คำตอบใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน อีกสามปีเตรียมพบยามหัศจรรย์ที่สามารถช่วยให้สาวๆ ลดขนาดเสื้อผ้าที่สวมใส่ลงได้ถึง 2 ไซส์ เพียงกินวันละเม็ดติดต่อกันนาน 6 เดือน
ยาใหม่ที่มีชื่อว่า ทีโซเฟนไซน์ จะโฟกัสที่สมองส่วนที่ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้ผู้ใช้รู้สึกอิ่มหลังจากเริ่มกินอาหาร และลดความอยากกินของขบเคี้ยว
นักวิจัยกล่าวว่า หากกินยาตัวนี้วันละเม็ดเป็นเวลา 6 เดือน จะสามารถลดน้ำหนักเฉลี่ยได้ถึง 9.5 กิโลกรัม หรือสองเท่าของการกินยาลดความอ้วนทั่วไป
การเปลี่ยนแปลงในส่วนน้ำหนักตัวดังกล่าวมีผลอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง
ยาเม็ดทีโซเฟนไซน์ยังช่วยลดความจำเป็นในการใช้สายรัดกระเพาะอาหาร การเย็บกระเพาะอาหาร และการผ่าตัดที่ทั้งแพงและอันตรายอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลกันว่ายาที่เห็นผลเร็วทันใจอาจทำให้หลายคนหันหลังให้การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยาตัวใหม่ยังมีผลข้างเคียง อาทิ คลื่นไส้เล็กน้อย ท้องเสีย ท้องผูก นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน และที่สำคัญอาจเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
ทั้งนี้ จะมีการศึกษาต่อไปเพื่อพิจารณาว่าผลข้างเคียงมีมากกว่าประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับหรือไม่
ศาสตราจารย์อาร์นี แอสทรัป ประธานสมาคมการศึกษาโรคอ้วนระหว่างประเทศ ได้ทำการศึกษาว่าทีโซเฟนไซน์มีผลต่อน้ำหนักตัวของชาย-หญิงที่เป็นโรคอ้วนกว่า 200 คน อย่างไร โดยคนทั้งหมดเหล่านี้ได้กินยา รวมถึงยาปลอมนาน 6 เดือน และกินอาหารน้อยลงกว่าปกติเล็กน้อย
ผลปรากฏว่าแม้แต่คนที่กินยาที่มีตัวยาต่ำยังลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่กินยาปลอมเฉลี่ย 4.5 กิโลกรัม และหากเพิ่มขนาดของยาจะทำให้น้ำหนักยิ่งลดลงอีก โดยมีการรายงานต่อสภาโรคอ้วนแห่งยุโรปว่า ยาขนาดกลาง ซึ่งเป็นขนาดที่เตรียมวางจำหน่ายในอีกสามปีนั้น สามารถลดน้ำหนักเฉลี่ยได้เกือบ 10% หรือเท่ากับ 9.5 กิโลกรัม หรือเสื้อผ้าสองไซส์
ศาสตราจารย์แอสทรัปจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน กล่าวว่าการสนับสนุนให้ผู้ใช้ลดน้ำหนักก่อนกินยานี้ และเลือกกินอาหารรวมถึงออกกำลังกายขณะใช้ยา จะทำให้น้ำหนักลดลงถึงสองเท่า ช่วยลดความจำเป็นในการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอ้วน ซึ่งขณะนี้ถือเป็นวิธีบำบัดเดียวที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงในการลดน้ำหนักให้ได้ขนาดนี้
แอสทรัป ซึ่งถือหุ้นอยู่ในนิวโรเสิร์ช บริษัทเวชภัณฑ์เดนมาร์กที่เป็นผู้พัฒนาทีโซเฟนไซน์ด้วยนั้น เล่าว่า “คนไข้หลายคนพูดว่า ‘นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สามารถควบคุมความอยากอาหารให้เป็นปกติได้’”
แรกเริ่มยาตัวนี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยเป็นสารประกอบที่นักวิจัยพัฒนาขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระดับสารเคมี 3 ตัวในสมองซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอาหาร ได้แก่ เซโรโทนิน โดพามีน และนอร์อะดรีนาลีน
ดร.นิก ไฟเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญโรคอ้วนจากโรงพยาบาลแอนเดนบรูกในเคมบริดจ์ อังกฤษ กล่าวว่าประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักของทีโซเฟนไซน์น่าทึ่ง แต่ยังน่าเป็นห่วงเรื่องผลข้างเคียง เช่น การเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
ยาใหม่ที่มีชื่อว่า ทีโซเฟนไซน์ จะโฟกัสที่สมองส่วนที่ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้ผู้ใช้รู้สึกอิ่มหลังจากเริ่มกินอาหาร และลดความอยากกินของขบเคี้ยว
นักวิจัยกล่าวว่า หากกินยาตัวนี้วันละเม็ดเป็นเวลา 6 เดือน จะสามารถลดน้ำหนักเฉลี่ยได้ถึง 9.5 กิโลกรัม หรือสองเท่าของการกินยาลดความอ้วนทั่วไป
การเปลี่ยนแปลงในส่วนน้ำหนักตัวดังกล่าวมีผลอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง
ยาเม็ดทีโซเฟนไซน์ยังช่วยลดความจำเป็นในการใช้สายรัดกระเพาะอาหาร การเย็บกระเพาะอาหาร และการผ่าตัดที่ทั้งแพงและอันตรายอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลกันว่ายาที่เห็นผลเร็วทันใจอาจทำให้หลายคนหันหลังให้การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยาตัวใหม่ยังมีผลข้างเคียง อาทิ คลื่นไส้เล็กน้อย ท้องเสีย ท้องผูก นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน และที่สำคัญอาจเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
ทั้งนี้ จะมีการศึกษาต่อไปเพื่อพิจารณาว่าผลข้างเคียงมีมากกว่าประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับหรือไม่
ศาสตราจารย์อาร์นี แอสทรัป ประธานสมาคมการศึกษาโรคอ้วนระหว่างประเทศ ได้ทำการศึกษาว่าทีโซเฟนไซน์มีผลต่อน้ำหนักตัวของชาย-หญิงที่เป็นโรคอ้วนกว่า 200 คน อย่างไร โดยคนทั้งหมดเหล่านี้ได้กินยา รวมถึงยาปลอมนาน 6 เดือน และกินอาหารน้อยลงกว่าปกติเล็กน้อย
ผลปรากฏว่าแม้แต่คนที่กินยาที่มีตัวยาต่ำยังลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่กินยาปลอมเฉลี่ย 4.5 กิโลกรัม และหากเพิ่มขนาดของยาจะทำให้น้ำหนักยิ่งลดลงอีก โดยมีการรายงานต่อสภาโรคอ้วนแห่งยุโรปว่า ยาขนาดกลาง ซึ่งเป็นขนาดที่เตรียมวางจำหน่ายในอีกสามปีนั้น สามารถลดน้ำหนักเฉลี่ยได้เกือบ 10% หรือเท่ากับ 9.5 กิโลกรัม หรือเสื้อผ้าสองไซส์
ศาสตราจารย์แอสทรัปจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน กล่าวว่าการสนับสนุนให้ผู้ใช้ลดน้ำหนักก่อนกินยานี้ และเลือกกินอาหารรวมถึงออกกำลังกายขณะใช้ยา จะทำให้น้ำหนักลดลงถึงสองเท่า ช่วยลดความจำเป็นในการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอ้วน ซึ่งขณะนี้ถือเป็นวิธีบำบัดเดียวที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงในการลดน้ำหนักให้ได้ขนาดนี้
แอสทรัป ซึ่งถือหุ้นอยู่ในนิวโรเสิร์ช บริษัทเวชภัณฑ์เดนมาร์กที่เป็นผู้พัฒนาทีโซเฟนไซน์ด้วยนั้น เล่าว่า “คนไข้หลายคนพูดว่า ‘นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สามารถควบคุมความอยากอาหารให้เป็นปกติได้’”
แรกเริ่มยาตัวนี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยเป็นสารประกอบที่นักวิจัยพัฒนาขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระดับสารเคมี 3 ตัวในสมองซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอาหาร ได้แก่ เซโรโทนิน โดพามีน และนอร์อะดรีนาลีน
ดร.นิก ไฟเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญโรคอ้วนจากโรงพยาบาลแอนเดนบรูกในเคมบริดจ์ อังกฤษ กล่าวว่าประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักของทีโซเฟนไซน์น่าทึ่ง แต่ยังน่าเป็นห่วงเรื่องผลข้างเคียง เช่น การเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ