เอเอฟพี - ลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ ออกโรงแสดงความเห็นว่า หากพรรคฝ่ายค้านขึ้นมาปกครองประเทศจะเป็นการทำลายการบรรลุผลสำเร็จในด้านความมั่งคั่งของประเทศภายในเวลาห้าปี
ลีซึ่งอยู่ในวัย 84 ปีแล้ว ได้กล่าวเตือนผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในสิงคโปร์ว่า อย่าได้เปิดทางให้ฝ่ายค้านเข้าไปกุมบังเหียนรัฐบาล แม้"ในห้วงเวลาที่มีความรู้สึกแปรปรวน หรือเป็นเพียงความบ้าโดยแท้" เมื่อพวกเขารู้สึก "เบื่อ"ขึ้นมาในจุดใดจุดหนึ่งในอนาคต
หากปล่อยให้ฝ่ายค้านครองประเทศแล้ว "ผมคิดว่าความได้เปรียบทั้งหมดของเราก็จะจบลงภายในห้าปี เพราะพวกเขา (ฝ่ายค้าน) สามารถทำลายสถานที่แห่งนี้ได้" ลีบอกกับบรรดาผู้เข้าประชุมในเวทีประชุมระหว่างประเทศแห่งหนึ่งเมื่อค่ำวันพุธ (25)
เขาย้ำด้วยว่าสิงคโปร์นั้นไม่เหมือนกับประเทศอื่น ๆ เพราะสิงคโปร์ไม่มีน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ป่าไม้ ไม้สัก และอลูมิเนียม
"เมื่อคุณเป็นคนสิงคโปร์ ตัวตนของคุณนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการปฏิบัติงาน ซึ่งหมายถึงความสามารถในการปฏิบัติงานอย่างดีเป็นพิเศษซึ่งโดดเด่นกว่าคู่แข่งของคุณ แต่ความสามารถแบบนั้นจะสูญสลายไปถ้าหากระบบที่รองรับอยู่พังลง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะไม่มีอะไรเหลืออีกเลย"
ลีนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำพาประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นเพียงเมืองท่าแห่งหนึ่ง ให้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในเอเชียภายในเวลาเพียงชั่วอายุคนรุ่นเดียว แต่ทุกครั้งที่เขาแสดงความคิดเห็นก็จะมีชาวสิงคโปร์รุ่นใหม่พูดเสมอว่า เขา "กำลังเล่นเพลงบทเก่า"
ปัจจุบัน พรรคฝ่ายค้านของสิงคโปร์นั้นมีที่นั่งเพียงสองที่นั่งในรัฐสภาซึ่งพรรครัฐบาลยึดกุมเสียงข้างมากมาโดยตลอดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อปี 1959 เป็นต้นมา
แม้ว่าสิงคโปร์จะประสบความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับระหว่างประเทศและในสิงคโปร์เอง ต่างวิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้วิธีปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและบรรดานักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างรุนแรง อีกทั้งยังห้ามการประท้วงบนท้องถนนและการร่วมกลุ่มชุมนุมในที่สาธารณะตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ลียังคงยืนยันว่าระบอบประชาธิปไตยเสรีในแบบตะวันตกนั้นไม่ใช่โมเดลที่เหมาะสมกับสิงคโปร์
เขากล่าวถึงส่วนผสมที่จะเป็นสูตรนำความสำเร็จให้กับประเทศว่าคือการนำเอาบุคคลที่สามารถเป็นผู้นำเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่สูตรที่ว่านี้อาจจะเป็นไปได้ยากภายใต้ประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ ที่ดำเนินไปในลักษณะที่ "คนจะตัดสินคุณจากพลังแห่งการจูงใจของคุณ"
ปัจจุบันลีมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีผู้ชี้แนะ ในขณะที่ลูกชายของเขาคือลีเซียนลุงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ลีซึ่งอยู่ในวัย 84 ปีแล้ว ได้กล่าวเตือนผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในสิงคโปร์ว่า อย่าได้เปิดทางให้ฝ่ายค้านเข้าไปกุมบังเหียนรัฐบาล แม้"ในห้วงเวลาที่มีความรู้สึกแปรปรวน หรือเป็นเพียงความบ้าโดยแท้" เมื่อพวกเขารู้สึก "เบื่อ"ขึ้นมาในจุดใดจุดหนึ่งในอนาคต
หากปล่อยให้ฝ่ายค้านครองประเทศแล้ว "ผมคิดว่าความได้เปรียบทั้งหมดของเราก็จะจบลงภายในห้าปี เพราะพวกเขา (ฝ่ายค้าน) สามารถทำลายสถานที่แห่งนี้ได้" ลีบอกกับบรรดาผู้เข้าประชุมในเวทีประชุมระหว่างประเทศแห่งหนึ่งเมื่อค่ำวันพุธ (25)
เขาย้ำด้วยว่าสิงคโปร์นั้นไม่เหมือนกับประเทศอื่น ๆ เพราะสิงคโปร์ไม่มีน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ป่าไม้ ไม้สัก และอลูมิเนียม
"เมื่อคุณเป็นคนสิงคโปร์ ตัวตนของคุณนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการปฏิบัติงาน ซึ่งหมายถึงความสามารถในการปฏิบัติงานอย่างดีเป็นพิเศษซึ่งโดดเด่นกว่าคู่แข่งของคุณ แต่ความสามารถแบบนั้นจะสูญสลายไปถ้าหากระบบที่รองรับอยู่พังลง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะไม่มีอะไรเหลืออีกเลย"
ลีนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำพาประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นเพียงเมืองท่าแห่งหนึ่ง ให้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในเอเชียภายในเวลาเพียงชั่วอายุคนรุ่นเดียว แต่ทุกครั้งที่เขาแสดงความคิดเห็นก็จะมีชาวสิงคโปร์รุ่นใหม่พูดเสมอว่า เขา "กำลังเล่นเพลงบทเก่า"
ปัจจุบัน พรรคฝ่ายค้านของสิงคโปร์นั้นมีที่นั่งเพียงสองที่นั่งในรัฐสภาซึ่งพรรครัฐบาลยึดกุมเสียงข้างมากมาโดยตลอดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อปี 1959 เป็นต้นมา
แม้ว่าสิงคโปร์จะประสบความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับระหว่างประเทศและในสิงคโปร์เอง ต่างวิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้วิธีปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและบรรดานักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างรุนแรง อีกทั้งยังห้ามการประท้วงบนท้องถนนและการร่วมกลุ่มชุมนุมในที่สาธารณะตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ลียังคงยืนยันว่าระบอบประชาธิปไตยเสรีในแบบตะวันตกนั้นไม่ใช่โมเดลที่เหมาะสมกับสิงคโปร์
เขากล่าวถึงส่วนผสมที่จะเป็นสูตรนำความสำเร็จให้กับประเทศว่าคือการนำเอาบุคคลที่สามารถเป็นผู้นำเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่สูตรที่ว่านี้อาจจะเป็นไปได้ยากภายใต้ประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ ที่ดำเนินไปในลักษณะที่ "คนจะตัดสินคุณจากพลังแห่งการจูงใจของคุณ"
ปัจจุบันลีมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีผู้ชี้แนะ ในขณะที่ลูกชายของเขาคือลีเซียนลุงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
