รอยเตอร์/เอเอฟพี - เกาหลีใต้ประกาศแผนฉุกเฉินลดการใช้พลังงาน ก่อนที่วิกฤตน้ำมันแพงจะฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่วิกฤตการณ์เต็มตัว
นายกรัฐมนตรีฮันเซืองซูแถลงข่าวเมื่อวานนี้(6)ว่า รัฐบาลจะจำกัดการใช้รถยนต์ของหน่วยงานรัฐ ด้วยการสลับใช้รถที่มีอยู่กว่า 15,000 คันวันเว้นวันตั้งแต่วันที่ 15 นี้ โดยห้ามใช้รถที่ป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคู่ในวันคู่ และห้ามรถป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่วิ่งในวันคี่ ตลอดจนถึงเปลี่ยนรถที่ใช้ในหน่วยงานรัฐครึ่งหนึ่งเป็นรถเล็กที่ประหยัดพลังงานภายในปี 2012
สำหรับมาตรการเฉพาะหน้าอื่นๆ ยังรวมถึงการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศหรือระบบทำความร้อนภายในอาคารราชการให้สูงขึ้นหรือต่ำลงหนึ่งองศา และควบคุมการใช้พลังงานในหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะช่วยประหยัดการใช้พลังงานของรัฐลงได้ 6%
อนึ่ง ความเคลื่อนไหวนี้นับเป็นมาตรการจำกัดการใช้พลังงานครั้งแรกตั้งแต่ที่ประเทศผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 5 ของโลกแห่งนี้ เคยจำกัดการขนส่งและลดมลภาวะทางอากาศภายในกรุงโซลระหว่างเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 1988
"แม้แต่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังพยายามตัดการใช้จ่ายด้านพลังงาน ดังนั้น เราจึงต้องพยายามมากกว่าพวกเขาถึงสองเท่า นี่เป็นเรื่องของความอยู่รอด" ฮันกล่าว
มาตรการนี้ยังมีขึ้นหลังจากเดือนที่แล้ว รัฐบาลออกมาตรการมูลค่า 10.5 ล้านล้านวอน (10,010 ล้านดอลลาร์) เพื่อลดภาระทางการเงินจากภาวะน้ำมันแพงที่มีต่อผู้มีรายได้ต่ำและเจ้าของธุรกิจขนาดย่อม
ฮันยังคาดว่าจะต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 111,200 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 60,300 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องจากการที่ราคาน้ำมันทะยานขึ้นกว่าสองเท่า
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการคลังแดนกิมจิ ซึ่งต้องนำเข้าน้ำมันที่ใช้บริโภคภายในประเทศทั้งหมด และเศรษฐกิจอิงกับการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกเป็นหลักนั้น ได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตจาก 6% อยู่ที่ 4.7% ต่ำสุดในรอบสามปี พร้อมเตือนว่าประเทศอาจขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์โดยประมาณ สาเหตุจากภาวะน้ำมันแพง
ขุนคลังคังมันซูแถลงว่า อาจต้องมีการทบทวนการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งอิงกับสมมติฐานราคาน้ำมันที่เฉลี่ย 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หากราคาน้ำมันยังเดินหน้าไม่หยุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับความพยายามล่าสุดดูเหมือนจะเป็นมาตรการเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันของภาครัฐคิดแล้วเป็นสัดส่วนไม่ถึง 4% ของปริมาณการใช้ทั่วประเทศ
ในส่วนของภาคเอกชนนั้น รัฐบาลเรียกร้องใช้ประชาชนลดการใช้รถยนต์และลดการใช้ไฟฟ้าภายในร้านค้าหรือภัตตาคาร และว่าจะพิจารณามาตรการจำกัดพลังงานของภาคเอกชน หากอุปทานน้ำมันดิบสะดุด ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีการนำน้ำมันในคลังสำรองฉุกเฉินที่มีพอใช้ 139 วันออกมาใช้
"ชุดมาตรการใหม่จะออกมา เมื่อราคาน้ำมันดิบที่ตลาดดูไบขึ้นไปถึง 170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล" รัฐมนตรีคลังแถลง
ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบที่ดูไบซึ่งเกาหลีใต้ใช้เป็นราคาอ้างอิง เคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 140.55 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 60% ในปีนี้
รัฐมนตรีคลังแถลงต่อไปว่า รัฐบาลจะกระตุ้นให้ธุรกิจสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซนอกประเทศ ป้อนน้ำมันเข้าสู่คลังสำรองอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่แล้ว ทางการโซลประกาศลงทุน 19 ล้านล้านวอนในรัฐวิสาหกิจน้ำมันโคเรีย เนชันแนล คอร์ป (เคน็อก) เพื่อเพิ่มกำลังผลิตหกเท่าและทำให้เคน็อกมีขีดความสามารถแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยรัฐวิสาหกิจแห่งนี้เป็นแกนนำกลุ่มร่วมทุนในโครงการสำรวจแหล่งพลังงานต่างแดน และเกี่ยวข้องกับธุรกิจกลั่นน้ำมันในประเทศ
ดังนั้น หากโครงการนี้สำเร็จ ปริมาณน้ำมันดิบในระดับที่พึ่งพาตัวเองได้ของเกาหลีใต้จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเป้าหมายตอนแรกที่ตั้งไว้ 18.1% ภายในปี 2012
นายกรัฐมนตรีฮันเซืองซูแถลงข่าวเมื่อวานนี้(6)ว่า รัฐบาลจะจำกัดการใช้รถยนต์ของหน่วยงานรัฐ ด้วยการสลับใช้รถที่มีอยู่กว่า 15,000 คันวันเว้นวันตั้งแต่วันที่ 15 นี้ โดยห้ามใช้รถที่ป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคู่ในวันคู่ และห้ามรถป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่วิ่งในวันคี่ ตลอดจนถึงเปลี่ยนรถที่ใช้ในหน่วยงานรัฐครึ่งหนึ่งเป็นรถเล็กที่ประหยัดพลังงานภายในปี 2012
สำหรับมาตรการเฉพาะหน้าอื่นๆ ยังรวมถึงการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศหรือระบบทำความร้อนภายในอาคารราชการให้สูงขึ้นหรือต่ำลงหนึ่งองศา และควบคุมการใช้พลังงานในหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะช่วยประหยัดการใช้พลังงานของรัฐลงได้ 6%
อนึ่ง ความเคลื่อนไหวนี้นับเป็นมาตรการจำกัดการใช้พลังงานครั้งแรกตั้งแต่ที่ประเทศผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 5 ของโลกแห่งนี้ เคยจำกัดการขนส่งและลดมลภาวะทางอากาศภายในกรุงโซลระหว่างเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 1988
"แม้แต่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังพยายามตัดการใช้จ่ายด้านพลังงาน ดังนั้น เราจึงต้องพยายามมากกว่าพวกเขาถึงสองเท่า นี่เป็นเรื่องของความอยู่รอด" ฮันกล่าว
มาตรการนี้ยังมีขึ้นหลังจากเดือนที่แล้ว รัฐบาลออกมาตรการมูลค่า 10.5 ล้านล้านวอน (10,010 ล้านดอลลาร์) เพื่อลดภาระทางการเงินจากภาวะน้ำมันแพงที่มีต่อผู้มีรายได้ต่ำและเจ้าของธุรกิจขนาดย่อม
ฮันยังคาดว่าจะต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 111,200 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 60,300 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องจากการที่ราคาน้ำมันทะยานขึ้นกว่าสองเท่า
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการคลังแดนกิมจิ ซึ่งต้องนำเข้าน้ำมันที่ใช้บริโภคภายในประเทศทั้งหมด และเศรษฐกิจอิงกับการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกเป็นหลักนั้น ได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตจาก 6% อยู่ที่ 4.7% ต่ำสุดในรอบสามปี พร้อมเตือนว่าประเทศอาจขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์โดยประมาณ สาเหตุจากภาวะน้ำมันแพง
ขุนคลังคังมันซูแถลงว่า อาจต้องมีการทบทวนการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งอิงกับสมมติฐานราคาน้ำมันที่เฉลี่ย 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หากราคาน้ำมันยังเดินหน้าไม่หยุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับความพยายามล่าสุดดูเหมือนจะเป็นมาตรการเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันของภาครัฐคิดแล้วเป็นสัดส่วนไม่ถึง 4% ของปริมาณการใช้ทั่วประเทศ
ในส่วนของภาคเอกชนนั้น รัฐบาลเรียกร้องใช้ประชาชนลดการใช้รถยนต์และลดการใช้ไฟฟ้าภายในร้านค้าหรือภัตตาคาร และว่าจะพิจารณามาตรการจำกัดพลังงานของภาคเอกชน หากอุปทานน้ำมันดิบสะดุด ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีการนำน้ำมันในคลังสำรองฉุกเฉินที่มีพอใช้ 139 วันออกมาใช้
"ชุดมาตรการใหม่จะออกมา เมื่อราคาน้ำมันดิบที่ตลาดดูไบขึ้นไปถึง 170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล" รัฐมนตรีคลังแถลง
ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบที่ดูไบซึ่งเกาหลีใต้ใช้เป็นราคาอ้างอิง เคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 140.55 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 60% ในปีนี้
รัฐมนตรีคลังแถลงต่อไปว่า รัฐบาลจะกระตุ้นให้ธุรกิจสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซนอกประเทศ ป้อนน้ำมันเข้าสู่คลังสำรองอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่แล้ว ทางการโซลประกาศลงทุน 19 ล้านล้านวอนในรัฐวิสาหกิจน้ำมันโคเรีย เนชันแนล คอร์ป (เคน็อก) เพื่อเพิ่มกำลังผลิตหกเท่าและทำให้เคน็อกมีขีดความสามารถแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยรัฐวิสาหกิจแห่งนี้เป็นแกนนำกลุ่มร่วมทุนในโครงการสำรวจแหล่งพลังงานต่างแดน และเกี่ยวข้องกับธุรกิจกลั่นน้ำมันในประเทศ
ดังนั้น หากโครงการนี้สำเร็จ ปริมาณน้ำมันดิบในระดับที่พึ่งพาตัวเองได้ของเกาหลีใต้จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเป้าหมายตอนแรกที่ตั้งไว้ 18.1% ภายในปี 2012
