ซึ่งสามเดือนจากนี้ไปถือเป็นสามเดือนอันตราย

ดังนั้น พรรคพลังประชาชน จึงวางแผนหนีตายสี่ประการด้วยกัน คือ (1) การรัฐประหารตัวเอง โดยการโยกย้ายทหารในช่วงปลายเดือนกันยายนนั้นจะมีผู้บัญชาการระดับสูง ถึงสามนายพลซึ่งจะปลดเกษียร ดังนั้น พรรคพลังประชาชน จะเข้าไปล้วงลูก เพื่อทำให้เกิดการรัฐประหารโดยกำลังของฝ่ายทักษิณ ซึ่งจะเป็นการยึดอำนาจโดยแกนนำระดับผู้บังคับกองพัน ไม่ใช่โดยระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เหมือนการรัฐประหาร 19 ก.ย.49

(2) เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญแบบรวบหัวรวบหาง ตนทราบข่าวจากทางพรรคพลังประชาชนว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้นั่งหัวโต๊ะ ประชุมร่วมกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อหาทางแก้รัฐธรรมนูญแบบสามวาระรวด ซึ่งเป็นทางลัดนำไปสู่ทางรอดที่จะช่วย ทักษิณ และเครือข่ายให้หลุดพ้นจากความผิดได้ โดยเฉพาะ ม.237 และม. 309 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญ

(3) เปลี่ยนเป้าป่วนเตรียมถอดถอน กกต.และ ป.ป.ช.โดยเห็นได้จากคำพูดของนายกฯ ในวันนี้ โดยจะใช้ ส.ส. ชองพรรคพลังประชาชนหรือมวลชนในสังกัดระบอบทักษิณ เข้าชื่อ 20,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนสององค์กรดังกล่าว และ (4 ) เดินเกมมวลชนขวางการขยายตัวของพันธมิตรฯ โดยพร้อมจะใช้ความป่าเถื่อน ความถ่อย และความรุนแรง เพื่อสกัดการขยายตัวของกลุ่มพันธมิตรฯ เช่นที่เกิดขึนที่ จ. เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง สกลนคร กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และนครราชสีมา

ยื่นดำเนินคดีอาญากับ ครม.วันนี้

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่าในวันนี้เวลา 10.00 น.พันธมิตรฯจะเดินทางไป ป.ป.ช.เพื่อใช้สิทธิตาม ม. 275 ของรัฐธรรมนูญให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวม 42 คน โดย 5 แกนนำพันธมิตรฯ และตนรวมหกคนเป็นผู้กล่าวหา ส่วนในวันอังคารนั้น ในเวลา 11.00 น. จะเดินทางไปยื่น 20,000 รายชื่อต่อประธานวุฒิสภา เพื่อถอดถอนครม.ทั้งคณะ โดยแยกสำนวนเป็น 35 สำนวนแต่ข้อหาเหมือนกันและใช้ฐานเสียงประชาชนเดียวกัน เพื่อไม่ไห้เกิดปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งเท่าที่ตนทราบขณะนี้รายชื่อเกิน 25,000 รายชื่อแล้ว ส่วนรัฐมนตรีที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยนั้น คงปล่อยให้เป็นดุลพินิจของ ป.ป.ช.

ส่วนกรณีที่นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจะใช้ยุทธศาสตร์สอยดาวโดยจะเดินทางไป ป.ป.ช.ในเวลา 10.00 น.ด้วยนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ถ้าจะหาเรื่องก็ต้องระวังตนเองด้วย เพราะตนไม่สามารถควบคุมคนเป็นหมื่นที่จะร่วมเดินทางไปด้วยได้ อย่างไรก็ตามท่าทีของนายกฯ ที่กล่าวโจมตีสื่อมวลชน รวมทั้งหน่วยงานที่คอยตรวจสอบรัฐบาลนั้น เป็นการเปิดเกมสู้ ตาต่อตาฟันต่อฟัน เพราะรัฐบาลถอยไม่ได้จึงต้องสู้ทุกประตูที่เปิด ตนเชื่อว่ากลไกของรัฐบาลต่อจากนี้จะถูกนำมาใช้ทั้งหมดเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้ามเหมือนอาการขั้นสุดท้ายของคนป่วย ที่รู้ชะตากรรมตนเองแล้วว่าจะไม่รอด

"พิภพ"จวกมทภ.3 ปล่อยม็อบถ่อยเหิม

เวลา 20.30 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า มิติใหม่การเมืองกำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะวันนี้พันธมิตรฯ สามารถเปิดประตูเข้าไปจัดเวทีเสวนาที่ จ.เชียงใหม่ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้การเสวนาจะขรุขระ แต่พี่น้องชาวเชียงใหม่ ก็ยังให้การต้อนรับพันธมิตรฯ อย่างล้นหลาม ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคจากพวกที่มาก่อกวน

ขณะเดียวกันรู้สึกผิดหวังการทำหน้าที่ของทหาร โดยเฉพาะทหารของกองทัพภาคที่ 3 ไม่เข้ามาดูความสงบให้กับประชาชนที่มารับฟังการปราศรัย ปล่อยให้ม็อบ นปก.แสดงความป่าเถื่อนด้วยการขว้างปาสิ่งของทั้งไข่เน่า ขวดน้ำ และก้อนหินๆ เข้าใส่ผู้เข้าร่วมเสวนาอย่างเมามัน ซึ่งหากแม่ทัพภาคที่ 3 จัดกำลังทหารมาดูแลความสงบเหมือนสมัยที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ทำทุกครั้ง เมื่อพันธมิตรฯ จัดการชุมนุม เชื่อว่าปัญหาจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

"สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีการประชุมเจรจาข้อตกลงเพื่อเปิดเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ที่เชียงใหม่ ทั้งๆที่ผลประโยชน์ของการประชุมไม่ได้เกี่ยวข้องกับพี่น้องชาวเชียงใหม่ ยังจัดกำลังทหารมาดูแลการประชุมอย่างเต็มที่ แต่วันนี้เมื่อมีการชุมนุมของประชาชน ทหารที่ประจำการอยู่ในภูมิภาคก็ต้องออกมาดูแลด้วย จะปล่อยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ เพราะตำรวจก็คือรัฐและอาณาจักรของระบอบทักษิณ แต่ทหารยังไม่ใช่ เพราะฉะนั้นทหารต้องแสดงตัวตน ปกป้องประชาชน"

นายพิภพ ยังย้ำถึงความสำคัญในการจัดการชุมนุมที่ต่างจังหวัด เนื่องจากการชุมนุมในแต่ครั้งจะมีความเสี่ยง เต็มไปด้วยพวกมีอิทธิพล นักการเมืองท้องถิ่น รวมไปถึงเจ้าพ่อ ถึงแม้จะมีตำรวจแต่ก็ไว้วางใจไม่ได้ เพราะตำรวจในท้องที่ต้องรับฟังคำสั่งจากส่วนกลาง ซึ่งวันนี้ก็ชัดเจนว่า ตำรวจส่วนกลางยังเป็นคนของระบอบทักษิณอยู่ ดังนั้นจะหวังให้ตำรวจดูแลการชุมนุมในต่างจังหวัดอย่างจริงจังคงมิได้ และถึงแม้จะไม่ได้รับความปลอดภัย แต่ประชาชนในต่างจังหวัดก็ยังจัดเวทีคู่ขนานกับพันธมิตรฯ ส่วนกลาง ดังนั้นเชื่อว่า อีกไม่นานพันธมิตรฯ จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน นายพิภพ ยังเสนอแนวทางการชุมนุมใหม่โดยให้ประชาชนในต่างจัดหวัดจัดเวทีคู่ขนานกับพันธมิตรฯส่วนกลาง ในวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี จากนั้นขอให้เดินทางมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯส่วนกลางที่กรุงเทพฯ ในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ภาพการชุมนุมถูกถ่ายทอดออกไปทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึงพลังและศูนย์รวมของการเมืองภาคประชาชนอย่างแท้จริง

นายพิภพ ยังเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงนำเสนอข่าวให้ครบทุกด้านอย่านำเสนอเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ปกปิดความจริงจนประชาชนไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง พันธมิตรฯไม่ได้สู้กับรัฐบาลเพียงเท่านั้นแต่ยังต้องต่อสู้กับสื่อของรัฐด้วย เราจะถ้อใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้ การเมืองกำลังกลับมาสู่จุดเริ่มต้นใหม่ รัฐบาลหุ่นเชิดกำลังจะฟื้นแผนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 หวังล้มกระบวนการยุติธรรมในรัฐธรรมนูญกำลังทำงาน ฝ่ายบริหารกลัวการถูกเปิดโปง ดังนั้นจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด

"ประเทศไทยจะมีนักการเมืองดีๆ ไม่ได้เลยหรือไม่ เพราะนักการเมืองดีๆ จะไม่สนใจ จะทำผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะเขาไม่มีวันจะไปกระทำผิดกฎหมาย มีแต่นักการเมืองเลวๆเท่านั้น ที่พยายามหาช่องทางกฎหมายกระทำความผิด ไม่ฟังแม้กระทั้งเสียงเตือนจากทุกภาคส่วน ดังนั้นพันธมิตรฯ จะไม่ปล่อยให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"

“สมศักดิ์”อัด“หมัก”เพี้ยนวิวาทสื่อ

เวลา 21.25 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯขึ้นกล่าวบนเวทีว่า มีเรื่องที่แจ้งให้ทราบวันนี้นั่นคือน่าเป็นห่วงสื่อมวลชนไทย เพราะนายกฯสมัครบอกว่าของดีจะมีวันอาทิตย์ แต่กลับไม่มีอะไรเลย อีกทั้งสื่อมวลชนตอนนี้คุณลำบากแน่เพราะสมัครเขาประกาศไม่ไว้วางใจคุณแล้ว

“สื่อมวลชน หรือปะชาชนมีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ เปิดเผยถึงการทำงานของรัฐบาล ดังนั้นคนเป็นรัฐบาลต้องยอมรับ แต่สมัครไม่รู้มาจากไหน แกขออภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่างนี้สนุกครับ ยิ่งนานยิ่งสนุก ที่เขาไม่ไว้วางใจสื่อมวลชน อย่างนี้”

แกนนำพันธมิตร กล่าวต่อว่า จากการที่นายสมัครพูดถึงเรื่องอริยสัตย์สี่ วันนี้ว่ารธน.เป็นนิโรธ ต้องแก่รธน.ทั้งที่ความจริงทุกข์ คือความไม่สบายกาย และไม่สบายใจ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คือการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง มีความโลภคืออยากได้ไม่รู้จักพอ ดังนั้นครม.อย่าโลภ รู้จักเพียงพอรู้จักมุฐิตาอุเบกขา เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง และปัญหาก็จะแก้ได้ ไม่ใช่อ้างแต่ว่ารัฐธรรมนูญผิด อย่างเดียว

“ตอนนี้นายกฯไปไม่รอด ต้องออกมาอ้างต้องแก้รธน. ต้องปรับครม. ยืนยันไม่ลาออก จะสู้ แต่พอปรับครม.ก็อ้างหาคนไม่ได้ แสดงว่าคนดีๆเขาไม่อยากเข้าร่วม เพราะว่าครม.ของเขาขาข้างหนึ่งอยู่ในคุก ทั้งๆที่ก็รู้ตัวอยู่แล้วยังทำอีก เหมือนกับนายกฯพูดอะไรไม่ถูก บางครั้งจึงเหมือนกับสารภาพบาปปลอบใจตัวเอง เพราะไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร”

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การที่นายสมัครชี้แจงถึงการลงนามเรื่องปราสาทพระวิหาราของนายนพดลว่า วันที่ 2 -9 ก.ค. คณะกรรมการมรดกโลกต้องประชุม ซึ่งตามกฏเกณฑ์แล้ว ซึ่งไทยต้องนำเสนอเรื่องดังกล่าวก่อน 6 สัปดาห์ ถ้าย้อนไปต้องไปถึงวันที่ 22 พ.ค.พอดี ดังนั้นนี่คือการสารภาพว่าจงใจเจตนาที่จะเอาอธิปไตยของชาติบางส่วนไปให้ประเทศอื่น ซึ่งครม.จะมาอ้างว่าไม่ได้มีความเจตนาไม่ได้เพราะ มีหลายเสียงแย้งก็ไม่ยอมรับฟัง ฝ่ายค้านโดยประชาธิปปัตย์ อภิปรายแล้วก็ไม่สน ส.ส. 278 เสียงฝ่ายรัฐบาลต่างช่วยกันยกมือ ซึ่งแสดงถึงความจงใจเจตนาอย่างแท้จริง มาอ้างไม่ได้

ขณะเดียวกันกรณีที่ นายเฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ไปภาคอีสานและนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปตะวันออกแต่โดนขับไล่หนีกระเจิง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะนี่คือจังหวะที่คนอีสานควรต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ อย่ากลัว อย่าหนีคนชั่วไม่ต้องไปตกใจ ดังนั้นเราต้องชี้ให้เห็นว่าพวกเขาบริหารประเทศโดยเจตนาจงใจไม่ปฏิบัติตามบทบัญญิตรธน.

สุดท้าย นายสมศักดิ กล่าวย้ำถึงการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลว่า มีส่วนเกี่ยวโยงกับคดีความของทักษิณ มาตรา 390 รวมถึงแผนการยกเลิกมาตรา 190 เพื่อปลดแอก 111 คนออกมาอาละวาด ดังนั้นเราไม่ยอมให้มีการแก้รธน.เกิดขึ้น อีกทั้งอยากขอวิงวอนให้พี่น้องพันธมิตรทุกคนที่ต่างจังหวัด อย่าจัดเวทีคู่ขนาดกันกับเวทีนี้ในวันศุกร์ – อาทิตย์ แต่อยากเชิญชวนมาร่วมกันที่นี่ เพื่อขับไล่รัฐบาลนี้ออกไป และพี่น้องทุกคนจากต่างจังหวัดที่มาร่วมกัน จะได้เห็นว่าจำนวนคนที่มาร่วมชุนนุมมันมากขนาดไหน จะเป็นไปตามข่าวที่มีเพียงไม่กี่พันคนจริงหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น