ผู้จัดการรายวัน-แบงก์กสิกรไทยเผยปรับสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพิ่มวงเงินกู้เป็น 150% ของมูลค่าหลักประกัน มั่นใจเงื่อนไขโดดเด่น เป็นธนาคารเดียวที่ให้บริการ หวังเจาะลูกค้าเก่า-ใหม่ ปล่อยกู้ 8 พันล้านบาท
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารได้พัฒนาบริการสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย (K-Max) โดยได้เพิ่มวงเงินสินเชื่อเป็นสูงสุด 150% ของมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้บริการดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอีได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีหลักประกันจำกัด แต่ต้องการขยายธุรกิจ หรือต้องการวงเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น
สินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย เป็นสินเชื่อเชิงพาณิชย์ที่ลูกค้าสามารถเลือกเงินกู้ได้หลายรูปแบบให้สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจและความจำเป็นในการใช้วงเงินสินเชื่อ ซึ่งมีทั้งเงินกู้ระยะยาว (Loan) วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) หรือตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) โดยธนาคารจะปล่อยกู้วงเงินรวมสูงสุดถึง 150% ของมูลค่าหลักประกัน หรือมีวงเงินกู้ตั้งแต่ 5 แสนบาทถึง 12 ล้าน บาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี โดยมีระยะเวลาปลอดหนี้ (Grance Peroid) สูงสุด 12 เดือน
อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย ที่มีวงเงินสินเชื่อน้อยกว่าหรือเท่ากับ 120% ของมูลค่าหลักประกัน จะคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Loan) เท่ากับเอ็มแอลอาร์บวก 1.50% ถึง เอ็มแอลอาร์บวก 3.75% ส่วนวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) จะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับเอ็มโออาร์บวก 2.25% ถึงเอ็มโออาร์บวก 3.75%ต่อปี
ลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อมากกว่า 120%ถึง 150% ของมูลค่าหลักประกัน จะคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Loan) เท่ากับเอ็มแอลอาร์บวก 2.0% ถึง เอ็มแอลอาร์บวก 4.25% ส่วนวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) จะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับเอ็มโออาร์บวก 2.75% ถึงเอ็มโออาร์บวก 4.25% ต่อปี
สำหรับเอสเอ็มอีที่ต้องการใช้บริการสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย ต้องมียอดขาย ตั้งแต่ 10 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ดำเนินธุรกิจหรือมีประสบการณ์ในด้านการบริหารหรือเป็นเจ้าของกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ขอสินเชื่อมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และที่ผ่านมาต้องมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีไม่เคยเป็นเอ็นพีแอล หรือปรับโครงการหนี้มาก่อน
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าบริการสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย ที่ให้สินเชื่อถึง 150% ของมูลค่าหลักประกันนี้ ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเจาะทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ซึ่งด้วยเงื่อนไข ที่โดดเด่นกว่าสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ทั่วไป และเป็นธนาคารเดียวที่ให้บริการสินเชื่อลักษณะนี้ จึงมั่นใจว่าบริการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งนี้ธนาคาร ได้ตั้งเป้าปล่อยกู้สินเชื่อเกิน หลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทยไว้ 8,000 ล้านบาท
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารได้พัฒนาบริการสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย (K-Max) โดยได้เพิ่มวงเงินสินเชื่อเป็นสูงสุด 150% ของมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้บริการดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอีได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีหลักประกันจำกัด แต่ต้องการขยายธุรกิจ หรือต้องการวงเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น
สินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย เป็นสินเชื่อเชิงพาณิชย์ที่ลูกค้าสามารถเลือกเงินกู้ได้หลายรูปแบบให้สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจและความจำเป็นในการใช้วงเงินสินเชื่อ ซึ่งมีทั้งเงินกู้ระยะยาว (Loan) วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) หรือตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) โดยธนาคารจะปล่อยกู้วงเงินรวมสูงสุดถึง 150% ของมูลค่าหลักประกัน หรือมีวงเงินกู้ตั้งแต่ 5 แสนบาทถึง 12 ล้าน บาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี โดยมีระยะเวลาปลอดหนี้ (Grance Peroid) สูงสุด 12 เดือน
อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย ที่มีวงเงินสินเชื่อน้อยกว่าหรือเท่ากับ 120% ของมูลค่าหลักประกัน จะคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Loan) เท่ากับเอ็มแอลอาร์บวก 1.50% ถึง เอ็มแอลอาร์บวก 3.75% ส่วนวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) จะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับเอ็มโออาร์บวก 2.25% ถึงเอ็มโออาร์บวก 3.75%ต่อปี
ลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อมากกว่า 120%ถึง 150% ของมูลค่าหลักประกัน จะคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Loan) เท่ากับเอ็มแอลอาร์บวก 2.0% ถึง เอ็มแอลอาร์บวก 4.25% ส่วนวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) จะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับเอ็มโออาร์บวก 2.75% ถึงเอ็มโออาร์บวก 4.25% ต่อปี
สำหรับเอสเอ็มอีที่ต้องการใช้บริการสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย ต้องมียอดขาย ตั้งแต่ 10 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ดำเนินธุรกิจหรือมีประสบการณ์ในด้านการบริหารหรือเป็นเจ้าของกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ขอสินเชื่อมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และที่ผ่านมาต้องมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีไม่เคยเป็นเอ็นพีแอล หรือปรับโครงการหนี้มาก่อน
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าบริการสินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย ที่ให้สินเชื่อถึง 150% ของมูลค่าหลักประกันนี้ ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเจาะทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ซึ่งด้วยเงื่อนไข ที่โดดเด่นกว่าสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ทั่วไป และเป็นธนาคารเดียวที่ให้บริการสินเชื่อลักษณะนี้ จึงมั่นใจว่าบริการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งนี้ธนาคาร ได้ตั้งเป้าปล่อยกู้สินเชื่อเกิน หลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทยไว้ 8,000 ล้านบาท