การกระตุ้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ อาจเป็นวิธีการใหม่ล่าสุดในการลดน้ำหนัก หลังผลวิจัยเผยให้เห็นว่า คนไข้ที่ฝังอิเล็กโทรดไว้ระหว่างหลอดอาหารกับกระเพาะ สามารถรีดแคลอรีที่บริโภคเข้าไปได้กว่า 30% ต่อเดือน
คนไข้ที่มีดัชนีมวลกาย (บีเอ็มอไอ) อยู่ที่ประมาณ 35 (มาตรฐานสำหรับผู้ชายคือ 20.1 และผู้หญิง 18.7) ลดไขมันส่วนเกินลงได้เฉลี่ย 14% ภายใน 6 เดือน และ 1 ใน 4 ลดได้กว่า 25% และมีหนึ่งคนลดไปถึง 37%
งานวิจัยใหม่ชี้ให้เห็นว่า การกระตุ้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้โดยไม่ต้องควบคุมอาหารหรือใช้วิธีบำบัดอื่นๆ
อิเล็กโทรดจะส่งผลให้เส้นประสาท vagus nerve ที่ควบคุมและรับความรู้สึกจากอวัยวะต่างๆ ซึ่งรวมถึงระบบย่อยอาหารถูกบล็อก
เส้นประสาทนี้เป็นช่องทางการสื่อสารแบบสองทางระหว่างสมองกับระบบย่อยอาหาร และงานวิจัยบ่งชี้ว่า เส้นประสาทนี้มีความเกี่ยวข้องกับการขยายของกระเพาะอาหารเพื่อรองรับอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร การทำให้กระเพาะอาหารว่าง และความรู้สึกหิวและอิ่ม
วิธีบำบัดใหม่มีที่มาจากการบำบัดโรคแผลในกระเพาะอาหารระยะต้น ก่อนที่จะมีตัวยาทันสมัยออกมา ซึ่งคนไข้ถูกตรวจพบว่าเส้นประสาทใกล้กระเพาะอาหารเสียหายรุนแรง
ผลลัพธ์จากวิธีบำบัดดังกล่าวคือ คนไข้สามารถลดน้ำหนักและลดความอยากอาหารลงได้ เพียงแต่ผลลัพธ์นี้อยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากร่างกายจะปรับตัวและค้นหาวิธีสื่อสารแบบใหม่กับสมอง
อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นด้วยไฟฟ้าจะทำให้เส้นประสาทถูกบล็อกเป็นระยะ ร่างกายจึงไม่พยายามค้นหาวิธีสื่อสารแบบใหม่กับสมอง
ในการทดลอง มีการกระตุ้นไฟฟ้าสลับกับการหยุดพักรวม 12 ชั่วโมง โดยในระหว่างการผ่าตัด จะมีการฝังอิเล็กโทรดที่เส้นประสาทสองเส้นที่ด้านหน้าและด้านหลังของหลอดลม ก่อนเชื่อมสายใต้ผิวหนังไปยังอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าขนาดจิ๋วซึ่งปกติแล้วศัลแพทย์จะฝังไว้ให้แถวลำตัว
อุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าดังกล่าวจะถูกตั้งโปรแกรมให้ส่งพลังงานไฟฟ้าอ่อนๆ เพื่อกระตุ้นประสาทตามเวลาที่กำหนด
เมื่อคนไข้ลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย ผู้เชี่ยวชาญสามารถปิดระบบดังกล่าวแต่ฝังไว้ในร่างกายเช่นเดิม เผื่อสำหรับกรณีที่ต้องเปิดใช้ใหม่ หรือหากคนไข้ต้องการก็สามารถผ่าตัดออกมาได้
ในการทดลองเทคโนโลยีนี้ คนไข้ 31 คนได้รับการบำบัดด้วยการช็อตไฟฟ้า 5 นาทีและหยุดช็อต 5 นาทีสลับกันไปภายในระยะเวลา 12 ชั่วโมงต่อวัน โดยขณะนี้นักวิจัยยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าวิธีบำบัดนี้ส่งผลต่อน้ำหนักตัวและการกินอาหารอย่างไร
หนึ่งในคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้คือ การบล็อกเส้นประสาทไม่ให้ส่งสัญญาณสื่อสารกับสมอง อาจจำกัดการขยายตัวของกระเพาะอาหารเมื่อคนไข้กินอาหาร ทำให้กินอาหารได้น้อยลง
หรือไม่เส้นประสาทดังกล่าวอาจมีบทบาทสำคัญต่อการหลั่งฮอร์โมนในกระเพาะอาหาร ซึ่งเชื่อว่ามีผลต่อการกินและความอยากอาหาร
นักวิจัยจากเมโย คลินิกในอเมริกา และศูนย์วิจัยอีก 8 แห่งที่ทำการบำบัดคนไข้เหล่านี้ กล่าวว่าคนไข้ที่ฝังอุปกรณ์กระตุ้นหิวน้อยลงระหว่างมื้อ และอิ่มเร็วขึ้นกว่าปกติ
“สิ่งที่น่าสังเกตคือ วิธีนี้ส่งผลต่อน้ำหนักตัวโดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมอาหารหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแต่อย่างใด”
คนไข้ที่มีดัชนีมวลกาย (บีเอ็มอไอ) อยู่ที่ประมาณ 35 (มาตรฐานสำหรับผู้ชายคือ 20.1 และผู้หญิง 18.7) ลดไขมันส่วนเกินลงได้เฉลี่ย 14% ภายใน 6 เดือน และ 1 ใน 4 ลดได้กว่า 25% และมีหนึ่งคนลดไปถึง 37%
งานวิจัยใหม่ชี้ให้เห็นว่า การกระตุ้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้โดยไม่ต้องควบคุมอาหารหรือใช้วิธีบำบัดอื่นๆ
อิเล็กโทรดจะส่งผลให้เส้นประสาท vagus nerve ที่ควบคุมและรับความรู้สึกจากอวัยวะต่างๆ ซึ่งรวมถึงระบบย่อยอาหารถูกบล็อก
เส้นประสาทนี้เป็นช่องทางการสื่อสารแบบสองทางระหว่างสมองกับระบบย่อยอาหาร และงานวิจัยบ่งชี้ว่า เส้นประสาทนี้มีความเกี่ยวข้องกับการขยายของกระเพาะอาหารเพื่อรองรับอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร การทำให้กระเพาะอาหารว่าง และความรู้สึกหิวและอิ่ม
วิธีบำบัดใหม่มีที่มาจากการบำบัดโรคแผลในกระเพาะอาหารระยะต้น ก่อนที่จะมีตัวยาทันสมัยออกมา ซึ่งคนไข้ถูกตรวจพบว่าเส้นประสาทใกล้กระเพาะอาหารเสียหายรุนแรง
ผลลัพธ์จากวิธีบำบัดดังกล่าวคือ คนไข้สามารถลดน้ำหนักและลดความอยากอาหารลงได้ เพียงแต่ผลลัพธ์นี้อยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากร่างกายจะปรับตัวและค้นหาวิธีสื่อสารแบบใหม่กับสมอง
อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นด้วยไฟฟ้าจะทำให้เส้นประสาทถูกบล็อกเป็นระยะ ร่างกายจึงไม่พยายามค้นหาวิธีสื่อสารแบบใหม่กับสมอง
ในการทดลอง มีการกระตุ้นไฟฟ้าสลับกับการหยุดพักรวม 12 ชั่วโมง โดยในระหว่างการผ่าตัด จะมีการฝังอิเล็กโทรดที่เส้นประสาทสองเส้นที่ด้านหน้าและด้านหลังของหลอดลม ก่อนเชื่อมสายใต้ผิวหนังไปยังอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าขนาดจิ๋วซึ่งปกติแล้วศัลแพทย์จะฝังไว้ให้แถวลำตัว
อุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าดังกล่าวจะถูกตั้งโปรแกรมให้ส่งพลังงานไฟฟ้าอ่อนๆ เพื่อกระตุ้นประสาทตามเวลาที่กำหนด
เมื่อคนไข้ลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย ผู้เชี่ยวชาญสามารถปิดระบบดังกล่าวแต่ฝังไว้ในร่างกายเช่นเดิม เผื่อสำหรับกรณีที่ต้องเปิดใช้ใหม่ หรือหากคนไข้ต้องการก็สามารถผ่าตัดออกมาได้
ในการทดลองเทคโนโลยีนี้ คนไข้ 31 คนได้รับการบำบัดด้วยการช็อตไฟฟ้า 5 นาทีและหยุดช็อต 5 นาทีสลับกันไปภายในระยะเวลา 12 ชั่วโมงต่อวัน โดยขณะนี้นักวิจัยยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าวิธีบำบัดนี้ส่งผลต่อน้ำหนักตัวและการกินอาหารอย่างไร
หนึ่งในคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้คือ การบล็อกเส้นประสาทไม่ให้ส่งสัญญาณสื่อสารกับสมอง อาจจำกัดการขยายตัวของกระเพาะอาหารเมื่อคนไข้กินอาหาร ทำให้กินอาหารได้น้อยลง
หรือไม่เส้นประสาทดังกล่าวอาจมีบทบาทสำคัญต่อการหลั่งฮอร์โมนในกระเพาะอาหาร ซึ่งเชื่อว่ามีผลต่อการกินและความอยากอาหาร
นักวิจัยจากเมโย คลินิกในอเมริกา และศูนย์วิจัยอีก 8 แห่งที่ทำการบำบัดคนไข้เหล่านี้ กล่าวว่าคนไข้ที่ฝังอุปกรณ์กระตุ้นหิวน้อยลงระหว่างมื้อ และอิ่มเร็วขึ้นกว่าปกติ
“สิ่งที่น่าสังเกตคือ วิธีนี้ส่งผลต่อน้ำหนักตัวโดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมอาหารหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแต่อย่างใด”