เอ็มดีตลาดหุ้นไทย ยืนยันไม่ถอดใจ หลังมีข่าวโดนใบสั่งเด้งพ้นเก้าอี้ ยืนยันขอทำงานต่อ ชี้ตลาดหุ้นไทยร่วง เป็นทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ นักลงทุนกังวลปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่แหล่งข่าววงในกระทรวงการคลังยอมรับ นักการเมืองขาใหญ่ ฉุนตลาดหุ้นพุ่ง 20 จุด หลังพันธมิตรเคลื่อนชุมนุมหน้าทำเนียบสำเร็จ ขณะที่ตนเองปล่อยข่าวดี ลงทุนเมกะโปรเจกต์หลายแสนล้าน แต่ปลุกตลาดหุ้นไม่ขึ้น
วันนี้ (24 มิ.ย.) นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีคำสั่งปลดตนเองออกจากตำแหน่ง ในหน้าหนังสือพิมพ์เช้าวันนี้ โดยนางภัทรียา ยืนยันว่า ตนเองไม่กังวลและไม่รู้สึกถอดใจกับกระแสข่าวการโยกย้ายออกจากจากตำแหน่ง โดยยืนยันจะทำงานตามที่ได้รับมอบหมายต่อไปให้ดีที่สุด ส่วนจะครบวาระการทำงานหรือไม่อย่างไร อยู่ที่คณะกรรมการ (บอร์ด) ตลท.จะพิจารณา
ส่วนภาวะความผันผวนของตลาดหุ้น ขณะนี้ ตลท.ได้ติดตามดูการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องของปริมาณการขายหุ้นที่มากกว่าการซื้อและกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขาย ซึ่งก็ยอมรับว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นออกจากตลาดหุ้นไทย มากกว่าปริมาณการซื้อแต่การซื้อขายในแต่ละวัน ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักลงทุน มีมุมมองและให้น้ำหนักการลงทุนใน 2 ด้านที่แตกต่างกัน
"ถือเป็นเรื่องปกติและเท่าที่ติดตามดูปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นในต่างประเทศ ก็ไม่ได้แตกต่างกันและส่วนใหญ่ ปรับตัวลดลงจากความกังวลในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้น ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะพยายามดูแลอัตราเงินเฟ้อได้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย"
นอกจากนี้ ตลท. ยังคงติดตามดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ซึ่งจะมีการประชุมกันในคืนวันพุธนี้ว่า จะมีผลต่อภาพรวมการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ไปในทิศทางใด
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สาเหตุที่มีกระแสข่าวการปลดผู้จัดการตลาดหุ้น เนื่องจากผลการทำงานไม่เข้าตารัฐบาล ตลาดหุ้นร่วงกว่า 100 จุด นักลงทุนถอนเงินออกไปหลายแสนล้านล้าน แต่คงเป็นคนละกรณีกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และครั้งล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์พุ่งขึ้นกว่า 20 จุด หลังประชาชนและกลุ่มพันธมิตรเคลื่อนการชุมนุมไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ และประกาศชัยชนะ ขณะที่รัฐมนตรี พยายามออกข่าวดีหลายครั้ง ทั้งโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์หลายแสนล้าน และมารตรการปลุกภาวะเศรษฐกิจ แต่ตลาดกลับไม่ขานรับ ปลุกหุ้นไม่ขึ้น ซึ่งตรงนี้ เชื่อว่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้น