มนุษย์ทุกคน-เริ่มต้นและเดินสู่ปลายทางชีวิต บ้างด้วยคำสรรเสริญ บ้างก็ถูกสาปแช่ง
คนหน้าเหลี่ยม-ร่ำรวยด้วยธุรกิจผูกขาดสัมปทานรัฐ แล้วใช้เงินที่หามาได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ เพื่อเข้าไปขุดเอาสมบัติของชาติจำนวนมหาศาล มาเป็นสมบัติส่วนตัวของตนและพวกพ้อง..
แม้นคนหน้าเหลี่ยมจะมิใช่คนแรกของโลก แต่เขาก็เป็นคนทดลองปฏิบัติจนพิสูจน์ชัดในประเทศนี้แล้วว่า เงินนำมาซึ่งอำนาจรัฐ-อำนาจรัฐก็จะนำกลับมาซึ่งเงินตรามิมีวันหมด
ดังนั้น..คนหน้าเหลี่ยมจึงทุ่มลงทุนในธุรกิจการเมืองเต็มตัว เพราะถอนทุนได้รวดเร็วและแถมกำไรอย่างมหาศาลเหลือเชื่อ!
แต่เงินทองและอำนาจการเมืองนั้น มิใช่ของเล่น..มันง่ายต่อการเสพติด หากใจคนไม่นิ่งหรือไม่รู้จักคำว่าพอเพียง เงินทองและอำนาจการเมืองที่ยึดเป็นสรณะ ย่อมนำไปสู่หนทางอันตรายต่อผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจนำประเทศชาติและประชาชนสู่หนทางวิบัติได้
ตัวอย่างชัดๆ ในชีวิตของคนหน้าเหลี่ยม ผู้ผันเปลี่ยนจากคนทำธุรกิจระดับกลาง ที่มีหนี้สินมากมายจนกลายเป็นมหาเศรษฐี มีเงินล้นฟ้าในเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่แทนที่เขาจะมีความสุขกับครอบครัว กลับต้องเผชิญชะตากรรมบ้านแตกสาแหรกขาดยับเยิน
แถมโดนผู้คนก่นด่าสาดเสียเทเสียไปทั่วประเทศไทย จนกินเนสส์บุ๊กน่าจะบันทึกไว้ ว่าคนไทยหน้าเหลี่ยมเป็นมหาเศรษฐีและนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ถูกด่ามากที่สุดในโลกครับ!
วันนี้..ทุกคนทุกฝ่ายล้วนรู้แล้วว่า มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยมคนเดียวแท้ๆ ที่ทำเรื่องเลวร้ายมากมายจนก่อให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ชนิดยากจะสมานฉันท์กันได้อีกต่อไป ทำให้ชาติและสถาบันหลัก รวมทั้งผู้คนทั้งบ้านเมืองต้องเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ทำไมมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม จึงกล้ากระทำเรื่องเลวร้ายต่อชาติมากมายขนาดนี้?
คำถามนี้..ใครหน้าไหนก็ตอบแทนคนหน้าเหลี่ยมไม่ได้ แต่ผลจากการกระทำของมหาเศรษฐีคนนี้ สรุปเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากคนผู้นี้ มีจิตใจใฝ่ต่ำและถือคติรวยเท่าไหร่..ก็ไม่รู้จักพอ แถมยังบ้าอำนาจอย่างร้ายแรงด้วยครับ
นั่นทำให้มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ที่ร่ำรวยเงินทองจากธุรกิจผูกขาดสัมปทานรัฐ กำเงินก้าวเข้ามาซื้อพรรคและนักการเมืองมากมายไว้ในสังกัด จากนั้นก็ใช้เงินซื้อเสียงประชาชนที่ยากจนในชนบทอย่างเป็นระบบ จนชนะการเลือกตั้งครั้งแรกอย่างท่วมท้น
นั่นทำให้มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยมได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ ทว่าด้วยโลภโมโทสันมิสิ้นสุดผสมกับมัวเมาในอำนาจ เขาจึงคอร์รัปชันโครงการใหญ่น้อยอย่างเหิมเกริม แถมยังปล่อยให้พรรคพวกบางส่วนบังอาจจาบจ้วงสถาบันหลักของชาติ ยังความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อผู้คนทั่วไทย
ชัยชนะท่วมท้นตอนแรกกลับกลายเป็นพ่ายแพ้อย่างย่อยยับอัปรา เพราะถูกประชาชนประท้วงขับไล่แรมปี สุดท้ายก็ถูกทหารรัฐประหารจนระเห็จไปอยู่นอกประเทศพักใหญ่
ทว่ารัฐบาลจากการรัฐประหารอ่อนแอ ทำให้เงินของมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ยังทรงพลังล้นเหลือในการซื้อทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ในที่สุดก็สามารถคืนกลับมายึดกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมืออีกครั้งหนึ่ง
แต่แทนที่คนหน้าเหลี่ยมจะกลับตัวกลับใจ ด้วยการสร้างรัฐบาลที่ดีมาบริหารบ้านเมือง เขาดันตั้งรัฐบาลนอมินีไร้คุณภาพ เพียงหวังบรรลุเป้าหมายทางการเมืองของตนสถานเดียว จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาจะล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้แทน หวังจะยกทิ้งความผิดทั้งปวงของคนหน้าเหลี่ยมและพวกพ้อง ออกจากความผิดที่ได้กระทำไว้นั่นเอง
ที่สำคัญคนหน้าเหลี่ยมยังใช้รัฐบาลนอมินี ทำงานเพื่อผลประโยชน์แห่งตนอีกด้วย ดังกรณีที่เขามุ่งหน้าจะเข้าไปลงทุนในเขมร เพื่อเป็นเจ้าของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในเกาะกง และคุมสัมปทานในการตั้งโรงกลั่นก๊าซธรรมชาติ ที่ทับซ้อนอยู่ในทะเลของไทย-กัมพูชา
ผลประโยชน์แอบแฝงของมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยมนี้ อาจจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนของชาติบางส่วน ในบริเวณเขาพระวิหารให้กับเขมรได้ในอนาคต
ต้องถือว่า..ความวุ่นวายทั้งหมดในประเทศไทยนี้ ล้วนเกิดจากมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยมคนเดียวแท้ๆ ที่ใช้เงินมหาศาลเที่ยวซื้อและบันดาลให้การเมือง เดินไปบนหนทางเพื่อการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เข้าพกเข้าห่อตนเองและพวกพ้อง โดยไม่สนใจต่อการผิดทำนองคลองธรรมสักปานใด
ต้องยอมรับความจริงว่าการเมืองภาคพลเมือง หรือการเมืองบนท้องถนนที่นายสมัครเรียกขาน จะไม่มีวันเกิดขึ้นหรือเติบใหญ่เป็นแสนๆ คน จนนำไปสู่การชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในขณะนี้ได้เลย หากรัฐบาลที่แม้นจะเป็นนอมินีบริหารประเทศชาติ บนผลประโยชน์เพื่อคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง
กลับกันที่พันธมิตรฯ และประชาชนนับแสนๆ คน ออกมาชุมนุมอย่างพร้อมเพรียงบนท้องถนน ถึงขนาดบุกฝ่าวงล้อมตำรวจไปยึดพื้นที่หน้าทำเนียบรัฐบาลได้นั้น เพราะรัฐบาลหุ่นเชิดมุ่งกระทำทุกอย่าง เพียงเพื่อให้นายทุนหน้าเหลี่ยมผู้สามานย์พ้นความผิด และยังแสวงประโยชน์จากอำนาจรัฐที่ใช้เงินซื้อมาอย่างหน้าด้านอีกด้วย
ความคิดแตกแยกในสังคมไทยขณะนี้ ต้องถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต..วิกฤตจนยากต่อการคลี่คลาย เพราะการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลหุ่นเชิด ที่คนหน้าเหลี่ยมบังคับบัญชาอยู่เบื้องหลัง เป็นสิ่งที่ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และเขตหัวเมืองใหญ่น้อยทั่วประเทศรับรู้รับทราบจนหมดเปลือกแล้วนั่นเอง
ยิ่งเพลานี้พันธมิตรฯ และประชาชนผู้มีความรู้ ได้พัฒนาความคิดก้าวล้ำนักการเมืองในปัจจุบัน ถึงขั้นปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยตัวแทน ซึ่งผ่านระบบการเลือกตั้งที่ไร้ความบริสุทธิ์ยุติธรรม ระบบการเลือกตั้งที่เงินซื้อทุกอย่างได้ ระบบที่ใครมีเงินมากกว่า..ก็เป็นฝ่ายชนะ ฯลฯ
ระบบที่เงินยังคงอำนาจสูงสุดในการซื้อ ซื้อได้กระทั่ง กกต.บางคน ทำให้การคัดกรองคนดีเข้าสู่รัฐสภาฯ และบริหารอำนาจรัฐล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จนคนเลวดาหน้าเข้ายึดครองอำนาจในผืนแผ่นดินนี้ นำมาซึ่งยุคข้าวยากหมากแพงอันเลวร้ายเป็นประวัติการณ์
นั่นทำให้ประชาธิปไตยที่นักเลือกตั้งมีอำนาจในวันนี้ มักนำมาอ้างเสมอว่า..พวกเขามาจากการเลือกตั้ง หากไม่พอใจก็มาลงเลือกตั้งแข่งกันสิ หากไม่ยอมรับการกระทำชั่วของพวกเขา ก็ต้องรอให้มีการเลือกตั้งคราหน้า
นับเป็นประชาธิปไตยเพียง 4 วินาที ประชาธิปไตยแค่วันหย่อนบัตรลงสู่หีบ จากนั้นประเทศนี้ก็ถูกผูกขาดอยู่ในกำมือของนักเลือกตั้งไม่กี่ร้อยคน ซึ่งจะปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติอย่างไรก็ได้ตามอำเภอใจ โดยประชาชนทั้งชาติห้ามยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด
โดยเฉพาะหากประชาชนไม่พอใจ การกระทำชั่วของบรรดานักเลือกตั้ง แล้วออกมาต่อสู้คัดค้านตามสิทธิกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็จะถูกพวกนักเลือกตั้งประณามว่า..เป็นแก๊งการเมืองข้างถนนโดยพลัน
ยกเว้นกลุ่มคนประเภทสอพลอนักเลือกตั้งเท่านั้น ที่จะได้รับการสรรเสริญเยินยอ และเผยแพร่ไปตามสื่อของรัฐอย่างกว้างขวาง เพราะคนเหล่านั้นเป็นผู้ที่นักเลือกตั้ง จัดตั้งหรือเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อเยินยอทางการเมืองต่อพวกเขานั่นเอง
การเมือง-ที่ตัวแทนมาจากการซื้อเสียงเข้าสู่รัฐสภาฯ ย่อมต้องเลือกนายกรัฐมนตรีและ ครม. ที่เป็นตัวแทนของตน จนเป็นต้นเหตุนำไปสู่การลุแก่อำนาจและการคอร์รัปชันสารพัด
สุดท้ายก็จะนำไปสู่การคัดค้าน-ต่อต้าน-ประท้วงของประชาชน ที่รักชาติรักความเป็นธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง เป็นวิกฤตของชาติชนิดไม่มีวันสิ้นสุดทั้งในปัจจุบันและอนาคต
นั่นคือเนื้อร้ายหรือมะเร็งทางการเมือง ที่ทำให้ประเทศไทยต้องย่ำเท้าอยู่กับที่ หรือบางครายังต้องถอยหลังเข้าคลองกับการรัฐประหาร ที่ยังผลให้ชาติไทยทั้งชาติไม่อาจก้าวไปข้างหน้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องถาวร
ปลายชีวิต-มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม จะจบด้วยคำสรรเสริญหรือคำสาปแช่งก่นด่านะ?
คงต้องดูการกระทำทั้งอดีต-ปัจจุบันของมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ซึ่งผมมองเห็นถึงกฎแห่งกรรมล่วงหน้า เห็นทะลุยังปลายชีวิตของคนหน้าเหลี่ยมแล้วครับ
นั่นคือ..มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม คงต้องตายอย่างไร้ค่า ตายโดยมีผู้คนทั้งชาติไทยสาปแช่งให้ตกนรกหมกไหม้แน่นอน!
คำถามสุดท้ายคือ..สิ้นลมหายใจ..เงินที่มีล้นฟ้า อืมมม..จะเผาร่างคนหน้าเหลี่ยมหมดไหมเอ่ย???
คนหน้าเหลี่ยม-ร่ำรวยด้วยธุรกิจผูกขาดสัมปทานรัฐ แล้วใช้เงินที่หามาได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ เพื่อเข้าไปขุดเอาสมบัติของชาติจำนวนมหาศาล มาเป็นสมบัติส่วนตัวของตนและพวกพ้อง..
แม้นคนหน้าเหลี่ยมจะมิใช่คนแรกของโลก แต่เขาก็เป็นคนทดลองปฏิบัติจนพิสูจน์ชัดในประเทศนี้แล้วว่า เงินนำมาซึ่งอำนาจรัฐ-อำนาจรัฐก็จะนำกลับมาซึ่งเงินตรามิมีวันหมด
ดังนั้น..คนหน้าเหลี่ยมจึงทุ่มลงทุนในธุรกิจการเมืองเต็มตัว เพราะถอนทุนได้รวดเร็วและแถมกำไรอย่างมหาศาลเหลือเชื่อ!
แต่เงินทองและอำนาจการเมืองนั้น มิใช่ของเล่น..มันง่ายต่อการเสพติด หากใจคนไม่นิ่งหรือไม่รู้จักคำว่าพอเพียง เงินทองและอำนาจการเมืองที่ยึดเป็นสรณะ ย่อมนำไปสู่หนทางอันตรายต่อผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจนำประเทศชาติและประชาชนสู่หนทางวิบัติได้
ตัวอย่างชัดๆ ในชีวิตของคนหน้าเหลี่ยม ผู้ผันเปลี่ยนจากคนทำธุรกิจระดับกลาง ที่มีหนี้สินมากมายจนกลายเป็นมหาเศรษฐี มีเงินล้นฟ้าในเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่แทนที่เขาจะมีความสุขกับครอบครัว กลับต้องเผชิญชะตากรรมบ้านแตกสาแหรกขาดยับเยิน
แถมโดนผู้คนก่นด่าสาดเสียเทเสียไปทั่วประเทศไทย จนกินเนสส์บุ๊กน่าจะบันทึกไว้ ว่าคนไทยหน้าเหลี่ยมเป็นมหาเศรษฐีและนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ถูกด่ามากที่สุดในโลกครับ!
วันนี้..ทุกคนทุกฝ่ายล้วนรู้แล้วว่า มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยมคนเดียวแท้ๆ ที่ทำเรื่องเลวร้ายมากมายจนก่อให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ชนิดยากจะสมานฉันท์กันได้อีกต่อไป ทำให้ชาติและสถาบันหลัก รวมทั้งผู้คนทั้งบ้านเมืองต้องเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ทำไมมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม จึงกล้ากระทำเรื่องเลวร้ายต่อชาติมากมายขนาดนี้?
คำถามนี้..ใครหน้าไหนก็ตอบแทนคนหน้าเหลี่ยมไม่ได้ แต่ผลจากการกระทำของมหาเศรษฐีคนนี้ สรุปเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากคนผู้นี้ มีจิตใจใฝ่ต่ำและถือคติรวยเท่าไหร่..ก็ไม่รู้จักพอ แถมยังบ้าอำนาจอย่างร้ายแรงด้วยครับ
นั่นทำให้มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ที่ร่ำรวยเงินทองจากธุรกิจผูกขาดสัมปทานรัฐ กำเงินก้าวเข้ามาซื้อพรรคและนักการเมืองมากมายไว้ในสังกัด จากนั้นก็ใช้เงินซื้อเสียงประชาชนที่ยากจนในชนบทอย่างเป็นระบบ จนชนะการเลือกตั้งครั้งแรกอย่างท่วมท้น
นั่นทำให้มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยมได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ ทว่าด้วยโลภโมโทสันมิสิ้นสุดผสมกับมัวเมาในอำนาจ เขาจึงคอร์รัปชันโครงการใหญ่น้อยอย่างเหิมเกริม แถมยังปล่อยให้พรรคพวกบางส่วนบังอาจจาบจ้วงสถาบันหลักของชาติ ยังความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อผู้คนทั่วไทย
ชัยชนะท่วมท้นตอนแรกกลับกลายเป็นพ่ายแพ้อย่างย่อยยับอัปรา เพราะถูกประชาชนประท้วงขับไล่แรมปี สุดท้ายก็ถูกทหารรัฐประหารจนระเห็จไปอยู่นอกประเทศพักใหญ่
ทว่ารัฐบาลจากการรัฐประหารอ่อนแอ ทำให้เงินของมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ยังทรงพลังล้นเหลือในการซื้อทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ในที่สุดก็สามารถคืนกลับมายึดกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมืออีกครั้งหนึ่ง
แต่แทนที่คนหน้าเหลี่ยมจะกลับตัวกลับใจ ด้วยการสร้างรัฐบาลที่ดีมาบริหารบ้านเมือง เขาดันตั้งรัฐบาลนอมินีไร้คุณภาพ เพียงหวังบรรลุเป้าหมายทางการเมืองของตนสถานเดียว จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาจะล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้แทน หวังจะยกทิ้งความผิดทั้งปวงของคนหน้าเหลี่ยมและพวกพ้อง ออกจากความผิดที่ได้กระทำไว้นั่นเอง
ที่สำคัญคนหน้าเหลี่ยมยังใช้รัฐบาลนอมินี ทำงานเพื่อผลประโยชน์แห่งตนอีกด้วย ดังกรณีที่เขามุ่งหน้าจะเข้าไปลงทุนในเขมร เพื่อเป็นเจ้าของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในเกาะกง และคุมสัมปทานในการตั้งโรงกลั่นก๊าซธรรมชาติ ที่ทับซ้อนอยู่ในทะเลของไทย-กัมพูชา
ผลประโยชน์แอบแฝงของมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยมนี้ อาจจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนของชาติบางส่วน ในบริเวณเขาพระวิหารให้กับเขมรได้ในอนาคต
ต้องถือว่า..ความวุ่นวายทั้งหมดในประเทศไทยนี้ ล้วนเกิดจากมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยมคนเดียวแท้ๆ ที่ใช้เงินมหาศาลเที่ยวซื้อและบันดาลให้การเมือง เดินไปบนหนทางเพื่อการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เข้าพกเข้าห่อตนเองและพวกพ้อง โดยไม่สนใจต่อการผิดทำนองคลองธรรมสักปานใด
ต้องยอมรับความจริงว่าการเมืองภาคพลเมือง หรือการเมืองบนท้องถนนที่นายสมัครเรียกขาน จะไม่มีวันเกิดขึ้นหรือเติบใหญ่เป็นแสนๆ คน จนนำไปสู่การชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในขณะนี้ได้เลย หากรัฐบาลที่แม้นจะเป็นนอมินีบริหารประเทศชาติ บนผลประโยชน์เพื่อคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง
กลับกันที่พันธมิตรฯ และประชาชนนับแสนๆ คน ออกมาชุมนุมอย่างพร้อมเพรียงบนท้องถนน ถึงขนาดบุกฝ่าวงล้อมตำรวจไปยึดพื้นที่หน้าทำเนียบรัฐบาลได้นั้น เพราะรัฐบาลหุ่นเชิดมุ่งกระทำทุกอย่าง เพียงเพื่อให้นายทุนหน้าเหลี่ยมผู้สามานย์พ้นความผิด และยังแสวงประโยชน์จากอำนาจรัฐที่ใช้เงินซื้อมาอย่างหน้าด้านอีกด้วย
ความคิดแตกแยกในสังคมไทยขณะนี้ ต้องถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต..วิกฤตจนยากต่อการคลี่คลาย เพราะการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลหุ่นเชิด ที่คนหน้าเหลี่ยมบังคับบัญชาอยู่เบื้องหลัง เป็นสิ่งที่ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และเขตหัวเมืองใหญ่น้อยทั่วประเทศรับรู้รับทราบจนหมดเปลือกแล้วนั่นเอง
ยิ่งเพลานี้พันธมิตรฯ และประชาชนผู้มีความรู้ ได้พัฒนาความคิดก้าวล้ำนักการเมืองในปัจจุบัน ถึงขั้นปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยตัวแทน ซึ่งผ่านระบบการเลือกตั้งที่ไร้ความบริสุทธิ์ยุติธรรม ระบบการเลือกตั้งที่เงินซื้อทุกอย่างได้ ระบบที่ใครมีเงินมากกว่า..ก็เป็นฝ่ายชนะ ฯลฯ
ระบบที่เงินยังคงอำนาจสูงสุดในการซื้อ ซื้อได้กระทั่ง กกต.บางคน ทำให้การคัดกรองคนดีเข้าสู่รัฐสภาฯ และบริหารอำนาจรัฐล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จนคนเลวดาหน้าเข้ายึดครองอำนาจในผืนแผ่นดินนี้ นำมาซึ่งยุคข้าวยากหมากแพงอันเลวร้ายเป็นประวัติการณ์
นั่นทำให้ประชาธิปไตยที่นักเลือกตั้งมีอำนาจในวันนี้ มักนำมาอ้างเสมอว่า..พวกเขามาจากการเลือกตั้ง หากไม่พอใจก็มาลงเลือกตั้งแข่งกันสิ หากไม่ยอมรับการกระทำชั่วของพวกเขา ก็ต้องรอให้มีการเลือกตั้งคราหน้า
นับเป็นประชาธิปไตยเพียง 4 วินาที ประชาธิปไตยแค่วันหย่อนบัตรลงสู่หีบ จากนั้นประเทศนี้ก็ถูกผูกขาดอยู่ในกำมือของนักเลือกตั้งไม่กี่ร้อยคน ซึ่งจะปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติอย่างไรก็ได้ตามอำเภอใจ โดยประชาชนทั้งชาติห้ามยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด
โดยเฉพาะหากประชาชนไม่พอใจ การกระทำชั่วของบรรดานักเลือกตั้ง แล้วออกมาต่อสู้คัดค้านตามสิทธิกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็จะถูกพวกนักเลือกตั้งประณามว่า..เป็นแก๊งการเมืองข้างถนนโดยพลัน
ยกเว้นกลุ่มคนประเภทสอพลอนักเลือกตั้งเท่านั้น ที่จะได้รับการสรรเสริญเยินยอ และเผยแพร่ไปตามสื่อของรัฐอย่างกว้างขวาง เพราะคนเหล่านั้นเป็นผู้ที่นักเลือกตั้ง จัดตั้งหรือเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อเยินยอทางการเมืองต่อพวกเขานั่นเอง
การเมือง-ที่ตัวแทนมาจากการซื้อเสียงเข้าสู่รัฐสภาฯ ย่อมต้องเลือกนายกรัฐมนตรีและ ครม. ที่เป็นตัวแทนของตน จนเป็นต้นเหตุนำไปสู่การลุแก่อำนาจและการคอร์รัปชันสารพัด
สุดท้ายก็จะนำไปสู่การคัดค้าน-ต่อต้าน-ประท้วงของประชาชน ที่รักชาติรักความเป็นธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง เป็นวิกฤตของชาติชนิดไม่มีวันสิ้นสุดทั้งในปัจจุบันและอนาคต
นั่นคือเนื้อร้ายหรือมะเร็งทางการเมือง ที่ทำให้ประเทศไทยต้องย่ำเท้าอยู่กับที่ หรือบางครายังต้องถอยหลังเข้าคลองกับการรัฐประหาร ที่ยังผลให้ชาติไทยทั้งชาติไม่อาจก้าวไปข้างหน้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องถาวร
ปลายชีวิต-มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม จะจบด้วยคำสรรเสริญหรือคำสาปแช่งก่นด่านะ?
คงต้องดูการกระทำทั้งอดีต-ปัจจุบันของมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ซึ่งผมมองเห็นถึงกฎแห่งกรรมล่วงหน้า เห็นทะลุยังปลายชีวิตของคนหน้าเหลี่ยมแล้วครับ
นั่นคือ..มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม คงต้องตายอย่างไร้ค่า ตายโดยมีผู้คนทั้งชาติไทยสาปแช่งให้ตกนรกหมกไหม้แน่นอน!
คำถามสุดท้ายคือ..สิ้นลมหายใจ..เงินที่มีล้นฟ้า อืมมม..จะเผาร่างคนหน้าเหลี่ยมหมดไหมเอ่ย???