ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สถานที่ทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีการประชุมคณะกรรมการ คตส.ซึ่งมีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน
นายสัก กองแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (27 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. คตส.จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นตัวแทนเดินทางไปยื่นสำนวนคำฟ้องการไต่สวน กรณีการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น และคดีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิม แบ็งค์) ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดรงตำแหน่งทางการเมือง
นอกจากนี้ในวันเดียวกันจะได้มอบหมายให้ตัวแทนไปยื่นสำนวนการไต่สวน คดีที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ในการเอื้อประโยชน์กับธุรกิจของตนเองและพวกพ้องในส่วนของคดีอาญาที่ คตส.ได้มีมติให้ดำเนินคดีอาญา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเพียงรายเดียว ทั้งในส่วนของการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ปปช. มาตรา 100 ในการคงไว้ซึ่งหุ้นสัมปทาน ในช่วงที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและยังกระทำความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157 กรณีการสั่งการให้มีการออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต ในกิจการโทรคมนาคม ต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้พิจารณายื่นเรื่องต่อศาลตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคตส.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับผลการสอบสวนคดีการทุจริตในโครงการ บ้านเอื้ออาทร ในส่วนของโควต้า ที่ตรวจพบว่า มีการเรียกรับสินบนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ประกอบด้วย นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของนายประชา มาลีนนท์ อดีตรมช.มหาดไทย ซึ่งพบว่ามีพฤติการณ์เรียกรับหัวคิวจากโควต้าของโครงการ ที่เสนอขอจัดสร้างบ้านเออาทรต่อกระทรวงการพัฒนาสังคม และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องอีกหลายบริษัท โดยเตรียมเสนอต่ออัยการสูงสุด (อสส.)เพื่อพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
แต่ในส่วนการทุจริตรายโครงการทั้งหมด อาทิ โครงการร่มเกล้า-บางพลี ที่ปรากฏชื่อนางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ อดีตผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ( กคช.) เป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น ที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่เห็นสมควรให้ส่งคดีเหล่านี้ต่อไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อ ในช่วงที่คตส.หมดวาระ 30 มิ.ย.นี้
นายสัก กองแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (27 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. คตส.จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นตัวแทนเดินทางไปยื่นสำนวนคำฟ้องการไต่สวน กรณีการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น และคดีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิม แบ็งค์) ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดรงตำแหน่งทางการเมือง
นอกจากนี้ในวันเดียวกันจะได้มอบหมายให้ตัวแทนไปยื่นสำนวนการไต่สวน คดีที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ในการเอื้อประโยชน์กับธุรกิจของตนเองและพวกพ้องในส่วนของคดีอาญาที่ คตส.ได้มีมติให้ดำเนินคดีอาญา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเพียงรายเดียว ทั้งในส่วนของการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ปปช. มาตรา 100 ในการคงไว้ซึ่งหุ้นสัมปทาน ในช่วงที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและยังกระทำความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157 กรณีการสั่งการให้มีการออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต ในกิจการโทรคมนาคม ต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้พิจารณายื่นเรื่องต่อศาลตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคตส.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับผลการสอบสวนคดีการทุจริตในโครงการ บ้านเอื้ออาทร ในส่วนของโควต้า ที่ตรวจพบว่า มีการเรียกรับสินบนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ประกอบด้วย นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของนายประชา มาลีนนท์ อดีตรมช.มหาดไทย ซึ่งพบว่ามีพฤติการณ์เรียกรับหัวคิวจากโควต้าของโครงการ ที่เสนอขอจัดสร้างบ้านเออาทรต่อกระทรวงการพัฒนาสังคม และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องอีกหลายบริษัท โดยเตรียมเสนอต่ออัยการสูงสุด (อสส.)เพื่อพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
แต่ในส่วนการทุจริตรายโครงการทั้งหมด อาทิ โครงการร่มเกล้า-บางพลี ที่ปรากฏชื่อนางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ อดีตผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ( กคช.) เป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น ที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่เห็นสมควรให้ส่งคดีเหล่านี้ต่อไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อ ในช่วงที่คตส.หมดวาระ 30 มิ.ย.นี้
