xs
xsm
sm
md
lg

ราคาน้ำมันพุ่งทะลุนิวไฮ $ 141 ดึงให้ตลาดหุ้นตกทุกภูมิภาค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทั่วโลกระส่ำเมื่อราคาน้ำมันพุ่งขึ้นทะลุระดับ 141 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลอันเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ทำให้หุ้นเอเชีย ยุโรปและสหรัฐฯปิดในแดนลบกันทุกกระดานเพราะความกังวลที่ว่าน้ำมันจะพาเศรษฐกิจโลกพุ่งลงหรือเกิดออยล์ช็อคขึ้นอีกครั้ง

ราคาน้ำมันดิบ ไลท์ สวีทส่งมอบเดือนสิงหาคมขยับขึ้นอีก 1.71 ดอลลาร์สหรัฐฯมาอยู่ที่ 141.35 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรลเมื่อเวลา 9:25 GMT หรือเท่ากับ 16.25 นาฬิกาตามเวลาในประเทศไทย ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอนก็เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์สหรัฐฯมาอยู่ที่ 141.39 หลังพุ่งแตะระดับ 141.98 มาแล้ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น

ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นนี้เป็นการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์เพราะตลาดตะวันตกยังคงไม่เปิดทำการ และเป็นการทะยานขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (26) ที่ทั้งไลท์สวีทและเบรนท์พุ่งขึ้นไปมากกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรลมาแล้ว โดยสรุปราคาน้ำมันดิบไลท์สวีทและเบรนท์พุ่งขึ้นเกือบ 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งบาร์เรลภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง

สาเหตุของการทะยานขึ้นครั้งใหม่ก็คือ คำพูดของประธานคนปัจจุบันของโอเปก ชาคิป เคลิลซึ่งเป็นรัฐมนตรีพลังงานของอัลจีเรีย เคลิลออกมาคาดการณ์ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของฝรั่งเศสว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะขึ้นไปแตะระดับ 150-170 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรลในช่วงหน้าร้อนของโลกตะวันตกที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน

นักวิเคราะห์พากันชี้ด้วยว่าความล้มเหลวของการประชุมระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้ใช้น้ำมันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานที่ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำมันมีราคาพุ่งขึ้น ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปอีก

ผลจากราคาน้ำมันทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงรุนแรง เมื่อวันพฤหัสบดีดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นนิวยอร์คก็ร่วงไปมากกว่า 358 จุดหรือมากกว่า 3% ขณะที่ดัชนีหลักของยุโรปก็ปิดในแดนลบทั้งหมด ส่วนตลาดหุ้นเอเชียในวันศุกร์ (27) ติดตัวแดงกันทุกกระดานจากแรงฉุดของตลาดตะวันตกและความตระหนกจากราคาน้ำมันที่ยังคงพุ่งขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความกังวลในตัวเลขเงินเฟ้อและมาตรการควบคุมเศรษฐกิจมหภาพเข้มงวดที่รัฐบาลต่าง ๆจะออกมาในอนาคตเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า เมื่อภาพรวมเงินเฟ้อของโลกย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็วจากราคาเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่ทะยานขึ้นตลอดเวลา ก็จะส่งผลกระทบไปถึงผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกือบทุกประเทศ และทำให้นักลงทุนต้องย้ายเม็ดเงินของตนเองจากตลาดหุ้นเข้าไปไว้ในตลาดโภคภัณฑ์มากขึ้นโดยเฉพาะน้ำมัน ทองคำและธัญพืช เพราะเป็นที่ที่ผลกระทบของเงินเฟ้อมีน้อยมาก และเมื่อมีเงินทุนมหาศาลย้ายเข้ามาพักในตลาดโภคภัณฑ์ก็จะผลักให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทะยานขึ้นต่อไปอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น