ผู้จัดการรายวัน - คณะกรรมการศึกษาแก้ไขกฎเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเสนอเพิ่มช่วงเวลาซื้อขายหุ้นอีก 1 รอบ ผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ตั้งแต่ 17.00-21.00น. จากปัจจุบันเปิด 2 รอบ ระบุเสนอบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาเดือนก.ค.นี้ หวังขยายฐานนักลงทุนวัยทำงาน-ต่างชาติซื้อขายหุ้น ดันวอลุ่มตลาดมากขึ้น เชื่อไม่เพิ่มต้นทุนให้โบรกเกอร์ เบื้องต้นก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่คัดค้าน
แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการศึกษาแก้ไขกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการเสนอเรื่องเพิ่มช่วงเวลาการซื้อขายหลักทรัพย์อีก 1 ช่วงเวลา คือตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น โดยจะเปิดให้ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ให้ทางคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาในการประชุมในเดือนกรกฎาคมนี้ จากปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ 2 ช่วงเวลา คือช่วงเช้า 10.00-12.30 น. และช่วงบ่าย 14.30-16.30 น.
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มช่วงเวลาซื้อขายหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าวนั้น เพื่อเป็นการขยายฐานนักลงทุนกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน เพราะในช่วงระหว่างวันนักลงทุนกลุ่มนี้อาจจะไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ เนื่องจากต้องทำงานประจำ ทำให้ไม่เหมาะสมที่จะส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในช่วงทำงาน รวมทั้งยังเป็นการขยายเวลาให้นักลงทุนต่างประเทศได้เข้ามาซื้อขายตลาดหุ้นได้ ซึ่งจะเป็นการการเพิ่มมูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น โดยมูลค่าการซื้อขายและดัชนีปิดในช่วง 21.00 น.นั้นจะนับเป็นการซื้อขายของเช้าของวันต่อไป
ส่วนเหตุผลที่คณะกรรมการฯ มีแนวคิดเสนอให้เพิ่มช่วงเวลาเทรดหุ้นในช่วงนี้ เพราะเล็งเห็นว่าปัจจุบันระบบการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมีประสิทธิภาพเป็นระบบสากล สะดวกและทันสมัยสามารถซื้อขายหุ้นได้ง่ายและไม่เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับโบรกเกอร์ เพราะมีเจ้าหน้าการตลาด (มาร์เกตติ้ง) ที่ประจำสำนักงานเพียง 1-2 คน ก็สามารถดำเนินการได้แล้ว
"การเปิดให้มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นอีก 2 ชั่วโมง เป็นการเพิ่มฐานนักลงทุนวัยทำงานที่ระหว่างวันไม่สามารถที่จะสั่งซื้อหุ้นได้ให้สามารถซื้อขายหุ้นได้ และช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเปิดทำการของตลาดหุ้นต่างประเทศทำให้นักลงทุนต่างชาติซื้อขายหุ้นไทยได้เช่นกัน ซึ่งทำให้วอลุ่มตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้น โดยถือว่าการเสนอเรื่องการเพิ่มช่วงเวลาในช่วงนี้ถือว่าเหมาะสม เพราะระบบงานสามารถที่จะทำการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้ มีแค่พนักงานเพียง 2 คน ประจำก็สามารถที่ทำได้"
สำหรับแผนการดำเนินงานนั้น ในเบื้องต้นคณะกรรมการฯ ได้มีการหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งทางก.ล.ต. ไม่มีทีท่าที่จะมีการคัดค้านการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ขณะที่นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีท่าทีเห็นชอบจากการดำเนินการดังกล่าวนั้นเป็นการขยายฐานนักลงทุนและทำให้มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า หากบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบหลักการในเรื่องการเพิ่มระยะเวลาในการเปิดซื้อขายหุ้น หลังจากนั้นจะมีการร่างแผนการดำเนินงาน เพื่อที่จะเสนอต่อสำนักงานก.ล.ต. ก่อนที่จะทำการสำรวจความคิดเห็นของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ว่าเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวหรือไม่
"เรื่องขยายเวลาเทรดหุ้นนั้น ด่านแรกตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าเหมาะสมที่ทำได้หรือไม่ หากไม่เห็นด้วเรื่องนี้ก็จะตกไป แต่ถ้าเห็นชอบก็จะมีการร่างแผนการดำเนินงาน เพื่อส่งต่อไปยัง ก.ล.ต.และทำการสำรวจความเห็นของโบรกเกอร์ต่อไป" แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาแก้ไขกฎเกณฑ์นั้น เพื่อเข้ามาดูว่าเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีอะไรต้องแก้ไขบ้าง ที่ผ่านมาคณะกรรมการดังกล่าวได้มีการเสนอให้มีการปรับช่วงราคาซื้อขายหุ้น การส่งคำสั่งแบบกลุ่มตะกร้าหุ้นหรือ Basket order และปรับปรุงหลักเกณฑ์การดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ โดยอ้างอิงจากหุ้นที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูงที่เข้าข่ายรายชื่อหลักทรัพย์ตามเกณฑ์เทิร์นโอเวอร์ลิสต์ (Turnover List) ของสำนักงาน ก.ล.ต.
แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการศึกษาแก้ไขกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการเสนอเรื่องเพิ่มช่วงเวลาการซื้อขายหลักทรัพย์อีก 1 ช่วงเวลา คือตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น โดยจะเปิดให้ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ให้ทางคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาในการประชุมในเดือนกรกฎาคมนี้ จากปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ 2 ช่วงเวลา คือช่วงเช้า 10.00-12.30 น. และช่วงบ่าย 14.30-16.30 น.
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มช่วงเวลาซื้อขายหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าวนั้น เพื่อเป็นการขยายฐานนักลงทุนกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน เพราะในช่วงระหว่างวันนักลงทุนกลุ่มนี้อาจจะไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ เนื่องจากต้องทำงานประจำ ทำให้ไม่เหมาะสมที่จะส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในช่วงทำงาน รวมทั้งยังเป็นการขยายเวลาให้นักลงทุนต่างประเทศได้เข้ามาซื้อขายตลาดหุ้นได้ ซึ่งจะเป็นการการเพิ่มมูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น โดยมูลค่าการซื้อขายและดัชนีปิดในช่วง 21.00 น.นั้นจะนับเป็นการซื้อขายของเช้าของวันต่อไป
ส่วนเหตุผลที่คณะกรรมการฯ มีแนวคิดเสนอให้เพิ่มช่วงเวลาเทรดหุ้นในช่วงนี้ เพราะเล็งเห็นว่าปัจจุบันระบบการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมีประสิทธิภาพเป็นระบบสากล สะดวกและทันสมัยสามารถซื้อขายหุ้นได้ง่ายและไม่เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับโบรกเกอร์ เพราะมีเจ้าหน้าการตลาด (มาร์เกตติ้ง) ที่ประจำสำนักงานเพียง 1-2 คน ก็สามารถดำเนินการได้แล้ว
"การเปิดให้มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นอีก 2 ชั่วโมง เป็นการเพิ่มฐานนักลงทุนวัยทำงานที่ระหว่างวันไม่สามารถที่จะสั่งซื้อหุ้นได้ให้สามารถซื้อขายหุ้นได้ และช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเปิดทำการของตลาดหุ้นต่างประเทศทำให้นักลงทุนต่างชาติซื้อขายหุ้นไทยได้เช่นกัน ซึ่งทำให้วอลุ่มตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้น โดยถือว่าการเสนอเรื่องการเพิ่มช่วงเวลาในช่วงนี้ถือว่าเหมาะสม เพราะระบบงานสามารถที่จะทำการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้ มีแค่พนักงานเพียง 2 คน ประจำก็สามารถที่ทำได้"
สำหรับแผนการดำเนินงานนั้น ในเบื้องต้นคณะกรรมการฯ ได้มีการหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งทางก.ล.ต. ไม่มีทีท่าที่จะมีการคัดค้านการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ขณะที่นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีท่าทีเห็นชอบจากการดำเนินการดังกล่าวนั้นเป็นการขยายฐานนักลงทุนและทำให้มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า หากบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบหลักการในเรื่องการเพิ่มระยะเวลาในการเปิดซื้อขายหุ้น หลังจากนั้นจะมีการร่างแผนการดำเนินงาน เพื่อที่จะเสนอต่อสำนักงานก.ล.ต. ก่อนที่จะทำการสำรวจความคิดเห็นของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ว่าเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวหรือไม่
"เรื่องขยายเวลาเทรดหุ้นนั้น ด่านแรกตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าเหมาะสมที่ทำได้หรือไม่ หากไม่เห็นด้วเรื่องนี้ก็จะตกไป แต่ถ้าเห็นชอบก็จะมีการร่างแผนการดำเนินงาน เพื่อส่งต่อไปยัง ก.ล.ต.และทำการสำรวจความเห็นของโบรกเกอร์ต่อไป" แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาแก้ไขกฎเกณฑ์นั้น เพื่อเข้ามาดูว่าเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีอะไรต้องแก้ไขบ้าง ที่ผ่านมาคณะกรรมการดังกล่าวได้มีการเสนอให้มีการปรับช่วงราคาซื้อขายหุ้น การส่งคำสั่งแบบกลุ่มตะกร้าหุ้นหรือ Basket order และปรับปรุงหลักเกณฑ์การดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ โดยอ้างอิงจากหุ้นที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูงที่เข้าข่ายรายชื่อหลักทรัพย์ตามเกณฑ์เทิร์นโอเวอร์ลิสต์ (Turnover List) ของสำนักงาน ก.ล.ต.
