สั่งตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ป้อง “เอสเอ็มอี” ตายหมู่!

ก.คลัง สั่งการสถาบันการเงินของรัฐตรึงอัตราดอกเบี้ยช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี ซึ่งจะได้ผลกระทบรุนแรง หากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับเพิ่มขึ้น

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังพยายามให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มีส่วนช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น กระทรวงการคลัง เห็นควรว่า สถาบันการเงินของรัฐที่ปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย (SMEs) ควรตรึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดอกเบี้ยในประเทศนั้น เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะต้องดูแลให้เกิดความเหมาะสมเพื่อให้มีส่วนในการช่วยประคับประคองสังคมให้ก้าวเดินไปด้วยกัน และรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน

สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะต้องมองจากทั้ง 2 ฝั่ง คือ ดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้ หากปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากจะส่งผลดีให้ผู้ฝากเงินมีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น ผู้เกษียณอายุราชการที่ฝากเงินเพื่อกินดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน หากปรับดอกเบี้ยเงินกู้จะเป็นต้นทุนสำคัญของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับผลกระทบเร็วที่สุด เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะคิดดอกเบี้ยเงินกู้สูงกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่

อย่างไรก็ตาม การประคับประคองเศรษฐกิจให้อยู่รอดได้นั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วย เพราะในมุมของภาครัฐอาจไม่ได้เห็นภาพรวมได้ทั้งหมด แต่ในสิ่งที่จะเข้าไปแก้ไขที่เอกชนอาจจะต้องเสนอเข้ามา

ด้าน นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่า หากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นจะกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการ เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนทั้งค่าแรง ราคาน้ำมัน ปัญหาอัตราเงินเฟ้อจนต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น หากราคาสินค้าสูงมากก็จะทำให้ผู้บริโภคชะลอ การซื้อ ในฐานะผู้ประกอบการก็ไม่อยากให้เพิ่มดอกเบี้ยสูงมากเกินไป