ผู้จัดการรายวัน – เลขาธิการสมาคมธนาคารไทยยันชมรมบัตรเครดิตของผ่อนผันเกณฑ์การชำระขึ้นต่ำจาก 10% มาอยู่ 5% นั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ด้านแบงก์กสิกรไทยชี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการแข่งขันเป็นหลัก
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตจะขอผ่อนเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เรื่องการชำระเงินขั้นต่ำจาก 10%ลงเหลือ 5%ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในสภาวะที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัว ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น รวมทั้งค่าครองชีพของประชาชนที่สูงขึ้น ซึ่งล้วนส่งกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ลูกค้าบัตรเครดิตมีการลดลงโดยเฉพาะผู้ทีมีรายได้น้อย และในที่สุดก็จะทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตมีการปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ การที่ทางชมรมบัตรเครดิตจะมีการขอผ่อนผันกับธปท.นั้น เชื่อว่าทางชมรมบัตรเครดิตเองก็รู้ถึงการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอล ขณะที่ธปท.เองก็คงจะมีข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเชื่อว่าทาง ธปท.จะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรที่จะมีการผ่อนผันเรื่องการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้เหลือ 5% ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลสรุปสุดท้ายจะออกมาอย่างไรก็อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงลูกค้าให้มากที่สุด
ด้านนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารมองว่าการที่จะผ่อนผันการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำจาก 10% ให้เหลือ 5% นั้นสำหรับธนาคารเองต้องพิจารณาถึงเรื่องการแข่งขันเป็นหลัก เพราะถ้าคู่แข่งรายใหญ่มีการลดการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้เหลือ 5% ธนาคารเองก็จำเป็นต้องลดตามเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันจากการที่ธนาคารมีการตรวจสอบการชำระหนี้บัตรเครดิตพบว่าลูกค้ายังมีการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งไม่มีสัญญาณว่าความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าจะลดลง และหนี้เอ็นพีแอลเองก็ไม่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นไปจากเดิมที่มีอยู่แต่ตรงกันข้ามจำนวนเอ็นพีแอลกลับมีการปรับตัวลดลงพอสมควรจากต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เกณฑ์การชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ 10% นั้นมีมาตั้งปีกว่าแล้วซึ่งลูกค้าก็สามารถปรับตัวได้ในบางส่วน แต่สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถปรับตัวได้ มันก็จะกลายเป็นเอ็นพีแอลซึ่งก็ไม่ได้มีจำนวนมากโดยในณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการติดตามทวงหนี้และปรับปรุงคุณภาพหนี้ อีกทั้งขั้นในการปล่อยสินเชื่อธนาคารเองมีการเข้มงวดอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดีตัวลูกค้าเองก็ควรระมัดระวังในการใช้จ่ายให้มากขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ ซึ่งถ้าหากมีการผ่อนผันการชำระหนี้บัตรเครดิตให้เหลือ 5% แล้วก็อาจจะทำให้คนมีการใช้จ่ายเกินตัวมากขึ้น แต่สำหรับข้อดีคืออาจจะช่วยให้เอ็นพีแอลบัตรเครดิตบางธนาคารมีการปรับตัวลดลงได้ และเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายลูกค้าอีกทางหนึ่ง
"สำหรับเรื่องการขอผ่อนผันการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำจาก 10% เหลือ 5% ที่ทางประธานชมรมบัตรเครดิตจะนำไปเสนอกับ ธปท. นั้นเป็นข้อเสนอจากธนาคารพาณิชย์หลายแห่งไปยังทางชมรมบัตรเครดิตและก็เริ่มมีเสียงตอบรับจากหลายธนาคารเช่นกันว่าเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งธนาคารเองเชื่อว่า ธปท.เองก็คงจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ เพราะลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการที่ต้องชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ 10% คือลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง" นางสาวขัตติยา กล่าว
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตจะขอผ่อนเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เรื่องการชำระเงินขั้นต่ำจาก 10%ลงเหลือ 5%ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในสภาวะที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัว ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น รวมทั้งค่าครองชีพของประชาชนที่สูงขึ้น ซึ่งล้วนส่งกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ลูกค้าบัตรเครดิตมีการลดลงโดยเฉพาะผู้ทีมีรายได้น้อย และในที่สุดก็จะทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตมีการปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ การที่ทางชมรมบัตรเครดิตจะมีการขอผ่อนผันกับธปท.นั้น เชื่อว่าทางชมรมบัตรเครดิตเองก็รู้ถึงการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอล ขณะที่ธปท.เองก็คงจะมีข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเชื่อว่าทาง ธปท.จะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรที่จะมีการผ่อนผันเรื่องการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้เหลือ 5% ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลสรุปสุดท้ายจะออกมาอย่างไรก็อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงลูกค้าให้มากที่สุด
ด้านนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารมองว่าการที่จะผ่อนผันการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำจาก 10% ให้เหลือ 5% นั้นสำหรับธนาคารเองต้องพิจารณาถึงเรื่องการแข่งขันเป็นหลัก เพราะถ้าคู่แข่งรายใหญ่มีการลดการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้เหลือ 5% ธนาคารเองก็จำเป็นต้องลดตามเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันจากการที่ธนาคารมีการตรวจสอบการชำระหนี้บัตรเครดิตพบว่าลูกค้ายังมีการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งไม่มีสัญญาณว่าความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าจะลดลง และหนี้เอ็นพีแอลเองก็ไม่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นไปจากเดิมที่มีอยู่แต่ตรงกันข้ามจำนวนเอ็นพีแอลกลับมีการปรับตัวลดลงพอสมควรจากต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เกณฑ์การชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ 10% นั้นมีมาตั้งปีกว่าแล้วซึ่งลูกค้าก็สามารถปรับตัวได้ในบางส่วน แต่สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถปรับตัวได้ มันก็จะกลายเป็นเอ็นพีแอลซึ่งก็ไม่ได้มีจำนวนมากโดยในณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการติดตามทวงหนี้และปรับปรุงคุณภาพหนี้ อีกทั้งขั้นในการปล่อยสินเชื่อธนาคารเองมีการเข้มงวดอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดีตัวลูกค้าเองก็ควรระมัดระวังในการใช้จ่ายให้มากขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ ซึ่งถ้าหากมีการผ่อนผันการชำระหนี้บัตรเครดิตให้เหลือ 5% แล้วก็อาจจะทำให้คนมีการใช้จ่ายเกินตัวมากขึ้น แต่สำหรับข้อดีคืออาจจะช่วยให้เอ็นพีแอลบัตรเครดิตบางธนาคารมีการปรับตัวลดลงได้ และเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายลูกค้าอีกทางหนึ่ง
"สำหรับเรื่องการขอผ่อนผันการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำจาก 10% เหลือ 5% ที่ทางประธานชมรมบัตรเครดิตจะนำไปเสนอกับ ธปท. นั้นเป็นข้อเสนอจากธนาคารพาณิชย์หลายแห่งไปยังทางชมรมบัตรเครดิตและก็เริ่มมีเสียงตอบรับจากหลายธนาคารเช่นกันว่าเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งธนาคารเองเชื่อว่า ธปท.เองก็คงจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ เพราะลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการที่ต้องชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ 10% คือลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง" นางสาวขัตติยา กล่าว