เอเอฟพี - เรือเฟอร์รีชื่อ เอ็มวี ปรินเซส ออฟ เดอะ สตาร์ บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 700 คน เกิดอับปางกลางทะเลนอกชายฝั่งของเกาะซิบูยาในฟิลิปปินส์ เมื่อราวเที่ยงวันเสาร์(21) หลังจากถูกพายุไต้ฝุ่น "ฟงเสิน" พัดกระหน่ำ และคลื่นขนาดใหญ่ถาโถมเข้าสู่ตัวเรือตลอดคืนจนเครื่องยนต์ดับ ทางการคาดมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ทางการฟิลิปปินส์รายงานวานนี้(22)ว่า พบศพผู้เสียชีวิต 4 รายถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่งบนเกาะซิบูยา และมีผู้รอดชีวิต 3 รายด้วยกัน ทว่ายังไม่ทราบชะตากรรมของผู้โดยสารและลูกเรือที่เหลือ โดยคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงมาก
เรนาโต ลาโนริโอ ลูกเรือที่รอดชีวิตผู้หนึ่งเล่าว่าเรือลำดังกล่าวซึ่งมีน้ำหนักถึง 23,824 ตัน เกิดเอียงและจมลงภายในช่วงเวลาเพียง 15 นาที
"มันเหมือนกับว่าทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาแค่ 15 นาที หลังจากนั้นเราก็รู้ว่าเรือจมแล้ว" เขาเล่าอีกว่ากัปตันเรือสั่งสละเรือทันทีที่เรือเกิดเอียง และส่งผู้โดยสารกับลูกเรือเบียดเสียดกันลงแพชูชีพ
"หลายคนลงเรือชูชีพได้ทัน แต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขารอดหรือเปล่า" ลาโนริโอ ให้สัมภาษณ์กับวิทยุดีแซดบีบี โดยที่เขายังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเนื่องจากมีบาดแผลบนใบหน้า
เขาเล่าอีกว่าอีกสี่คนที่อยู่บนแพชูชีพลำเดียวกับเขาถูกคลื่นซัดตกแพไป ส่วนเขานั้นกอดแพไว้สุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด
เรือเอ็มวี ปรินเซส ออฟ เดอะ สตาร์ ออกเดินทางจากกรุงมะนิลาเพื่อไปยังเกาะเซบู และหลังจากเดินทางไปได้ 16 ชั่วโมงก็ได้ส่งสัญญาณอันตรายและเกิดอับปางลง โดยการเดินทางตลอดเส้นทางนี้จะต้องใช้เวลา 22 ชั่วโมง
นาแน็ตต์ ตันซิงโก นายกเทศมนตรีเมืองซาน เฟอร์นานโด ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งของซิบูยา ทางใต้ของมะนิลาไปราว 260 กิโลเมตร รายงานว่าพบรองเท้าแตะของเด็ก ๆ จำนวนมากลอยอยู่แถวชายฝั่งแต่ไม่พบผู้รอดชีวิต ขณะที่เรือของตำรวจเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุในช่วงเช้าวานนี้ และพบว่ามีเพียงส่วนหัวเรือเท่านั้นที่อยู่เหนือน้ำ
"เราได้รับรายงานว่ามีรูขนาดใหญ่รู้หนึ่งตรงกลางลำเรือ" ตันซิงโกบอก
ประธานาธิบดีกลอเรีย อาโรโย ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังสหรัฐฯ ได้สั่งสอบสวนหาสาเหตุที่มีการอนุญาตให้เรือโดยสารดังกล่าวออกจากมะนิลาไปทั้ง ๆ ที่จะเกิดพายุไต้ฝุ่น
ทั้งนี้พายุไต้ฝุ่น "ฟงเสิน" ได้พัดเข้าสู่ตอนกลางของฟิลิปปินส์เมื่อวันเสาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 229 คน และสูญหายอีก 6 คน โดยยังไม่นับจำนวนผู้คนจากเรือเฟอร์รีที่ล่ม
รายงานข่าวระบุว่า ฝนที่ตกหนักและลมกรรโชกแรงทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มทำลายอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ผู้คนหลายหมื่นคนต้องตกตะลึงกับภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และไฟฟ้าตามเมืองต่าง ๆ ก็ดับไป
ในขณะที่ยังมีการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเรือเฟอร์รี เมลานี โรโตนี ชาวเมืองซาน เฟอร์นานโดผู้หนึ่ง เล่าว่าเธอพบ "เสื้อชูชีพและเศษซากต่าง ๆ ถูกพัดเข้าสู่ชายฝั่ง รวมทั้งศพหญิงวัยสี่สิบเศษ แต่ไม่พบคนอื่น ๆ อีกเลย"
นาวาโทอาร์มันด์ แบลิโล โฆษกกองกำลังยามฝั่ง ระบุข้อมูลว่าเรือ เอ็มวี ปรินเซส ออฟ เดอะ สตาร์ บรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 626 คน และลูกเรืออีก 121 คน และออกเดินทางมะนิลาเมื่อวันศุกร์(20) ก่อนที่ไต้ฝุ่น "ฟงเสิน" จะเปลี่ยนทิศทางเพียงไม่นาน
เซซิล เฉิน เจ้าหน้าที่ยามฝั่งภูมิภาค บอกว่า เมื่อไต้ฝุ่นพัดเข้ามา กัปตันเรือได้ตัดสินใจจะนำเรือหลบเข้าที่กำบัง แต่เครื่องยนต์เรือเกิดดับเสียก่อน ทำให้ต้องติดค้างอยู่ที่นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของซิบูยา
"พอเครื่องยนต์ดับกลางคันและเรือจอดตายสนิทอยู่กลางน้ำ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที น้ำจึงค่อย ๆ รั่วเข้ามาจนเกินพิกัด แล้วเรือก็จมลง" เฉินบอก
ทางการฟิลิปปินส์รายงานวานนี้(22)ว่า พบศพผู้เสียชีวิต 4 รายถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่งบนเกาะซิบูยา และมีผู้รอดชีวิต 3 รายด้วยกัน ทว่ายังไม่ทราบชะตากรรมของผู้โดยสารและลูกเรือที่เหลือ โดยคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงมาก
เรนาโต ลาโนริโอ ลูกเรือที่รอดชีวิตผู้หนึ่งเล่าว่าเรือลำดังกล่าวซึ่งมีน้ำหนักถึง 23,824 ตัน เกิดเอียงและจมลงภายในช่วงเวลาเพียง 15 นาที
"มันเหมือนกับว่าทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาแค่ 15 นาที หลังจากนั้นเราก็รู้ว่าเรือจมแล้ว" เขาเล่าอีกว่ากัปตันเรือสั่งสละเรือทันทีที่เรือเกิดเอียง และส่งผู้โดยสารกับลูกเรือเบียดเสียดกันลงแพชูชีพ
"หลายคนลงเรือชูชีพได้ทัน แต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขารอดหรือเปล่า" ลาโนริโอ ให้สัมภาษณ์กับวิทยุดีแซดบีบี โดยที่เขายังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเนื่องจากมีบาดแผลบนใบหน้า
เขาเล่าอีกว่าอีกสี่คนที่อยู่บนแพชูชีพลำเดียวกับเขาถูกคลื่นซัดตกแพไป ส่วนเขานั้นกอดแพไว้สุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด
เรือเอ็มวี ปรินเซส ออฟ เดอะ สตาร์ ออกเดินทางจากกรุงมะนิลาเพื่อไปยังเกาะเซบู และหลังจากเดินทางไปได้ 16 ชั่วโมงก็ได้ส่งสัญญาณอันตรายและเกิดอับปางลง โดยการเดินทางตลอดเส้นทางนี้จะต้องใช้เวลา 22 ชั่วโมง
นาแน็ตต์ ตันซิงโก นายกเทศมนตรีเมืองซาน เฟอร์นานโด ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งของซิบูยา ทางใต้ของมะนิลาไปราว 260 กิโลเมตร รายงานว่าพบรองเท้าแตะของเด็ก ๆ จำนวนมากลอยอยู่แถวชายฝั่งแต่ไม่พบผู้รอดชีวิต ขณะที่เรือของตำรวจเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุในช่วงเช้าวานนี้ และพบว่ามีเพียงส่วนหัวเรือเท่านั้นที่อยู่เหนือน้ำ
"เราได้รับรายงานว่ามีรูขนาดใหญ่รู้หนึ่งตรงกลางลำเรือ" ตันซิงโกบอก
ประธานาธิบดีกลอเรีย อาโรโย ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังสหรัฐฯ ได้สั่งสอบสวนหาสาเหตุที่มีการอนุญาตให้เรือโดยสารดังกล่าวออกจากมะนิลาไปทั้ง ๆ ที่จะเกิดพายุไต้ฝุ่น
ทั้งนี้พายุไต้ฝุ่น "ฟงเสิน" ได้พัดเข้าสู่ตอนกลางของฟิลิปปินส์เมื่อวันเสาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 229 คน และสูญหายอีก 6 คน โดยยังไม่นับจำนวนผู้คนจากเรือเฟอร์รีที่ล่ม
รายงานข่าวระบุว่า ฝนที่ตกหนักและลมกรรโชกแรงทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มทำลายอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ผู้คนหลายหมื่นคนต้องตกตะลึงกับภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และไฟฟ้าตามเมืองต่าง ๆ ก็ดับไป
ในขณะที่ยังมีการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเรือเฟอร์รี เมลานี โรโตนี ชาวเมืองซาน เฟอร์นานโดผู้หนึ่ง เล่าว่าเธอพบ "เสื้อชูชีพและเศษซากต่าง ๆ ถูกพัดเข้าสู่ชายฝั่ง รวมทั้งศพหญิงวัยสี่สิบเศษ แต่ไม่พบคนอื่น ๆ อีกเลย"
นาวาโทอาร์มันด์ แบลิโล โฆษกกองกำลังยามฝั่ง ระบุข้อมูลว่าเรือ เอ็มวี ปรินเซส ออฟ เดอะ สตาร์ บรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 626 คน และลูกเรืออีก 121 คน และออกเดินทางมะนิลาเมื่อวันศุกร์(20) ก่อนที่ไต้ฝุ่น "ฟงเสิน" จะเปลี่ยนทิศทางเพียงไม่นาน
เซซิล เฉิน เจ้าหน้าที่ยามฝั่งภูมิภาค บอกว่า เมื่อไต้ฝุ่นพัดเข้ามา กัปตันเรือได้ตัดสินใจจะนำเรือหลบเข้าที่กำบัง แต่เครื่องยนต์เรือเกิดดับเสียก่อน ทำให้ต้องติดค้างอยู่ที่นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของซิบูยา
"พอเครื่องยนต์ดับกลางคันและเรือจอดตายสนิทอยู่กลางน้ำ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที น้ำจึงค่อย ๆ รั่วเข้ามาจนเกินพิกัด แล้วเรือก็จมลง" เฉินบอก
