ผู้จัดการรายวัน – 2 ยักษ์โมเดิร์นเทรดเปิดศึก เทสโก้ โลตัส คว้า "แก้ม-รุจ-ต้น" ผู้ชนะจากเวทีเดอะสตาร์ 4 พรีเซ็นเตอร์ แคมเปญ โรลแบ็ค เผยขนสินค้ากว่า 500 รายการมาลดราคาเฉลี่ย 7.6% ด้านคาร์ฟูร์ผนึกลีเวอร์ เปิดแคมเปญสไมล์ลี่ต่อ ปรับให้ส่วนลดและเพิ่มแบรนด์สินค้ามากขึ้น
นายกวิน สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหารฝายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ดำเนินธุรกิจห้างค้าปลีก เทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทฯได้เปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์แคมเปญโรลแบ็คใหม่ มาเป็น แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น, รุจ-ศุภรุจ เตชะตานนท์ และต้น-ชยธร เศรษฐจินดา ซึ่งเป็นชนะการประกวดร้องเพลง จากเวที เดอะสตาร์ 4 โดยมองว่าเป็นดาวรุ่งที่มีกระแสตอบรับดีมากๆ อีกทั้งยังมีบุคลิกเหมาะสมในการมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญดังกล่าว คาดว่าจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
จากเดิมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แคมปญโรลแบ็คของเทสโก้โลตัส จะใช้พรีเซ็นเตอร์ ที่เป็นผู้แข่งขันที่มากจากเวทีการประกวด “อะคาเดมี แฟนเทเซีย” หรือเอเอฟ มาตลอด
ทั้งนี้ในส่วนของแคมเปญโรลแบ็ค ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.นี้ ทางบริษัทฯได้นำสินค้ากว่า 500 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจะซื้ออยู่เป็นประจำ มาลดราคาลงเฉลี่ยอยู่ที่ 7.6% โดยระยะเวลาในการจัดแคมเปญครั้งนี้ ทางบริษัทฯจะพยายามใช้เวลาในการจัดให้นานที่สุด เพื่อช่วยผู้บริโภคลดภาระค่าใช้จ่ายในสถานการณ์ที่ค่าครองชีพสูงขึ้น คาดว่าอย่างน้อยน่าจะช่วยผู้บริโภคประหยัดได้มากกว่าปีก่อน ที่มีการประหยัดรวมถึง 300 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากปีนี้เทสโก้ฯมีสาขามากขึ้น ดังนั้นจึงมองว่าฐานลูกค้าก็น่าจะสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน
อย่างไรก็ตามในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เทสโก้ฯ จัดแคมเปญโรลแบ็ค ช่วยผุ้บริโภคประหยัดไปได้กว่า 1,500 ล้านบาท1700
**คาร์ฟูร์ผนึกลีเวอร์
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยจากการฝ่ายการตลาด ห้างคาร์ฟูร์ เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปัจจัยการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเลือกสินค้าที่จัดรายการมากขึ้น หรือสินค้าที่มอบข้อเสนอดีๆ ดังนั้นแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังคาร์ฟูร์ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ โดยมีการจัดแคมเปญหลากหลายอย่างต่อเนื่องตลอดทุกเดือน อาทิ การแจกคูปอง ร่วมกับบัตรเครดิต แจกรางวัล เนื่องจากพบว่าลูกค้าต้องการสิ่งจูงใจใหม่ๆ นอกเหนือจากปัจจัยราคาอย่างเดียว
ล่าสุดได้จับมือร่วมกับยูนิลีเวอร์ เปิดตัวแคมเปญ “สไมล์ลี่ 4 กลับมาปลุก..ความสุขให้ทุกครอบครัว” โดยปีนี้สินค้าของยูนิลีเวอร์ร่วมจัดรายการโปรโมชัน 18 แบรนด์ หรือ 500 รายการ จากปีที่ผ่านมาราว 300 รายการ อาทิ คอมฟอร์ท โอโม ซันไลต์ เป็นต้น โดยเมื่อซื้อสินค้าครบ 379 บาท สามารถเลือกรับ 1 ใน 7 ผลิตภัณฑ์ยูนิลีเวอร์ทันทีมูลค่าสูงสุด 239 บาท ซึ่งช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 30%
“ปีนี้เราปรับแคมเปญโปรโมชันโดยมอบส่วนลดมากขึ้น และการได้ของรางวัลก็ง่ายมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย โดยแคมเปญจะเริ่มระหว่าง 27 มิถุนายน – 25 กันยายน นี้ ซึ่งคาดว่าในช่วง 1 เดือน จะสร้างยอดขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต12.5% เมื่อเทียบกับแคมเปญปีที่ผ่านมา”
สำหรับผลประกอบการในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คาร์ฟูร์เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยกลุ่มสินค้าที่ผลักดันรายได้มาจากสินค้าที่จำเป็นในชีวิต สินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากกระแสฟุตบอลยูโร ส่วนกลุ่มสินค้าเครื่องใช้หรือไม่จำเป็นในชีวิตประจำวันมียอดขายลดลง
นางสาวประภาพรรณ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดใช้จ่ายต่อบิลของผู้บริโภคลดลง โดยพบว่า อัตราการใช้จ่าย 5 เดือน คงที่โดยเฉลี่ยอยู่ราว 630 บาทต่อบิลต่อครั้ง ขณะที่ความถี่ในการซื้อ 10 วันต่อครั้ง ส่วนด้านการหมุนเวียนเข้าคาร์ฟูร์สาขาใหญ่ 5,000 คน และสาขาขนาดเล็ก 2,000 – 3,000 คน
นายกวิน สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหารฝายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ดำเนินธุรกิจห้างค้าปลีก เทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทฯได้เปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์แคมเปญโรลแบ็คใหม่ มาเป็น แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น, รุจ-ศุภรุจ เตชะตานนท์ และต้น-ชยธร เศรษฐจินดา ซึ่งเป็นชนะการประกวดร้องเพลง จากเวที เดอะสตาร์ 4 โดยมองว่าเป็นดาวรุ่งที่มีกระแสตอบรับดีมากๆ อีกทั้งยังมีบุคลิกเหมาะสมในการมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญดังกล่าว คาดว่าจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
จากเดิมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แคมปญโรลแบ็คของเทสโก้โลตัส จะใช้พรีเซ็นเตอร์ ที่เป็นผู้แข่งขันที่มากจากเวทีการประกวด “อะคาเดมี แฟนเทเซีย” หรือเอเอฟ มาตลอด
ทั้งนี้ในส่วนของแคมเปญโรลแบ็ค ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.นี้ ทางบริษัทฯได้นำสินค้ากว่า 500 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจะซื้ออยู่เป็นประจำ มาลดราคาลงเฉลี่ยอยู่ที่ 7.6% โดยระยะเวลาในการจัดแคมเปญครั้งนี้ ทางบริษัทฯจะพยายามใช้เวลาในการจัดให้นานที่สุด เพื่อช่วยผู้บริโภคลดภาระค่าใช้จ่ายในสถานการณ์ที่ค่าครองชีพสูงขึ้น คาดว่าอย่างน้อยน่าจะช่วยผู้บริโภคประหยัดได้มากกว่าปีก่อน ที่มีการประหยัดรวมถึง 300 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากปีนี้เทสโก้ฯมีสาขามากขึ้น ดังนั้นจึงมองว่าฐานลูกค้าก็น่าจะสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน
อย่างไรก็ตามในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เทสโก้ฯ จัดแคมเปญโรลแบ็ค ช่วยผุ้บริโภคประหยัดไปได้กว่า 1,500 ล้านบาท1700
**คาร์ฟูร์ผนึกลีเวอร์
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยจากการฝ่ายการตลาด ห้างคาร์ฟูร์ เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปัจจัยการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเลือกสินค้าที่จัดรายการมากขึ้น หรือสินค้าที่มอบข้อเสนอดีๆ ดังนั้นแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังคาร์ฟูร์ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ โดยมีการจัดแคมเปญหลากหลายอย่างต่อเนื่องตลอดทุกเดือน อาทิ การแจกคูปอง ร่วมกับบัตรเครดิต แจกรางวัล เนื่องจากพบว่าลูกค้าต้องการสิ่งจูงใจใหม่ๆ นอกเหนือจากปัจจัยราคาอย่างเดียว
ล่าสุดได้จับมือร่วมกับยูนิลีเวอร์ เปิดตัวแคมเปญ “สไมล์ลี่ 4 กลับมาปลุก..ความสุขให้ทุกครอบครัว” โดยปีนี้สินค้าของยูนิลีเวอร์ร่วมจัดรายการโปรโมชัน 18 แบรนด์ หรือ 500 รายการ จากปีที่ผ่านมาราว 300 รายการ อาทิ คอมฟอร์ท โอโม ซันไลต์ เป็นต้น โดยเมื่อซื้อสินค้าครบ 379 บาท สามารถเลือกรับ 1 ใน 7 ผลิตภัณฑ์ยูนิลีเวอร์ทันทีมูลค่าสูงสุด 239 บาท ซึ่งช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 30%
“ปีนี้เราปรับแคมเปญโปรโมชันโดยมอบส่วนลดมากขึ้น และการได้ของรางวัลก็ง่ายมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย โดยแคมเปญจะเริ่มระหว่าง 27 มิถุนายน – 25 กันยายน นี้ ซึ่งคาดว่าในช่วง 1 เดือน จะสร้างยอดขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต12.5% เมื่อเทียบกับแคมเปญปีที่ผ่านมา”
สำหรับผลประกอบการในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คาร์ฟูร์เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยกลุ่มสินค้าที่ผลักดันรายได้มาจากสินค้าที่จำเป็นในชีวิต สินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากกระแสฟุตบอลยูโร ส่วนกลุ่มสินค้าเครื่องใช้หรือไม่จำเป็นในชีวิตประจำวันมียอดขายลดลง
นางสาวประภาพรรณ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดใช้จ่ายต่อบิลของผู้บริโภคลดลง โดยพบว่า อัตราการใช้จ่าย 5 เดือน คงที่โดยเฉลี่ยอยู่ราว 630 บาทต่อบิลต่อครั้ง ขณะที่ความถี่ในการซื้อ 10 วันต่อครั้ง ส่วนด้านการหมุนเวียนเข้าคาร์ฟูร์สาขาใหญ่ 5,000 คน และสาขาขนาดเล็ก 2,000 – 3,000 คน