ผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”เอาจริง ส่งกรณีโรลแบ็กของโลตัสให้อนุกรรมการแข่งขันทางการค้าพิจารณา หลังซัปพลายเออร์ร้องเรียนข้อหาขายต่ำกว่าทุน ก่อนชงเข้าบอร์ดชุดใหญ่พิจารณาตัดสินอีกรอบว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ส่งเรื่องตามที่มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมการขายต่ำกว่าทุนผ่านรายการส่งเสริมการขายโรลแบ็ก ของห้างเทสโก้ โลตัส ไปให้คณะอนุกรรมการแข่งขันทางการค้า พิจารณาแล้วว่าเป็นการขายต่ำกว่าทุนจริงหรือไม่ และจะขัดกับแนวทางการทำการค้าอย่างเป็นธรรมระหว่างห้างค้าปลีกและผู้ผลิต (ซัปพลายเออร์) หรือไกด์ไลน์ค้าปลีกหรือไม่แล้ว
“ขณะนี้ ได้มีผู้ผลิตสินค้าร้องเรียนมายังกรมฯ ให้ตรวจสอบโปรโมชั่นโรลแบ็กว่าขายต่ำกว่าทุนหรือไม่ ซึ่งได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปให้คณะอนุกรรมการแข่งขันทางการค้าพิจารณาแล้วว่าข้อร้องเรียนดังกล่าวมีมูลหรือไม่ และเป็นการขายสินค้าต่ำกว่าทุนจริงหรือไม่ จากนั้นจึงจะนำผลที่ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าต่อไป” นายยรรยงกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในกรณีของโรลแบ็กนั้นน่าจะเข้าข่ายเป็นการขายสินค้าต่ำกว่าราคาทุน เพราะในสินค้าบางรายการ เช่น น้ำมันพืชบรรจุขวด ในแคมเปญโรลแบ็กขายขวด (ลิตร) ละ 36 บาท ต่ำกว่าราคาแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งไว้กับกรมการค้าภายใน ที่สำคัญผู้ผลิตน้ำมันพืชกำลังยื่นเรื่องขอปรับขึ้นราคาขายเกินขวดละ 50 บาท เพราะต้นทุนการผลิตเกินขวดละ 42 บาท ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายทำลายตลาดโดยการดัมพ์ราคาขาย และทำให้คู่แข่ง และซัปพลายเออร์ ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม หากซัปพลายเออร์รายอื่นถูกห้างค้าปลีกอื่นเอาสินค้าไปขายต่ำกว่าทุน หรือเอาเปรียบกรณีอื่นๆ สามารถร้องเรียนมาได้ กรมฯ จะดำเนินการให้ตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ว่า โปรโมชั่นขายสินค้าของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่แต่ละห้างน่าจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน เพราะเมื่อไปซื้อจริงกลับไม่มีสินค้าให้ตามที่โฆษณาไว้ เช่น โฆษณาขายโทรทัศน์สี ลดราคาเหลือ 2,990 บาท แต่เมื่อจะไปซื้อกลับได้รับคำตอบจากพนักงานว่า สินค้าหมดทั้งที่ไปซื้อในวันแรกที่เริ่มขาย หรือโฆษณาขายตู้เย็น ลดราคาเหลือ 2,900 บาท โดยไม่ระบุว่ามีจำนวนจำกัด แต่เมื่อประชาชนไปซื้อจริง กลับได้รับแจ้งว่ามีเพียง 10 เครื่องเท่านั้น
สำหรับไกด์ไลน์ค้าปลีกนั้น ได้บังคับใช้มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีห้างค้าปลีกรายใดมีพฤติกรรมขัดกับไกด์ไลน์ เพราะผู้ร้องเรียนไม่กล้าแสดงตัว ได้แต่เพียงร้องเรียนผ่านโทรศัพท์ หรือแจ้งเบาะแสเท่านั้น ทำให้กรมการค้าภายในไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ในไกด์ไลน์ไม่ได้กำหนดบทลงโทษ แต่หากผู้ประกอบการรายใดมีพฤติกรรมขัดกับไกด์ไลน์ทั้ง 8 ข้อจะมีความผิดตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าพ.ศ.2542 มีโทษปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ไกด์ไลน์ทั้ง 8 ข้อ ได้แก่ 1.การกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมคือ ขายต่ำกว่าทุน หรือการซื้อขายสินค้าในราคาต่ำกว่าราคาปกติในท้องตลาด 2.การเรียกผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม 3.การคืนสินค้าที่ไม่เป็นธรรม 4.การใช้สัญญาขายฝากที่ไม่เป็นธรรม 5.การบังคับซื้อหรือขายหรือชำระค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม 6.การใช้พนักงานของบริษัทผู้ผลิตสินค้า ให้ผลิตสินค้าให้โดยไม่เป็นธรรม 7.การปฏิเสธซื้อสินค้าที่สั่งให้ผู้ผลิตผลิตให้ และ 8.การปฏิบัติไม่เป็นธรรมของผู้ค้าปลีกที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ส่งเรื่องตามที่มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมการขายต่ำกว่าทุนผ่านรายการส่งเสริมการขายโรลแบ็ก ของห้างเทสโก้ โลตัส ไปให้คณะอนุกรรมการแข่งขันทางการค้า พิจารณาแล้วว่าเป็นการขายต่ำกว่าทุนจริงหรือไม่ และจะขัดกับแนวทางการทำการค้าอย่างเป็นธรรมระหว่างห้างค้าปลีกและผู้ผลิต (ซัปพลายเออร์) หรือไกด์ไลน์ค้าปลีกหรือไม่แล้ว
“ขณะนี้ ได้มีผู้ผลิตสินค้าร้องเรียนมายังกรมฯ ให้ตรวจสอบโปรโมชั่นโรลแบ็กว่าขายต่ำกว่าทุนหรือไม่ ซึ่งได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปให้คณะอนุกรรมการแข่งขันทางการค้าพิจารณาแล้วว่าข้อร้องเรียนดังกล่าวมีมูลหรือไม่ และเป็นการขายสินค้าต่ำกว่าทุนจริงหรือไม่ จากนั้นจึงจะนำผลที่ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าต่อไป” นายยรรยงกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในกรณีของโรลแบ็กนั้นน่าจะเข้าข่ายเป็นการขายสินค้าต่ำกว่าราคาทุน เพราะในสินค้าบางรายการ เช่น น้ำมันพืชบรรจุขวด ในแคมเปญโรลแบ็กขายขวด (ลิตร) ละ 36 บาท ต่ำกว่าราคาแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งไว้กับกรมการค้าภายใน ที่สำคัญผู้ผลิตน้ำมันพืชกำลังยื่นเรื่องขอปรับขึ้นราคาขายเกินขวดละ 50 บาท เพราะต้นทุนการผลิตเกินขวดละ 42 บาท ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายทำลายตลาดโดยการดัมพ์ราคาขาย และทำให้คู่แข่ง และซัปพลายเออร์ ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม หากซัปพลายเออร์รายอื่นถูกห้างค้าปลีกอื่นเอาสินค้าไปขายต่ำกว่าทุน หรือเอาเปรียบกรณีอื่นๆ สามารถร้องเรียนมาได้ กรมฯ จะดำเนินการให้ตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ว่า โปรโมชั่นขายสินค้าของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่แต่ละห้างน่าจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน เพราะเมื่อไปซื้อจริงกลับไม่มีสินค้าให้ตามที่โฆษณาไว้ เช่น โฆษณาขายโทรทัศน์สี ลดราคาเหลือ 2,990 บาท แต่เมื่อจะไปซื้อกลับได้รับคำตอบจากพนักงานว่า สินค้าหมดทั้งที่ไปซื้อในวันแรกที่เริ่มขาย หรือโฆษณาขายตู้เย็น ลดราคาเหลือ 2,900 บาท โดยไม่ระบุว่ามีจำนวนจำกัด แต่เมื่อประชาชนไปซื้อจริง กลับได้รับแจ้งว่ามีเพียง 10 เครื่องเท่านั้น
สำหรับไกด์ไลน์ค้าปลีกนั้น ได้บังคับใช้มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีห้างค้าปลีกรายใดมีพฤติกรรมขัดกับไกด์ไลน์ เพราะผู้ร้องเรียนไม่กล้าแสดงตัว ได้แต่เพียงร้องเรียนผ่านโทรศัพท์ หรือแจ้งเบาะแสเท่านั้น ทำให้กรมการค้าภายในไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ในไกด์ไลน์ไม่ได้กำหนดบทลงโทษ แต่หากผู้ประกอบการรายใดมีพฤติกรรมขัดกับไกด์ไลน์ทั้ง 8 ข้อจะมีความผิดตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าพ.ศ.2542 มีโทษปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ไกด์ไลน์ทั้ง 8 ข้อ ได้แก่ 1.การกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมคือ ขายต่ำกว่าทุน หรือการซื้อขายสินค้าในราคาต่ำกว่าราคาปกติในท้องตลาด 2.การเรียกผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม 3.การคืนสินค้าที่ไม่เป็นธรรม 4.การใช้สัญญาขายฝากที่ไม่เป็นธรรม 5.การบังคับซื้อหรือขายหรือชำระค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม 6.การใช้พนักงานของบริษัทผู้ผลิตสินค้า ให้ผลิตสินค้าให้โดยไม่เป็นธรรม 7.การปฏิเสธซื้อสินค้าที่สั่งให้ผู้ผลิตผลิตให้ และ 8.การปฏิบัติไม่เป็นธรรมของผู้ค้าปลีกที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น