ผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” ขึ้นบัญชีจับตาสินค้า 17 รายการ หลังได้รับการร้องเรียนเพียบว่ามีการเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น ข้าวถุง นม แก๊ส น้ำมัน แบตเตอรี่ ปุ๋ย อาหารสัตว์ เหล็ก และปูนซีเมนต์ “ศิริพล”สั่งทบทวนสินค้า 373 รายการ หากมีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงก็ตัดให้ไปดูแล ป้องกันผู้บริโภคสับสน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ได้ประกาศรายการสินค้าที่ติดตามดูแลประจำเดือนมิ.ย. 200 สินค้า โดยในจำนวนนี้มี 17 รายการ ที่จัดอยู่ในกลุ่มราคาอ่อนไหวเป็นพิเศษ (SL) และต้องใช้มาตรการติดตามภาวะเป็นประจำทุกวันได้ ได้แก่ ข้าวบรรจุถุง นมผง นมสด นมเปรี้ยว แก๊สหุงต้ม น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล แบตเตอรี่ ปุ๋ยเคมี อาหารสัตว์ สายไฟฟ้า เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น (รีดร้อน รีดเย็น และสแตนเลส) เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เหล็กแผ่นคืบโครเมียม ปูนซีเมนต์
สินค้าที่อยู่ในบัญชี SL นั้น เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนในช่วงค่าครองชีพสูงและน้ำมันแพงว่า เป็นสินค้าที่มีราคาผันผวน โดยอ้างว่าปรับตามต้นทุนจากต่างประเทศที่เพิ่ม และมีการโก่งราคาสินค้า การปฏิเสธการขาย กักตุน รวมถึงจำหน่ายด้วยวิธีเอาเปรียบผู้บริโภค โดยสินค้าในกลุ่มนี้หากจะปรับขึ้นราคาจะต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ก่อนทุกครั้ง หากไม่มีการแจ้งถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย
ขณะเดียวยังมีการจัดสินค้าอีก 6 รายการ ให้อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (PWL) ได้แก่ อาหารปรุงสำเร็จ นมข้นหวาน ครีมเทียมข้นหวาน แป้งสาลี น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ส่วนสินค้าที่เหลืออีก 177 รายการ จัดอยู่ในมาตรการสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุก 15 วัน (WL) เช่น ไก่สด เนื้อหมู ไข่ไก่ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน วัสดุก่อสร้าง เครื่องแบบนักเรียน สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังประกาศติดตามดูแลรายการบริการในเดือนนี้อีก 20 รายการ โดยบริการที่อยู่ในหมวดอ่อนไหวเป็นพิเศษ (SL) และต้องใช้มาตรการติดตามภาวะเป็นประจำทุกวัน คือ บริการรับส่งสินค้า เอกสาร พัสดุภัณฑ์ รับส่งโทรสาร หลังจากขณะนี้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และดีเซล ปรับขึ้นมาก ทำให้ต้องตรวจสอบการขึ้นค่าบริการให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ส่วนบริการที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (PWL) ได้แก่ บริการซ่อมรถ ขณะที่บริการที่เหลืออีก 18 รายการ ที่อยู่ในมาตรการสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุก 15 วัน (WL) เช่น ค่าชมภาพยนตร์ ซักอบรีด ที่จอดรถ สถานที่ออกกำลังกาย เป็นต้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ทำการศึกษาและทบทวนรายการสินค้าและบริการที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลทั้งสิ้น 373 รายการ ว่ารายการใดควรอยู่ในการดูแลของกระทรวงพาณิชย์ต่อไป หรือรายการใดควรยกเลิก เพราะมีหน่วยงานอื่นดูแลในทางปฏิบัติอยู่แล้ว โดยจะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ต่อไป และสะดวกต่อการใช้บริการของประชาชน เพราะที่ผ่านมาหากพบการผิดปกติหรือกระทำผิดกฎหมายก็ต้องประสานให้หน่วยงานอื่นเข้ามาดูแล
“หลายรายการอยู่ในการดูแลของกระทรวงพาณิชย์ แต่การตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายก็ต้องขึ้นกับกฎหมายของหน่วยงานอื่น เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือบุหรี่ จะเอาผิดในการขายเกินราคาก็จะมีกรมสรรพสามิตดูแล หรือค่ารักษาพยาบาลหรือราคายารักษาโรค ก็ต้องประสานให้ใช้กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาดูแล”แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ได้ประกาศรายการสินค้าที่ติดตามดูแลประจำเดือนมิ.ย. 200 สินค้า โดยในจำนวนนี้มี 17 รายการ ที่จัดอยู่ในกลุ่มราคาอ่อนไหวเป็นพิเศษ (SL) และต้องใช้มาตรการติดตามภาวะเป็นประจำทุกวันได้ ได้แก่ ข้าวบรรจุถุง นมผง นมสด นมเปรี้ยว แก๊สหุงต้ม น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล แบตเตอรี่ ปุ๋ยเคมี อาหารสัตว์ สายไฟฟ้า เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น (รีดร้อน รีดเย็น และสแตนเลส) เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เหล็กแผ่นคืบโครเมียม ปูนซีเมนต์
สินค้าที่อยู่ในบัญชี SL นั้น เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนในช่วงค่าครองชีพสูงและน้ำมันแพงว่า เป็นสินค้าที่มีราคาผันผวน โดยอ้างว่าปรับตามต้นทุนจากต่างประเทศที่เพิ่ม และมีการโก่งราคาสินค้า การปฏิเสธการขาย กักตุน รวมถึงจำหน่ายด้วยวิธีเอาเปรียบผู้บริโภค โดยสินค้าในกลุ่มนี้หากจะปรับขึ้นราคาจะต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ก่อนทุกครั้ง หากไม่มีการแจ้งถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย
ขณะเดียวยังมีการจัดสินค้าอีก 6 รายการ ให้อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (PWL) ได้แก่ อาหารปรุงสำเร็จ นมข้นหวาน ครีมเทียมข้นหวาน แป้งสาลี น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ส่วนสินค้าที่เหลืออีก 177 รายการ จัดอยู่ในมาตรการสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุก 15 วัน (WL) เช่น ไก่สด เนื้อหมู ไข่ไก่ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน วัสดุก่อสร้าง เครื่องแบบนักเรียน สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังประกาศติดตามดูแลรายการบริการในเดือนนี้อีก 20 รายการ โดยบริการที่อยู่ในหมวดอ่อนไหวเป็นพิเศษ (SL) และต้องใช้มาตรการติดตามภาวะเป็นประจำทุกวัน คือ บริการรับส่งสินค้า เอกสาร พัสดุภัณฑ์ รับส่งโทรสาร หลังจากขณะนี้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และดีเซล ปรับขึ้นมาก ทำให้ต้องตรวจสอบการขึ้นค่าบริการให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ส่วนบริการที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (PWL) ได้แก่ บริการซ่อมรถ ขณะที่บริการที่เหลืออีก 18 รายการ ที่อยู่ในมาตรการสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุก 15 วัน (WL) เช่น ค่าชมภาพยนตร์ ซักอบรีด ที่จอดรถ สถานที่ออกกำลังกาย เป็นต้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ทำการศึกษาและทบทวนรายการสินค้าและบริการที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลทั้งสิ้น 373 รายการ ว่ารายการใดควรอยู่ในการดูแลของกระทรวงพาณิชย์ต่อไป หรือรายการใดควรยกเลิก เพราะมีหน่วยงานอื่นดูแลในทางปฏิบัติอยู่แล้ว โดยจะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ต่อไป และสะดวกต่อการใช้บริการของประชาชน เพราะที่ผ่านมาหากพบการผิดปกติหรือกระทำผิดกฎหมายก็ต้องประสานให้หน่วยงานอื่นเข้ามาดูแล
“หลายรายการอยู่ในการดูแลของกระทรวงพาณิชย์ แต่การตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายก็ต้องขึ้นกับกฎหมายของหน่วยงานอื่น เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือบุหรี่ จะเอาผิดในการขายเกินราคาก็จะมีกรมสรรพสามิตดูแล หรือค่ารักษาพยาบาลหรือราคายารักษาโรค ก็ต้องประสานให้ใช้กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาดูแล”แหล่งข่าวกล่าว