ผู้จัดการรายวัน – พิษเศรษฐกิจ-ค่าครองชีพ พ่นตลาดกระดาษทิชชู ครึ่งปีแรกชะลอตัวในรอบ 11 ปี ตัวเลข 6 เดือน โต 1.5% คนแห่ใช้สินค้าเฮาส์แบรนด์ – ขนาดคุ้มค่า คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค แก้เกมเร่งป้อนข้อมูลแยกการใช้ พร้อมควงอีโมชันนัล -ฟังก์ชันนัล หวังสร้างพฤติกรรมการใช้เพิ่มเพื่อบูมตลาด ล่าสุดเปิดตัวกระดาษเช็ดหน้าคลีเน็กซ์ วินเทจ คอลเลกชันใหม่ ตั้งเป้า 3-5 ปี อัตราการใช้เพิ่มจาก 42% เป็นเกินกว่า 50%
นายจิรโรจน์ ติกกะวี รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและส่งออก บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระดาษเช็ดหน้าคลีเน็กซ์ เปิดเผยว่า ภาพรวมกระดาษทิชชูในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโต 1.5% ซึ่งถือว่าภาวะตลาดมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงในรอบ 11 ปี หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ทั้งนี้เพราะปีนี้ภาวะเศรษฐกิจหดตัว ราคาสินค้าและน้ำมันแพงขึ้น คนไทยจึงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยพบว่า พฤติกรรมการใช้กระดาษทิชชูมีการประหยัดมากขึ้น หันไปซื้อสินค้าเฮาส์แบรนด์ หรือเลือกซื้อสินค้าขนาดเล็กลง ส่วนกลุ่มที่มีกำลังการซื้อจะเลือกซื้อขนาดใหญ่เพื่อความคุ้มค่า ดังนั้นคาดว่าทั้งปีตลาดทิชชูมูลค่า 3,840 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดเติบโต 9.3%
สำหรับแผนการตลาดใช้กลยุทธ์ทั้งอีโมชันนัลและฟังก์ชันนัล ควบคู่กับการให้ข้อมูลการใช้กระดาษทิชชูตามประเภทการใช้งาน 4 ประเภทมากขึ้น ได้แก่ ชำระในห้องน้ำ กระดาษเช็ดหน้า กระดาษอเนกประสงค์ในห้องครัว และกระดาษเช็ดปาก จากปัจจุบันผู้บริโภคยังใช้กระดาษชำระในห้องน้ำเป็นกระดาษอเนกประสงค์ ส่งผลให้กระดาษชำระในห้องน้ำ2,880 ล้านบาท หรือสัดส่วน 75% อัตราการใช้ของคนเมืองและหัวเมืองใหญ่ถึง 93% ขณะที่ตลาดเติบโต 9.5%
ส่วนกระดาษเช็ดหน้ามูลค่า 691 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 18% เติบโต 8.2% มีอัตราการใช้เฉพาะในเมือง 42% ส่วนต่างจังหวัดยังมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับอัตราการใช้คนสิงคโปร์ 89% และมาเลเซีย 70% ขณะที่กระดาษอเนกประสงค์ในห้องครัวมูลค่า 192 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของตลาดรวม เติบโต 12.4% ส่วนกระดาษเช็ดปากมูลค่า 71.2 ล้านบาท โต 3.3%
ล่าสุดบริษัทได้ผลักดันการใช้งานกระดาษเช็ดหน้าและตลาดให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดตัวคลีเน็กซ์วินเทจ เอ็กซ์คูลซีฟดีไซน์ประเทศไทยเท่านั้น ทั้งนี้การเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้หญิงรุ่นใหม่ ที่พิถีพิถันการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนบุคลิกและตัวตนอย่างมีสไตล์ มีด้วยกัน 3 แบบ ซึ่งบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ปีละ 2 ครั้ง ส่วนแผนการตลาดเตรียมจัดกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนเมืองโดยตรง และเข้าถึงร้านอาหารหรือร้านค้าสไตล์วินเทจ ตลอดจนการโฆษณาผ่านนิตยสาร การแจกสินค้าตัวอย่าง และในเดือนสิงหาคมทำของพรีเมียมกระจกวินเทจเพื่อตอกย้ำการจดจำ
สภาพกระดาษเช็ดหน้า 691 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10% ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น กระดาษเช็ดหน้ามีลายหรือเซกเมนต์พรีเมียมสัดส่วน 25% หรือมูลค่า 172 ล้านบาท พรีเมียมสีขาว 47% หรือราว 324 ล้านบาท ส่วนกระดาษไม่มีลายหรือเซกเมนต์มาตรฐานล่าสัดส่วน 28% มูลค่า 193 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองตลาดมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามจากการใช้ข้อมูลแบ่งแยกประเภทการใช้งาน คาดว่าตลาดกระดาษเช็ดหน้าจะขยายสัดส่วนเพิ่มจาก 18% เป็น 25% ภายใน 3-4 ปีข้างหน้านี้ ขณะที่อัตราการใช้โดยเฉลี่ยเพิ่มจาก 42% เป็นเกินกว่า 50% ส่วนกระดาษชำระในห้องน้ำสัดส่วนจะลดลง
“แม้ว่าต้นทุนการผลิตต่างๆ จะปรับเพิ่มขึ้น แต่บริษัทไม่มีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แต่เน้นการบริหารประสิทธิภาพการผลิตสินค้าให้ดี เพื่อลดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นแทน”
ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาดกระดาษทิชชูโดยรวมครองส่วนแบ่ง 43% ส่วนอันดับ 2 เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ สำหรับกระดาษเช็ดหน้ากลุ่มคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค มีส่วนแบ่ง 56.3% แบ่งเป็น คลีเน็กซ์ มีส่วนแบ่ง 44% ขณะที่คู่แข่งเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ 22.5% อื่นๆ 17.5% อาทิ ริเวอร์โปร์ 1.7% วังขนาย 1% และนิบองเทอบอล 1%
นายจิรโรจน์ ติกกะวี รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและส่งออก บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระดาษเช็ดหน้าคลีเน็กซ์ เปิดเผยว่า ภาพรวมกระดาษทิชชูในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโต 1.5% ซึ่งถือว่าภาวะตลาดมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงในรอบ 11 ปี หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ทั้งนี้เพราะปีนี้ภาวะเศรษฐกิจหดตัว ราคาสินค้าและน้ำมันแพงขึ้น คนไทยจึงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยพบว่า พฤติกรรมการใช้กระดาษทิชชูมีการประหยัดมากขึ้น หันไปซื้อสินค้าเฮาส์แบรนด์ หรือเลือกซื้อสินค้าขนาดเล็กลง ส่วนกลุ่มที่มีกำลังการซื้อจะเลือกซื้อขนาดใหญ่เพื่อความคุ้มค่า ดังนั้นคาดว่าทั้งปีตลาดทิชชูมูลค่า 3,840 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดเติบโต 9.3%
สำหรับแผนการตลาดใช้กลยุทธ์ทั้งอีโมชันนัลและฟังก์ชันนัล ควบคู่กับการให้ข้อมูลการใช้กระดาษทิชชูตามประเภทการใช้งาน 4 ประเภทมากขึ้น ได้แก่ ชำระในห้องน้ำ กระดาษเช็ดหน้า กระดาษอเนกประสงค์ในห้องครัว และกระดาษเช็ดปาก จากปัจจุบันผู้บริโภคยังใช้กระดาษชำระในห้องน้ำเป็นกระดาษอเนกประสงค์ ส่งผลให้กระดาษชำระในห้องน้ำ2,880 ล้านบาท หรือสัดส่วน 75% อัตราการใช้ของคนเมืองและหัวเมืองใหญ่ถึง 93% ขณะที่ตลาดเติบโต 9.5%
ส่วนกระดาษเช็ดหน้ามูลค่า 691 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 18% เติบโต 8.2% มีอัตราการใช้เฉพาะในเมือง 42% ส่วนต่างจังหวัดยังมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับอัตราการใช้คนสิงคโปร์ 89% และมาเลเซีย 70% ขณะที่กระดาษอเนกประสงค์ในห้องครัวมูลค่า 192 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของตลาดรวม เติบโต 12.4% ส่วนกระดาษเช็ดปากมูลค่า 71.2 ล้านบาท โต 3.3%
ล่าสุดบริษัทได้ผลักดันการใช้งานกระดาษเช็ดหน้าและตลาดให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดตัวคลีเน็กซ์วินเทจ เอ็กซ์คูลซีฟดีไซน์ประเทศไทยเท่านั้น ทั้งนี้การเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้หญิงรุ่นใหม่ ที่พิถีพิถันการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนบุคลิกและตัวตนอย่างมีสไตล์ มีด้วยกัน 3 แบบ ซึ่งบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ปีละ 2 ครั้ง ส่วนแผนการตลาดเตรียมจัดกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนเมืองโดยตรง และเข้าถึงร้านอาหารหรือร้านค้าสไตล์วินเทจ ตลอดจนการโฆษณาผ่านนิตยสาร การแจกสินค้าตัวอย่าง และในเดือนสิงหาคมทำของพรีเมียมกระจกวินเทจเพื่อตอกย้ำการจดจำ
สภาพกระดาษเช็ดหน้า 691 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10% ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น กระดาษเช็ดหน้ามีลายหรือเซกเมนต์พรีเมียมสัดส่วน 25% หรือมูลค่า 172 ล้านบาท พรีเมียมสีขาว 47% หรือราว 324 ล้านบาท ส่วนกระดาษไม่มีลายหรือเซกเมนต์มาตรฐานล่าสัดส่วน 28% มูลค่า 193 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองตลาดมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามจากการใช้ข้อมูลแบ่งแยกประเภทการใช้งาน คาดว่าตลาดกระดาษเช็ดหน้าจะขยายสัดส่วนเพิ่มจาก 18% เป็น 25% ภายใน 3-4 ปีข้างหน้านี้ ขณะที่อัตราการใช้โดยเฉลี่ยเพิ่มจาก 42% เป็นเกินกว่า 50% ส่วนกระดาษชำระในห้องน้ำสัดส่วนจะลดลง
“แม้ว่าต้นทุนการผลิตต่างๆ จะปรับเพิ่มขึ้น แต่บริษัทไม่มีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แต่เน้นการบริหารประสิทธิภาพการผลิตสินค้าให้ดี เพื่อลดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นแทน”
ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาดกระดาษทิชชูโดยรวมครองส่วนแบ่ง 43% ส่วนอันดับ 2 เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ สำหรับกระดาษเช็ดหน้ากลุ่มคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค มีส่วนแบ่ง 56.3% แบ่งเป็น คลีเน็กซ์ มีส่วนแบ่ง 44% ขณะที่คู่แข่งเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ 22.5% อื่นๆ 17.5% อาทิ ริเวอร์โปร์ 1.7% วังขนาย 1% และนิบองเทอบอล 1%