นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้จัดแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ"กทม. 2020 ความท้าท้ายที่ต้องเริ่มวันนี้" โดย ดร.เกรียงศักดิ์ ได้ชี้ถึงอนาคตของกรุงเทพฯในอีก 12 ปีข้างหน้าว่า จะพบกับวิกฤตหลายด้าน จนทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองขยะพิษ เมืองน้ำท่วมขัง และแหล่งโรคระบาด ทำให้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นโรคภูมิแพ้ เกิดปัญหาการจราจรที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องวางรากฐานในระยะยาวเพื่อรองรับและรับมือกับปัญหาต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้กรุงเทพเป็นเมืองน่าอยู่ติด 1 ใน 20 อันดับโลก แต่การวางรากฐานกรุงเทพฯ จำเป็นต้องใช้ความคิดทั้งระบบอย่างลึกซึ้ง ต้องวางแผนการจัดการในระยะสั้นควบคู่ไปกับระยะยาว โดยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนได้ศึกษา ค้นคว้าและทำนโยบายไว้กว่า 300 นโยบาย เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนากรุงเทพฯ
นายเกรียงศักดิ์ ยังยกตัวอย่างแผนการแก้ไขปัญหาให้กับกรุงเทพฯ ว่า จะมีการเพิ่มเส้นทางลาดพร้าวและมีแผนรองรับ ระหว่างการก่อสร้างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถติด จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังเมือง 24 ชั่วโมง และศูนย์เฝ้าระวังภัยชุมชน เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว จัดตั้งเนอร์สเซอรี่ สองวัย เพื่อดูแลผู้สูงอายุและเด็กอย่างใกล้ชิด ปฏิวัติระบบการจัดเก็บขยะทั้งระบบ การพัฒนาโรงเรียน กทม.ให้เป็นโรงเรียนสองภาษา และพัฒนามหาวิทยาลัย กทม.ให้เป็นแหล่งสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านกรุงเทพฯ และเมืองหลวง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังผลักดันให้กรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่คาดว่างกรงุเทพฯจะเป็นเมืองข้อกลางเชื่อมเศรษฐกิจจีนและอินเดียไปสู่โลก ทั้งนี้ การบริหารงานทั้งหมดจะยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ โดยจะจัดให้มีที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ประจำซอย และกำหนดวันเปิดศาลาว่าการเพื่อให้ประชาชนเข้าพบผู้ว่าฯ โดยไม่ต้องนัดหมาย
" ผมไม่ต้องการเป็นนักการเมืองธรรมดาๆ ที่วางอนาคตระยะสั้นๆ เพื่อเอาใจประชาชนโดยหวังผลคะแนนจากการเลือกตั้ง แต่ผมต้องการเป็นนักทำงานการเมือง เพื่ออาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับชาว กทม. เพื่อพลิกชีวิตคนกรุง และวางรากฐานรองรับความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายเกรียงศัดิ์ กล่าว
ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องวางรากฐานในระยะยาวเพื่อรองรับและรับมือกับปัญหาต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้กรุงเทพเป็นเมืองน่าอยู่ติด 1 ใน 20 อันดับโลก แต่การวางรากฐานกรุงเทพฯ จำเป็นต้องใช้ความคิดทั้งระบบอย่างลึกซึ้ง ต้องวางแผนการจัดการในระยะสั้นควบคู่ไปกับระยะยาว โดยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนได้ศึกษา ค้นคว้าและทำนโยบายไว้กว่า 300 นโยบาย เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนากรุงเทพฯ
นายเกรียงศักดิ์ ยังยกตัวอย่างแผนการแก้ไขปัญหาให้กับกรุงเทพฯ ว่า จะมีการเพิ่มเส้นทางลาดพร้าวและมีแผนรองรับ ระหว่างการก่อสร้างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถติด จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังเมือง 24 ชั่วโมง และศูนย์เฝ้าระวังภัยชุมชน เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว จัดตั้งเนอร์สเซอรี่ สองวัย เพื่อดูแลผู้สูงอายุและเด็กอย่างใกล้ชิด ปฏิวัติระบบการจัดเก็บขยะทั้งระบบ การพัฒนาโรงเรียน กทม.ให้เป็นโรงเรียนสองภาษา และพัฒนามหาวิทยาลัย กทม.ให้เป็นแหล่งสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านกรุงเทพฯ และเมืองหลวง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังผลักดันให้กรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่คาดว่างกรงุเทพฯจะเป็นเมืองข้อกลางเชื่อมเศรษฐกิจจีนและอินเดียไปสู่โลก ทั้งนี้ การบริหารงานทั้งหมดจะยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ โดยจะจัดให้มีที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ประจำซอย และกำหนดวันเปิดศาลาว่าการเพื่อให้ประชาชนเข้าพบผู้ว่าฯ โดยไม่ต้องนัดหมาย
" ผมไม่ต้องการเป็นนักการเมืองธรรมดาๆ ที่วางอนาคตระยะสั้นๆ เพื่อเอาใจประชาชนโดยหวังผลคะแนนจากการเลือกตั้ง แต่ผมต้องการเป็นนักทำงานการเมือง เพื่ออาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับชาว กทม. เพื่อพลิกชีวิตคนกรุง และวางรากฐานรองรับความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายเกรียงศัดิ์ กล่าว
