เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ญี่ปุ่นและจีนแถลงว่า สามารถทำข้อตกลงกันได้เมื่อวานนี้(18) เกี่ยวกับวิธีที่จะพัฒนาแหล่งแก๊สธรรมชาติในเขตน่านน้ำทะเลจีนตะวันออกซึ่งกำลังพิพาทกันอยู่ นับเป็นการปลดชนวนการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองรายนี้ไปได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งเป็นสัญญาณล่าสุดแสดงถึงความสัมพันธ์ที่กระเตื้องขึ้นของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย
หลังการเจรจาที่ดำเนินไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ เป็นเวลา 4 ปี ญี่ปุ่นและจีนก็ตกลงกันที่จะแบ่งปันทรัพยากรแก๊สอันคาดหมายกันว่าน่าจะมีปริมาณมหึมาทีเดียว จากพื้นที่น่านน้ำซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับหมู่เกาะที่ทั้งสองฝ่ายยังคงขัดแย้งในเรื่องกรรมสิทธิ์กันอยู่
กระนั้นก็ตาม สำหรับแหล่งแก๊สธรรมชาติแหล่งอื่นๆ ในทะเลจีนตะวันออกนั้น โตเกียวและปักกิ่งก็ยังคงมีการโต้แย้งกันต่อไป นอกจากนั้นเมื่อวานนี้ทางการจีนยังยินยอมปล่อยให้กลุ่มนักชาตินิยมแดนมังกรจำนวน 15 คน ไปประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำปักกิ่ง ซึ่งเป็นสัญญาณชี้ว่า กระทั่งข้อตกลงในขอบเขตจำกัดคราวนี้ ก็ยังเป็นสิ่งที่สร้างความขัดแย้งอย่างสูง
จากคำแถลงของทั้งสองประเทศ ประเด็นสำคัญของข้อตกลงที่ทำกันได้วานนี้ก็คือ ภาคเอกชนของญี่ปุ่นจะเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาที่จีนกำลังดำเนินการอยู่ ณ แหล่งแก๊ส “ชุนเสียว” ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นเรียกชื่อว่า “ชิระคาบะ” แต่การลงทุนจะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหนยังกำลังตกลงรายละเอียดกันอยู่
นายกรัฐมนตรี ยาสุโอะ ฟุคุดะ แห่งญี่ปุ่น ได้ออกมากล่าวยกย่องข้อตกลงคราวนี้ โดยบอกว่า “เราจะทำให้มันกลายเป็นทะเลแห่งสันติภาพและมิตรภาพ เราจะพัฒนาแหล่งแก๊สต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าวด้วยการร่วมมือประสานงานซึ่งกันและกัน”
ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น มาซาฮิโกะ โคมุระ ก็เรียกข้อตกลงฉบับนี้ว่า เป็นฝีก้าวรูปธรรมเพื่อมุ่งสู่การปรองดองกันระหว่างสองประเทศ “นี่เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเราสามารถที่จะแก้ไขปัญหาอันยากลำบากโดยผ่านการพูดจาหารือกันได้อย่างไร” โคมุระบอก
ส่วนในกรุงปักกิ่ง เจียงอี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “จีนและญี่ปุ่น โดยผ่านการหารือกันอย่างเท่าเทียมกัน ได้บรรลุฉันทามติในทางหลักการว่าด้วยประเด็นปัญหาทะเลจีนตะวันออก”
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นอยู่ในสภาพตึงเครียดมานานแล้ว สืบเนื่องจากนโยบายแบบจักรวรรดินิยมของญี่ปุ่นในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
สำหรับกรณีพิพาทเรื่องเขตแดนในทะเลจีนตะวันออกนั้น ปักกิ่งยืนยันว่าตนมีอำนาจอธิปไตยเหนือน่านน้ำที่ไปไกลจนเกือบถึงหมู่เกาะโอกินาวา ที่อยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น อีกทั้งปฏิเสธข้อเสนอครั้งก่อนๆ ของโตเกียว ที่ให้ขีดเส้นแบ่งกลางเพื่อแบ่งสรรแหล่งแก๊สแห่งนี้
จีนยังได้เริ่มขุดเจาะแหล่งแก๊สชุนเสียวตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งโหมกระพือให้ความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นยิ่งตึงเครียด โดยที่โตเกียวส่งเสียงแสดงความวิตกว่า ปักกิ่งอาจสูบเอาแก๊สส่วนที่โตเกียวเห็นว่าอยู่ในเขตแดนของตนไปด้วย
ในปี 2004 ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการเมืองที่เย็นชาลงมาก จากการที่นายกรัฐมนตรี จุนอิชิโร โคอิซูมิ ของญี่ปุ่นเวลานั้น ไม่ยอมยุติการไปสักการะศาลเจ้ายาสึคุนิ ที่ถูกประณามว่าเป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหารของแดนซามูไร ญี่ปุ่นก็กล่าวหาว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของจีนลำหนึ่งได้แอบล่วงน้ำน่านน้ำญี่ปุ่นบริเวณใกล้ๆ แหล่งแก๊สแห่งนี้ ทำให้เกิดการไล่ล่ากันในทะเลหลวงเป็นเวลา 2 วัน
ตามข้อตกลงฉบับใหม่นี้ ประเทศทั้งสองยังจะร่วมกันพัฒนาแหล่งแก๊สที่อยู่ในบริเวณตอนเหนือของแหล่งชุนเสียวด้วย ทว่าสำหรับแหล่งแก๊สอีก 2 แหล่งในบริเวณใกล้ๆ กันนั้น ญี่ปุ่นกับจีนยังไม่สามารถตกลงกันได้
ตามข้อมูลจากทั้งสองประเทศ แหล่งชุนเสียวนั้นคาดหมายกันว่า มีปริมาณแก๊สสำรองอยู่เท่ากับน้ำมัน 63.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับว่าไม่มากเลย โดยในปี 2006 นั้นญี่ปุ่นฝ่ายเดียวก็ใช้แก๊สธรรมชาติถึง 97,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับน้ำมัน 610 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม เห็นกันว่าแก๊สธรรมชาติที่มีอยู่ในเขตทะเลจีนตะวันออกทั้งหมดน่าจะสูงถึง 3,260 ล้านบาร์เรล
หลังการเจรจาที่ดำเนินไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ เป็นเวลา 4 ปี ญี่ปุ่นและจีนก็ตกลงกันที่จะแบ่งปันทรัพยากรแก๊สอันคาดหมายกันว่าน่าจะมีปริมาณมหึมาทีเดียว จากพื้นที่น่านน้ำซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับหมู่เกาะที่ทั้งสองฝ่ายยังคงขัดแย้งในเรื่องกรรมสิทธิ์กันอยู่
กระนั้นก็ตาม สำหรับแหล่งแก๊สธรรมชาติแหล่งอื่นๆ ในทะเลจีนตะวันออกนั้น โตเกียวและปักกิ่งก็ยังคงมีการโต้แย้งกันต่อไป นอกจากนั้นเมื่อวานนี้ทางการจีนยังยินยอมปล่อยให้กลุ่มนักชาตินิยมแดนมังกรจำนวน 15 คน ไปประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำปักกิ่ง ซึ่งเป็นสัญญาณชี้ว่า กระทั่งข้อตกลงในขอบเขตจำกัดคราวนี้ ก็ยังเป็นสิ่งที่สร้างความขัดแย้งอย่างสูง
จากคำแถลงของทั้งสองประเทศ ประเด็นสำคัญของข้อตกลงที่ทำกันได้วานนี้ก็คือ ภาคเอกชนของญี่ปุ่นจะเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาที่จีนกำลังดำเนินการอยู่ ณ แหล่งแก๊ส “ชุนเสียว” ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นเรียกชื่อว่า “ชิระคาบะ” แต่การลงทุนจะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหนยังกำลังตกลงรายละเอียดกันอยู่
นายกรัฐมนตรี ยาสุโอะ ฟุคุดะ แห่งญี่ปุ่น ได้ออกมากล่าวยกย่องข้อตกลงคราวนี้ โดยบอกว่า “เราจะทำให้มันกลายเป็นทะเลแห่งสันติภาพและมิตรภาพ เราจะพัฒนาแหล่งแก๊สต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าวด้วยการร่วมมือประสานงานซึ่งกันและกัน”
ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น มาซาฮิโกะ โคมุระ ก็เรียกข้อตกลงฉบับนี้ว่า เป็นฝีก้าวรูปธรรมเพื่อมุ่งสู่การปรองดองกันระหว่างสองประเทศ “นี่เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเราสามารถที่จะแก้ไขปัญหาอันยากลำบากโดยผ่านการพูดจาหารือกันได้อย่างไร” โคมุระบอก
ส่วนในกรุงปักกิ่ง เจียงอี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “จีนและญี่ปุ่น โดยผ่านการหารือกันอย่างเท่าเทียมกัน ได้บรรลุฉันทามติในทางหลักการว่าด้วยประเด็นปัญหาทะเลจีนตะวันออก”
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นอยู่ในสภาพตึงเครียดมานานแล้ว สืบเนื่องจากนโยบายแบบจักรวรรดินิยมของญี่ปุ่นในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
สำหรับกรณีพิพาทเรื่องเขตแดนในทะเลจีนตะวันออกนั้น ปักกิ่งยืนยันว่าตนมีอำนาจอธิปไตยเหนือน่านน้ำที่ไปไกลจนเกือบถึงหมู่เกาะโอกินาวา ที่อยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น อีกทั้งปฏิเสธข้อเสนอครั้งก่อนๆ ของโตเกียว ที่ให้ขีดเส้นแบ่งกลางเพื่อแบ่งสรรแหล่งแก๊สแห่งนี้
จีนยังได้เริ่มขุดเจาะแหล่งแก๊สชุนเสียวตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งโหมกระพือให้ความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นยิ่งตึงเครียด โดยที่โตเกียวส่งเสียงแสดงความวิตกว่า ปักกิ่งอาจสูบเอาแก๊สส่วนที่โตเกียวเห็นว่าอยู่ในเขตแดนของตนไปด้วย
ในปี 2004 ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการเมืองที่เย็นชาลงมาก จากการที่นายกรัฐมนตรี จุนอิชิโร โคอิซูมิ ของญี่ปุ่นเวลานั้น ไม่ยอมยุติการไปสักการะศาลเจ้ายาสึคุนิ ที่ถูกประณามว่าเป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหารของแดนซามูไร ญี่ปุ่นก็กล่าวหาว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของจีนลำหนึ่งได้แอบล่วงน้ำน่านน้ำญี่ปุ่นบริเวณใกล้ๆ แหล่งแก๊สแห่งนี้ ทำให้เกิดการไล่ล่ากันในทะเลหลวงเป็นเวลา 2 วัน
ตามข้อตกลงฉบับใหม่นี้ ประเทศทั้งสองยังจะร่วมกันพัฒนาแหล่งแก๊สที่อยู่ในบริเวณตอนเหนือของแหล่งชุนเสียวด้วย ทว่าสำหรับแหล่งแก๊สอีก 2 แหล่งในบริเวณใกล้ๆ กันนั้น ญี่ปุ่นกับจีนยังไม่สามารถตกลงกันได้
ตามข้อมูลจากทั้งสองประเทศ แหล่งชุนเสียวนั้นคาดหมายกันว่า มีปริมาณแก๊สสำรองอยู่เท่ากับน้ำมัน 63.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับว่าไม่มากเลย โดยในปี 2006 นั้นญี่ปุ่นฝ่ายเดียวก็ใช้แก๊สธรรมชาติถึง 97,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับน้ำมัน 610 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม เห็นกันว่าแก๊สธรรมชาติที่มีอยู่ในเขตทะเลจีนตะวันออกทั้งหมดน่าจะสูงถึง 3,260 ล้านบาร์เรล