ศูนย์ข่าวเชียงใหม่- ศูนย์ส่งเสริมการส่งออกภาคเหนือจัดเวิร์กชอปติวเข้มขั้นตอนการส่งออกให้เกษตรกรและผู้ผลิตลำไย เตรียมพร้อมสำหรับการส่งออกฤดูกาลผลิตปี 2551 เผยผลจากการที่กระทรวงพาณิชย์จัดนัดพบเจรจาซื้อขายลำไย ระหว่างผู้ค้ากับผู้ผลิต ล่าสุดมีการตกลงทำสัญญาสั่งซื้อลำไยอบแห้งล่วงหน้าไปขายตลาดต่างประเทศแล้วกว่า 2 หมื่นตัน ขณะที่ผู้ค้าจากฮ่องกงกำลังเดินหน้าเจรจาซื้อขายลำไยสด
เมื่อเร็วๆนี้ ศูนย์ส่งเสริมการส่งออกภาคเหนือ จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ความรู้ในการส่งออกลำไยและผลิตภัณฑ์ลำไย” เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการส่งออกลำไยสด ลำไยแห้ง ลำไยแปรรูป และมาตรฐานลำไยเพื่อการส่งออก รวมทั้งฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดทำเอกสารเพื่อการส่งออก การตั้งราคาและการเสนอราคาเพื่อการส่งออก โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกลำไย กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรผู้ผลิตลำไย และผู้ค้าส่งออกลำไย เข้าร่วมกว่า 100 คน ที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่
นายบูรณ์ อินธิรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการส่งออกภาคเหนือ กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมครั้งนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการที่กระทรวงพาณิชย์ได้จัดการประชุมการส่งออกลำไยสู่ตลาดโลก โดยเชิญผู้ซื้อจากทั้งไทยและต่างประเทศมาเจรจาซื้อขายลำไยที่จะออกตลาดในปีนี้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มผู้ผลิตลำไยจำนวนกว่า 100 ราย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งการฝึกอบรมครั้งนี้เพื่อเป็นการให้ความรู้สร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรและผู้ผลิตลำไย ให้มีความเข้าใจและความพร้อมเกี่ยวกับขั้นตอนการส่งออกลำไยอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
สำหรับผลจากการจัดประชุมเจรจาซื้อขายลำไย ระหว่างผู้ซื้อจากทั้งไทยและต่างประเทศกับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มผู้ผลิตลำไย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายบูรณ์ เผยว่า ขณะนี้มีการทำสัญญาซื้อขายลำไยแล้วจำนวน 1 ราย เป็นลำไยอบแห้งในฤดูกาลผลิตปีนี้จำนวนทั้งสิ้น 20,000 ตัน ระหว่างบริษัท Win Win Net Corporation จำกัด กับกลุ่มเกษตรและผู้ผลิตลำไยในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศ แบ่งเป็นเชียงใหม่ 6,500 ตัน ลำพูน 6,400 ตัน เชียงราย 6,000 ตัน และลำปาง 1,000 ตัน โดยตกลงราคาลำไยเกรด AA กิโลกรัมละ 50 บาท เกรด A กิโลกรัมละ 35 บาท และเกรด B กิโลกรัมละ 20 บาท น
“ล่าสุดทราบว่า เวลานี้กลุ่มผู้ค้าลำไยจากฮ่องกงกำลังทำการเจรจาเพื่อนำลำไยสดไปขายในตลาดจีนด้วย อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน”นายบูรณ์กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการส่งออกภาคเหนือ กล่าวถึงการประชุมเจรจาซื้อขายลำไยระหว่างผู้ซื้อจากทั้งไทยและต่างประเทศกับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มผู้ผลิตลำไยดังกล่าวว่า จากการเจรจาซื้อขายดังกล่าวมีความสนใจสั่งซื้อลำไยสดในเบื้องต้นปริมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 435,000 ตัน ขณะที่ปริมาณผลผลิตลำไยสดในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณทั้งสิ้นประมาณ 370,000 ตัน
ทั้งนี้ยอมรับว่าเมื่อถึงเวลาที่ผลผลิตลำไยออกสู่ท้องตลาด คงจะไม่มีการสั่งซื้อลำไยสดถึงกว่า 435,000 ตัน ตามที่มีการเจรจาตกลงกันในเบื้องต้นแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้มั่นใจว่าผลจากการจัดการเจรจาดังกล่าว ส่งผลในการกระตุ้นตลาดการซื้อขายทำให้ราคาลำไยในท้องตลาดสูงขึ้น ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้น พบว่าได้ผลทำให้ราคาลำไยในท้องตลาดขยับเพิ่มสูงขึ้นบ้างแล้ว
ส่วนกรณีการประสานกระทรวงคมนาคม ในการเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานเชียงใหม่และท่าอากาศยานเชียงรายในการขนส่งผลผลิตลำไยสดไปยังตลาดต่างประเทศ เบื้องต้น กระทรวงคมนาคมโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้มีการเดินทางมาตรวจเยี่ยม และสั่งการให้เตรียมความพร้อมในส่วนนี้ไว้แล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา
อนึ่ง การประชุมเรื่องการส่งออกลำไยสู่ตลาดโลก พร้อมจัดการเจรจาซื้อขายลำไยผลผลิตปี 2551 ระหว่างเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มผู้ผลิตลำไยกับผู้ซื้อทั้งไทยและต่างชาติ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2551 มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน มีผู้ค้าและเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคเหนือ เข้าร่วมกว่า 100 ราย และผู้ซื้อทั้งไทยและต่างชาติจำนวน 38 ราย
กลุ่มผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าจากต่างประเทศ ที่เข้าร่วมการเจรจาในครั้งนี้มี 16 บริษัท เป็นบริษัทที่มาจาก 11 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส และกัมพูชา ส่วนห้างค้าปลีกขนาดใหญ่หรือโมเดิร์นเทรดและผู้ค้ารายใหญ่ในประเทศที่เข้าร่วมมี 7 บริษัท ได้แก่ ห้างคาร์ฟูร์ ห้างเทสโก้โลตัส ห้างแม็คโคร ห้างJUSCO/AEON(ญี่ปุ่น),ห้างCASINO(หุ้นส่วนห้าง Big C) บริษัท Win Win Net Corporation จำกัด และบริษัทซัคเซส อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด ซึ่งห้างค้าปลีกเหล่านี้จะซื้อลำไยเพื่อวางขายทั้งสาขาในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น จีน มาเลเซีย ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย เป็นต้น
ผลการเจรจาซื้อขายดังกล่าว คาดว่ามีปริมาณความต้องการซื้อลำไยรวมทั้งสิ้นกว่า 818,000 ตัน และเบื้องต้นมีการเจรจาสั่งซื้อแล้ว 435,000 ตัน มูลค่าการสั่งซื้อคาดว่าจะมีรวมกว่า 1,131 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35,800 ล้านบาท โดยนายมิ่งขวัญ ระบุว่า จากการเจรจาดังกล่าวน่าจะส่งผลดีทำให้ราคาลำไยเพิ่มสูงขึ้นไป 50-150% จากปีก่อนที่ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 33 บาทด้วย