รอยเตอร์ – บรรดาหน่วยงานผู้คุมกฎของทางการสหรัฐฯ ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นสอบสวนหาสาเหตุของการที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในปีนี้ เนื่องจากการตั้งข้อสงสัยของหลายฝ่ายที่บอกว่าอาจจะมาจากการปั่นราคาเพื่อเก็งกำไรอย่างขนานใหญ่ของบริษัทการเงินในสหรัฐฯ
คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดค้าอนุพันธ์ฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์(ซีเอฟทีซี) ประกาศเมื่อวันอังคาร (10) ว่าคณะกรรมการพิเศษที่ตั้งขึ้นใหม่นี้จะมีตัวแทนจากหลายหน่วยงานนโยบายเข้าร่วม เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ , กระทรวงการคลัง โดยจะร่วมกันประเมินการที่ราคาพุ่งขึ้น รวมทั้งสภาพการซื้อขายของสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิด
“ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นก่อให้เกิดปัญหาอย่างใหญ่หลวงกับครอบครัวของสหรัฐฯ” ซีเอฟทีซีระบุ
หน่วยงานอื่น ๆที่ร่วมอยู่ในคณะกรรมการพิเศษนี้ก็เช่น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(เอสอีซี) รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงานและกระทรวงเกษตร
ในระหว่างการประชุมกับบรรดาผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดพลังงานวอลล์สตรีท เจ้าหน้าที่ของซีเอฟทีซีผู้หนึ่งกล่าวว่า รัฐบาลจะเข้าสอบสวนราคาน้ำมันที่พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพิ่งทำไว้เมื่อวันศุกร์(6)ที่ผ่านมา ณ 139.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
“สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องการเห็นการสอบสวนที่เข้มข้นเพื่อหาสาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อที่จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตลาดเหล่านี้ ก่อนที่จะตัดสินลงไปว่าอะไรเป็นสาเหตุหรือไม่ได้เป็นสาเหตุของการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา” บาร์ต ชิลตัน กรรมการคนหนึ่งของคณะกรรมการซีเอฟทีซี กล่าวในระหว่างการประชุมคณะที่ปรึกษาตลาดพลังงานของทางซีเอฟทีซีเอง
ชิลตันนั้นเป็นเดโมแครต และเขาพูดเรื่องนี้โดยส่อนัยว่าเป็นการตอบโต้คำพูดของรัฐมนตรีคลัง เฮนรี พอลสันที่ยืนยันว่าพวกเก็งกำไรไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันไต่ระดับสูงขึ้นตลอดเวลา
“บางทีท่านรัฐมนตรีอาจจะมีลูกแก้ววิเศษที่ทำให้เห็นทุกอย่างก็ได้ แต่ผมไม่มี แต่เท่าที่ผมได้เห็นและได้ยินจากตลาด รวมทั้งจากผู้ที่อยู่ในตลาดทั้งหลาย ทำให้ผมคิดว่าการที่รัฐมนตรีกล่าวออกมาเช่นนั้น พูดอย่างน่าฟังหน่อยก็คือเป็นการใจเร็วด่วนชี้ขาดเกินไป”
ในขณะเดียวกันจอห์น ไฮม์ลิช จากสมาคมการขนส่งทางอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาอุตสาหกรรมพลังงานก็ตั้งข้อสงสัยว่าหน่วยงานค้าตราสารที่เป็นแขนขาของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวอลล์สตรีทต่าง ๆสามารถทำกำไรได้มหาศาลจากการที่ศูนย์วิจัยของบริษัทออกมาทำนายราคาน้ำมันในอนาคตกันบ้างหรือไม่
เพราะไฮม์ลิชสังเกตุเห็นว่าในระยะหลังเมื่อมีรายงานทำนายราคาออกมาที่บอกว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอีก ก็มักจะตามมาด้วยการลงทุนในตราสารน้ำมันอย่างขนานใหญ่ ซึ่งทำให้คนของโกลด์แมนแซคส์ต้องออกมาปฏิเสธว่า หน่วยงานลงทุนของบริษัทนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศูนย์วิจัยของบริษัทแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ ซีเอฟทีซีได้ประกาศเปิดการสอบสวนในระดับประเทศขึ้นในเดือนธันวาคมเพื่อตรวจสอบว่ามีการปั่นราคาในตลาดน้ำมันจริงหรือไม่
“ซีเอฟทีซีมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ตลาดอนุพันธ์ฟิวเจอร์สของประเทศ มีการค้าอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และจะต้องทำให้ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์เป็นไปตามกลไกพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน แทนที่จะขึ้นลงตามการปั่นราคาของพวกเก็งกำไร” วอลเตอร์ ลุคเคนซึ่งเป็นประธานซีเอฟทีซีกล่าว
สำหรับหน้าที่ของคณะกรรมการพิเศษนั้น จะมุ่งตรวจสอบพฤติกรรมของนักลงทุน, ตัวแปรของความต้องการใช้และปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในตลาด รวมทั้งศึกษาบทบาทของพวกเก็งกำไร และผู้ค้าตราสารดัชนีตลาดโภคภัณฑ์
หนึ่งในคณะกรรมการพิเศษ ฌอน โคตา แห่ง โคตา แอนด์ โคตา ออยล์ แอนด์ โพรเพน ได้กล่าวเตือนว่า ในที่สุดแล้วราคาน้ำมันที่โป่งพองเป็นฟองสบู่ ก็จะต้องแตกและทรุดฮวบลงมา โดยอาจจะเกิดขึ้นอย่างไร้ระเบียบ จนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เคลื่อนไหวปั่นป่วนรุนแรง
คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดค้าอนุพันธ์ฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์(ซีเอฟทีซี) ประกาศเมื่อวันอังคาร (10) ว่าคณะกรรมการพิเศษที่ตั้งขึ้นใหม่นี้จะมีตัวแทนจากหลายหน่วยงานนโยบายเข้าร่วม เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ , กระทรวงการคลัง โดยจะร่วมกันประเมินการที่ราคาพุ่งขึ้น รวมทั้งสภาพการซื้อขายของสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิด
“ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นก่อให้เกิดปัญหาอย่างใหญ่หลวงกับครอบครัวของสหรัฐฯ” ซีเอฟทีซีระบุ
หน่วยงานอื่น ๆที่ร่วมอยู่ในคณะกรรมการพิเศษนี้ก็เช่น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(เอสอีซี) รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงานและกระทรวงเกษตร
ในระหว่างการประชุมกับบรรดาผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดพลังงานวอลล์สตรีท เจ้าหน้าที่ของซีเอฟทีซีผู้หนึ่งกล่าวว่า รัฐบาลจะเข้าสอบสวนราคาน้ำมันที่พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพิ่งทำไว้เมื่อวันศุกร์(6)ที่ผ่านมา ณ 139.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
“สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องการเห็นการสอบสวนที่เข้มข้นเพื่อหาสาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อที่จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตลาดเหล่านี้ ก่อนที่จะตัดสินลงไปว่าอะไรเป็นสาเหตุหรือไม่ได้เป็นสาเหตุของการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา” บาร์ต ชิลตัน กรรมการคนหนึ่งของคณะกรรมการซีเอฟทีซี กล่าวในระหว่างการประชุมคณะที่ปรึกษาตลาดพลังงานของทางซีเอฟทีซีเอง
ชิลตันนั้นเป็นเดโมแครต และเขาพูดเรื่องนี้โดยส่อนัยว่าเป็นการตอบโต้คำพูดของรัฐมนตรีคลัง เฮนรี พอลสันที่ยืนยันว่าพวกเก็งกำไรไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันไต่ระดับสูงขึ้นตลอดเวลา
“บางทีท่านรัฐมนตรีอาจจะมีลูกแก้ววิเศษที่ทำให้เห็นทุกอย่างก็ได้ แต่ผมไม่มี แต่เท่าที่ผมได้เห็นและได้ยินจากตลาด รวมทั้งจากผู้ที่อยู่ในตลาดทั้งหลาย ทำให้ผมคิดว่าการที่รัฐมนตรีกล่าวออกมาเช่นนั้น พูดอย่างน่าฟังหน่อยก็คือเป็นการใจเร็วด่วนชี้ขาดเกินไป”
ในขณะเดียวกันจอห์น ไฮม์ลิช จากสมาคมการขนส่งทางอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาอุตสาหกรรมพลังงานก็ตั้งข้อสงสัยว่าหน่วยงานค้าตราสารที่เป็นแขนขาของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวอลล์สตรีทต่าง ๆสามารถทำกำไรได้มหาศาลจากการที่ศูนย์วิจัยของบริษัทออกมาทำนายราคาน้ำมันในอนาคตกันบ้างหรือไม่
เพราะไฮม์ลิชสังเกตุเห็นว่าในระยะหลังเมื่อมีรายงานทำนายราคาออกมาที่บอกว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอีก ก็มักจะตามมาด้วยการลงทุนในตราสารน้ำมันอย่างขนานใหญ่ ซึ่งทำให้คนของโกลด์แมนแซคส์ต้องออกมาปฏิเสธว่า หน่วยงานลงทุนของบริษัทนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศูนย์วิจัยของบริษัทแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ ซีเอฟทีซีได้ประกาศเปิดการสอบสวนในระดับประเทศขึ้นในเดือนธันวาคมเพื่อตรวจสอบว่ามีการปั่นราคาในตลาดน้ำมันจริงหรือไม่
“ซีเอฟทีซีมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ตลาดอนุพันธ์ฟิวเจอร์สของประเทศ มีการค้าอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และจะต้องทำให้ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์เป็นไปตามกลไกพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน แทนที่จะขึ้นลงตามการปั่นราคาของพวกเก็งกำไร” วอลเตอร์ ลุคเคนซึ่งเป็นประธานซีเอฟทีซีกล่าว
สำหรับหน้าที่ของคณะกรรมการพิเศษนั้น จะมุ่งตรวจสอบพฤติกรรมของนักลงทุน, ตัวแปรของความต้องการใช้และปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในตลาด รวมทั้งศึกษาบทบาทของพวกเก็งกำไร และผู้ค้าตราสารดัชนีตลาดโภคภัณฑ์
หนึ่งในคณะกรรมการพิเศษ ฌอน โคตา แห่ง โคตา แอนด์ โคตา ออยล์ แอนด์ โพรเพน ได้กล่าวเตือนว่า ในที่สุดแล้วราคาน้ำมันที่โป่งพองเป็นฟองสบู่ ก็จะต้องแตกและทรุดฮวบลงมา โดยอาจจะเกิดขึ้นอย่างไร้ระเบียบ จนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เคลื่อนไหวปั่นป่วนรุนแรง