เอเอฟพี – โรเบิร์ต มูกาเบ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของซิมบับเวอย่างเร่งรีบในวันอาทิตย์ (29) ท่ามกลางเสียงประณามจากเหล่าผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งในแอฟริกาและทั่วโลกต่อการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและการข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม จนกระทั่งหัวหน้าฝ่ายค้านประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน ด้านบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติออกโรงวิจารณ์ในวันจันทร์ (30)ว่าการดำรงตำแหน่งของมูกาเบนั้นขาดความชอบธรรม
ภายหลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อหน้าประธานศาลสูงสุด ก็อดฟรีย์ ชิดยาอูซิกู แล้ว มูกาเบในวัย 84 ปี ก็ได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองต่าง ๆ ในซิมบับเวหันหน้ามาปรองดองกัน
“อันที่จริง ผมหวังว่าภายในเวลาอีกไม่นานนัก เราจะได้หาทางเจรจากับพรรคการเมืองต่าง ๆ ในประเด็นสำคัญ ๆ เพื่อลดความขัดแย้งและสนับสนุนให้เกิดความเป็นเอกภาพและการร่วมมือกัน” มูกาเบกล่าว
พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งมีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงราวหนึ่งชั่วโมงภายหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศว่ามูกาเบได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียงรวม 2,150,269 เสียง ในขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านคือมอร์แกน สวานกิไร ได้รับคะแนนเสียง 233,000 เสียง ทั้ง ๆ ที่สวานกิไรนั้นได้ประกาศบอยคอตต์การเลือกตั้งไปก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว แต่กลับยังมีชื่อของเขาอยู่ในบัตรเลือกตั้ง
การประกาศผลการเลือกตั้งดังกล่าวระบุว่า มูกาเบได้รับเสียงสนับสนุนถึงกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผุ้ออกมาใช้สิทธิเพียง 42.37 เปอร์เซ็นต์ และมีบัตรเสียจำนวน 131,481 ใบ
อย่างไรก็ตาม หลังการประกาศผลการเลือกตั้งไม่กี่ชั่วโมง บรรดาผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากประชาคมการพัฒนาแอฟริกาตอนใต้ (เอสเอดีซี) 14 ประเทศ ก็ได้ตำหนิการเลือกตั้งอย่างรุนแรงว่า “ไม่ได้เป็นการแสดงถึงเจตจำนงของประชาชน”
“กระบวนการในช่วงก่อนการเลือกตั้งมีลักษณะของความรุนแรง การข่มขู่ และการแย่งชิงกันในทางการเมือง” โฮเซ มาร์คอส บาร์ริกา รัฐมนตรีกระทรวงการกีฬาของแองโกลา ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมผู้สังเกตการณ์ราว 400 คน กล่าวในแถลงการณ์
มาร์วิก คูมาโล หัวหน้าทีมผู้สังเกตการณ์จากรัฐสภาทั่วทั้งแอฟริกา กล่าวว่า คงเลี่ยงได้ยากที่จะต้องสรุปว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของรัฐบาล
นอกจากนั้น เนลสัน คามิซา โฆษกของพรรคการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลง (เอ็มดีซี) อย่างเป็นประชาธิปไตย ของสวานกิไร ก็ยังได้กล่าวเย้ยหยันการประกาศชัยชนะของมูกาเบว่าเป็น “เรื่องตลกที่เหลือเชื่อ และเป็นการกระทำที่แสดงถึงการเข้าตาจนของระบอบการปกครองอีกด้วย”
คามิซายังแสดงท่าทีเฉยเมยต่อข้อเสนอให้มีการเจรจาของมูกาเบ และบอกว่ามูกาเบนั้นเชื่อใจได้ยากเมื่อพิจารณาถึงการที่เขาใช้ความรุนแรงกับผู้สนับสนุนเอ็มดีซี
ด้านบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนประเทศในเอเชียเพื่อเจรจาหาทางยุติปัญหานิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ ก็ได้กล่าวที่กรุงโตเกียวเมื่อวันจันทร์ ว่าการเลือกตั้งของซิมบับเวนั้นเต็มไปด้วยการใช้ความรุนแรง และเขาถือว่าผลการเลือกตั้งที่ส่งผลให้โรเบิร์ต มูกาเบ
ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม
“เลขาธิการสหประชาชาติได้กล่าวย้ำว่าบรรยากาศการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปอย่างมีเสรีภาพและความเป็นธรรม และเหล่าผู้สังเกตการณ์ก็ได้ย้ำถึงสิ่งเดียวกันนี้ซึ่งพบได้จากกระบวนการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง” มารี โอกาเบ โฆษกหญิงของบันกล่าวในแถลงการณ์ และระบุว่า
“ผลการเลือกตั้งไม่ได้สะท้อนถึงเจตจำนงอันแท้จริงและตรงกับความต้องการของประชาชนชาวซิมบับเว และไม่ได้ทำให้เกิดผลลัพธ์อันชอบธรรมแต่อย่างใด”
หลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ในวันอาทิตย์มูกาเบก็ได้ออกเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดสหภาพแอฟริกัน(เอยู) ที่อียิปต์ โดยปล่อยให้วิกฤตการณ์อันหนักหน่วงภายในประเทศยังคงดำเนินไป
การเลือกตั้งประธานาธิบดีซิมบับเวในวันศุกร์ที่ผ่านมา(27)คราวนี้เป็นรอบที่สอง โดยในรอบแรกสวานกิไรชนะมูกาเบ แต่ยังชนะไม่เด็ดขาดตามที่กฎหมายกำหนด
มูกาเบนั้นได้รับชัยชนะอย่างขาดลอย หลังจากสวานกิไรถอนตัวจากการเลือกตั้ง โดยกล่าวหาว่ามีความรุนแรงในช่วงก่อนการเลือกตั้งซึ่งทำให้ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านเสียชีวิตไปถึงเกือบ 90 คน และบาดเจ็บอีกเรือนพัน และแม้จะมีเสียงเรียกร้องทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้มูกาเบเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่เขากลับเดินหน้าต่อ โดยกล่าวเตือนว่าจะไม่ยอมให้มีการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ อีกทั้งเมินเฉยต่อข้อกล่าวหาเรื่องใช้ความรุนแรงของสวานกิไรด้วย
ภายหลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อหน้าประธานศาลสูงสุด ก็อดฟรีย์ ชิดยาอูซิกู แล้ว มูกาเบในวัย 84 ปี ก็ได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองต่าง ๆ ในซิมบับเวหันหน้ามาปรองดองกัน
“อันที่จริง ผมหวังว่าภายในเวลาอีกไม่นานนัก เราจะได้หาทางเจรจากับพรรคการเมืองต่าง ๆ ในประเด็นสำคัญ ๆ เพื่อลดความขัดแย้งและสนับสนุนให้เกิดความเป็นเอกภาพและการร่วมมือกัน” มูกาเบกล่าว
พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งมีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงราวหนึ่งชั่วโมงภายหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศว่ามูกาเบได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียงรวม 2,150,269 เสียง ในขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านคือมอร์แกน สวานกิไร ได้รับคะแนนเสียง 233,000 เสียง ทั้ง ๆ ที่สวานกิไรนั้นได้ประกาศบอยคอตต์การเลือกตั้งไปก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว แต่กลับยังมีชื่อของเขาอยู่ในบัตรเลือกตั้ง
การประกาศผลการเลือกตั้งดังกล่าวระบุว่า มูกาเบได้รับเสียงสนับสนุนถึงกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผุ้ออกมาใช้สิทธิเพียง 42.37 เปอร์เซ็นต์ และมีบัตรเสียจำนวน 131,481 ใบ
อย่างไรก็ตาม หลังการประกาศผลการเลือกตั้งไม่กี่ชั่วโมง บรรดาผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากประชาคมการพัฒนาแอฟริกาตอนใต้ (เอสเอดีซี) 14 ประเทศ ก็ได้ตำหนิการเลือกตั้งอย่างรุนแรงว่า “ไม่ได้เป็นการแสดงถึงเจตจำนงของประชาชน”
“กระบวนการในช่วงก่อนการเลือกตั้งมีลักษณะของความรุนแรง การข่มขู่ และการแย่งชิงกันในทางการเมือง” โฮเซ มาร์คอส บาร์ริกา รัฐมนตรีกระทรวงการกีฬาของแองโกลา ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมผู้สังเกตการณ์ราว 400 คน กล่าวในแถลงการณ์
มาร์วิก คูมาโล หัวหน้าทีมผู้สังเกตการณ์จากรัฐสภาทั่วทั้งแอฟริกา กล่าวว่า คงเลี่ยงได้ยากที่จะต้องสรุปว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของรัฐบาล
นอกจากนั้น เนลสัน คามิซา โฆษกของพรรคการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลง (เอ็มดีซี) อย่างเป็นประชาธิปไตย ของสวานกิไร ก็ยังได้กล่าวเย้ยหยันการประกาศชัยชนะของมูกาเบว่าเป็น “เรื่องตลกที่เหลือเชื่อ และเป็นการกระทำที่แสดงถึงการเข้าตาจนของระบอบการปกครองอีกด้วย”
คามิซายังแสดงท่าทีเฉยเมยต่อข้อเสนอให้มีการเจรจาของมูกาเบ และบอกว่ามูกาเบนั้นเชื่อใจได้ยากเมื่อพิจารณาถึงการที่เขาใช้ความรุนแรงกับผู้สนับสนุนเอ็มดีซี
ด้านบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนประเทศในเอเชียเพื่อเจรจาหาทางยุติปัญหานิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ ก็ได้กล่าวที่กรุงโตเกียวเมื่อวันจันทร์ ว่าการเลือกตั้งของซิมบับเวนั้นเต็มไปด้วยการใช้ความรุนแรง และเขาถือว่าผลการเลือกตั้งที่ส่งผลให้โรเบิร์ต มูกาเบ
ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม
“เลขาธิการสหประชาชาติได้กล่าวย้ำว่าบรรยากาศการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปอย่างมีเสรีภาพและความเป็นธรรม และเหล่าผู้สังเกตการณ์ก็ได้ย้ำถึงสิ่งเดียวกันนี้ซึ่งพบได้จากกระบวนการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง” มารี โอกาเบ โฆษกหญิงของบันกล่าวในแถลงการณ์ และระบุว่า
“ผลการเลือกตั้งไม่ได้สะท้อนถึงเจตจำนงอันแท้จริงและตรงกับความต้องการของประชาชนชาวซิมบับเว และไม่ได้ทำให้เกิดผลลัพธ์อันชอบธรรมแต่อย่างใด”
หลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ในวันอาทิตย์มูกาเบก็ได้ออกเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดสหภาพแอฟริกัน(เอยู) ที่อียิปต์ โดยปล่อยให้วิกฤตการณ์อันหนักหน่วงภายในประเทศยังคงดำเนินไป
การเลือกตั้งประธานาธิบดีซิมบับเวในวันศุกร์ที่ผ่านมา(27)คราวนี้เป็นรอบที่สอง โดยในรอบแรกสวานกิไรชนะมูกาเบ แต่ยังชนะไม่เด็ดขาดตามที่กฎหมายกำหนด
มูกาเบนั้นได้รับชัยชนะอย่างขาดลอย หลังจากสวานกิไรถอนตัวจากการเลือกตั้ง โดยกล่าวหาว่ามีความรุนแรงในช่วงก่อนการเลือกตั้งซึ่งทำให้ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านเสียชีวิตไปถึงเกือบ 90 คน และบาดเจ็บอีกเรือนพัน และแม้จะมีเสียงเรียกร้องทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้มูกาเบเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่เขากลับเดินหน้าต่อ โดยกล่าวเตือนว่าจะไม่ยอมให้มีการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ อีกทั้งเมินเฉยต่อข้อกล่าวหาเรื่องใช้ความรุนแรงของสวานกิไรด้วย