ผู้จัดการรรายวัน - PRO ซื้อเครื่องจักรเพื่อแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน โดยเริ่มผลิตเป็นน้ำมันได้แล้ว 40-70% ของกำลังการผลิตหรือ 4,500-8,000 ลิตร เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานี้ ขณะนี้ได้ทดสอบกับเครื่องจักรในโรงงานและเรือประมงและเตรียมการเชิงพาณิชย์โดยได้ติดต่อโรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศ เพื่อขายน้ำมันในรูปแบบ Light crude oil ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 550 ล้านบาท
นายเกรียงไกร เลิศศิริสัมพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการสายบัญชีการเงินและบริหารสำนักงานบริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จำกัด (มหาชน) ( PRO ) แจ้งว่าได้ลงทุนใน บริษัท โปรซีมีเลีย อีดับเบิ้ลยูอาร์ จำกัด ด้วยสัดส่วน 100 % ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ชำระแล้ว 50 ล้านบาท ซึ่งทำธุรกิจจัดการและรีไซเคิล รวมทั้งคัดแยกสกัดโลหะมีค่าจากวัสดุและเศษซากอิเลคโทรนิคส์ (Electronic Waste) ตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ปัจจุบัน บริษัท โปรซีมีเลีย อีดับเบิ้ลยูอาร์ จำกัด ได้ดำเนินการลงทุนในเครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน ด้วยการซื้อเครื่องจักรจากบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นทีมวิศวกรและนักบริหารคนไทยทั้งสิ้น และไม่ใช่บุคคลเกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ ซื้อเครื่องจักรจำนวน 1 เครื่องพร้อมอุปกรณ์สนับสนุน มูลค่าของเครื่องจักร 1 เครื่อง ขนาดรายการต่ำกว่าร้อยละ 15 ไม่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์การได้มาจำหน่ายไป เป็นเครื่องจักรที่ผลิตน้ำมันได้ในเชิงพาณิชย์เครื่องแรก ที่ผลิตสำเร็จในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยวัตถุดิบที่ใช้ จะเป็นขยะพลาสติกจากหลุมฝังกลบขยะโดยการจัดการของ บมจ.โปรเฟสชั่นแนล เวสต์เทคโนโลยี (1999) และรับซื้อจากการคัดแยกขยะชุมชน ได้แก่ ถุงขาว ถุงขุ่น ถุงใส ถุงดำ และขยะพลาสติกทั่วไปทุกชนิด
สำหรับกำลังการผลิตนั้น เครื่องจักรที่ซื้อมา มีกำลังการผลิตวันละ 10 ตัน ของขยะพลาสติก สามารถแปรรูปน้ำมันได้ประมาณ 4,500 - 8,000 ลิตร ปัจจุบันได้ติดตั้ง ทดสอบ และผลิตเป็นน้ำมันได้แล้ว คิดเป็นร้อยละ 40 - 70 % ของกำลังการผลิต ซึ่งเริ่มผลิตได้ครั้งแรกตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้ การผลิตดังกล่าวจะทำให้ได้น้ำมันเชื้อเพลิงหลายประเภท ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลรอบต่ำที่มีคุณภาพสูง สะอาด ไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยได้ทดสอบกับเครื่องยนต์และเครื่องปั่นไฟฟ้าแล้ว อีกทั้งได้รับการตรวจสอบคุณภาพ/คุณสมบัติของน้ำมันโดยฝ่ายตรวจสอบของโรงกลั่นน้ำมันแล้ว
โดยด้านการตลาดนั้น ปัจจุบันได้นำน้ำมันไปทดสอบกับเครื่องจักรในโรงงาน เรือประมง และเตรียมการเพื่อเชิงพาณิชย์โดยได้ติดต่อโรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศ เพื่อขายน้ำมันในรูปแบบ Light crude oil
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 550 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้จากธุรกิจแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง) จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 172 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถพลิกมาเป็นกำไรได้ จากปีก่อนขาดทุน 131 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจเดิมคืนสู่ภาวะปกติ และได้รับโครงการขนาดใหญ่ในไตรมาส 2-3 คือ โครงการนำขยะอุตสาหกรรมกลบฝังที่จังหวัดสระแก้วมูลค่าโครงการ 80 ล้านบาท รวมถึงการรับรู้รายได้จากธุรกิจรีไซเคิล อลูมิเนียม ที่บริษัทเข้าไปเทคโอเวอร์ อีกประมาณ 300 ล้านบาท ประกอบกับโรงงานแห่งที่ 2 จะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้ นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะล้างผลขาดทุนสะสมจำนวน 300 ล้านบาท ภายในปี 52
นายเกรียงไกร เลิศศิริสัมพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการสายบัญชีการเงินและบริหารสำนักงานบริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จำกัด (มหาชน) ( PRO ) แจ้งว่าได้ลงทุนใน บริษัท โปรซีมีเลีย อีดับเบิ้ลยูอาร์ จำกัด ด้วยสัดส่วน 100 % ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ชำระแล้ว 50 ล้านบาท ซึ่งทำธุรกิจจัดการและรีไซเคิล รวมทั้งคัดแยกสกัดโลหะมีค่าจากวัสดุและเศษซากอิเลคโทรนิคส์ (Electronic Waste) ตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ปัจจุบัน บริษัท โปรซีมีเลีย อีดับเบิ้ลยูอาร์ จำกัด ได้ดำเนินการลงทุนในเครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน ด้วยการซื้อเครื่องจักรจากบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นทีมวิศวกรและนักบริหารคนไทยทั้งสิ้น และไม่ใช่บุคคลเกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ ซื้อเครื่องจักรจำนวน 1 เครื่องพร้อมอุปกรณ์สนับสนุน มูลค่าของเครื่องจักร 1 เครื่อง ขนาดรายการต่ำกว่าร้อยละ 15 ไม่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์การได้มาจำหน่ายไป เป็นเครื่องจักรที่ผลิตน้ำมันได้ในเชิงพาณิชย์เครื่องแรก ที่ผลิตสำเร็จในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยวัตถุดิบที่ใช้ จะเป็นขยะพลาสติกจากหลุมฝังกลบขยะโดยการจัดการของ บมจ.โปรเฟสชั่นแนล เวสต์เทคโนโลยี (1999) และรับซื้อจากการคัดแยกขยะชุมชน ได้แก่ ถุงขาว ถุงขุ่น ถุงใส ถุงดำ และขยะพลาสติกทั่วไปทุกชนิด
สำหรับกำลังการผลิตนั้น เครื่องจักรที่ซื้อมา มีกำลังการผลิตวันละ 10 ตัน ของขยะพลาสติก สามารถแปรรูปน้ำมันได้ประมาณ 4,500 - 8,000 ลิตร ปัจจุบันได้ติดตั้ง ทดสอบ และผลิตเป็นน้ำมันได้แล้ว คิดเป็นร้อยละ 40 - 70 % ของกำลังการผลิต ซึ่งเริ่มผลิตได้ครั้งแรกตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้ การผลิตดังกล่าวจะทำให้ได้น้ำมันเชื้อเพลิงหลายประเภท ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลรอบต่ำที่มีคุณภาพสูง สะอาด ไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยได้ทดสอบกับเครื่องยนต์และเครื่องปั่นไฟฟ้าแล้ว อีกทั้งได้รับการตรวจสอบคุณภาพ/คุณสมบัติของน้ำมันโดยฝ่ายตรวจสอบของโรงกลั่นน้ำมันแล้ว
โดยด้านการตลาดนั้น ปัจจุบันได้นำน้ำมันไปทดสอบกับเครื่องจักรในโรงงาน เรือประมง และเตรียมการเพื่อเชิงพาณิชย์โดยได้ติดต่อโรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศ เพื่อขายน้ำมันในรูปแบบ Light crude oil
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 550 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้จากธุรกิจแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง) จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 172 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถพลิกมาเป็นกำไรได้ จากปีก่อนขาดทุน 131 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจเดิมคืนสู่ภาวะปกติ และได้รับโครงการขนาดใหญ่ในไตรมาส 2-3 คือ โครงการนำขยะอุตสาหกรรมกลบฝังที่จังหวัดสระแก้วมูลค่าโครงการ 80 ล้านบาท รวมถึงการรับรู้รายได้จากธุรกิจรีไซเคิล อลูมิเนียม ที่บริษัทเข้าไปเทคโอเวอร์ อีกประมาณ 300 ล้านบาท ประกอบกับโรงงานแห่งที่ 2 จะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้ นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะล้างผลขาดทุนสะสมจำนวน 300 ล้านบาท ภายในปี 52