ผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเผยสถานการณ์ธุรกิจบัตรเครดิตในเดือน เม.ย.ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยรวมลดลงจากเดือนก่อน 6,527 ล้านบาท ทั้งการใช้จ่ายในประเทศและการเบิกเงินสดล่วงหน้า แต่ยอดการใช้จ่ายในต่างประเทศกลับพุ่งสวนกระแส เหตุเป็นช่วงเทศกาลส่งผลให้ผู้ถือบัตรหันไปจับจ่ายใช้สอยในต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างยังเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า สายนโยบายสถาบันการเงินได้ประกาศบัตรเครดิตของสถาบันการเงินในระบบล่าสุด ณ สิ้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า มีปริมาณการใช้จ่ายโดยรวม 73,619.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 5,270.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.71% แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนกลับลดลง 6,527.71 ล้านบาท หรือลดลง 8.14%
โดยแบ่งเป็นปริมาณการใช้จ่ายในประเทศจำนวน 53,015.71 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 4,827.23 ล้านบาท คิดเป็น 10.02% และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ากลับลดลง 5,625.07 ล้านบาท ลดลง 9.59% ซึ่งของสถาบันการเงินทุกประเภทมียอดใช้จ่ายในประเทศลดลง
โดยธนาคารพาณิชย์ไทยลดลงมากที่สุด 3,446.18 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดใช้จ่ายในประเทศ 26,798.20 ล้านบาท รองลงมาเป็นบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์)ลดลง 1,640.44 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอด 17,855.90 ล้านบาท และสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศลดลง 538.44 ล้านบาท จากที่มี 8,361.61 ล้านบาท
เช่นเดียวกับการเบิกเงินสดล่วงหน้า 16,695.71 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน 273.8 ล้านบาท หรือลดลง 1.61% และเทียบกับเดือนก่อนลดลง 1,893.44 ล้านบาท หรือลดลง 10.19% ซึ่งสถาบันการเงินทุกประเภทมียอดธุรกรรมลดลง โดยธนาคารพาณิชย์ไทยลดลง 1,689.97 ล้านบาท นอนแบงก์ 155.59 ล้านบาท และสาขาธนาคารต่างชาติลดลง 47.90 ล้านบาท
ส่วนปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศที่มีอยู่ 3,908.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 717.44 ล้านบาท คิดเป็น 22.48% และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้น 990.80 ล้านบาท คิดเป็น 33.96% ซึ่งในเดือนนี้ปริมาณการใช้จ่ายประเภทนี้มียอดเพิ่มขึ้นแทบทุกประเภทสถาบันการเงิน โดยธนาคารพาณิชย์ไทยเพิ่มขึ้น 409.61 ล้านบาท นอนแบงก์ 373.05 ล้านบาท และสาขาธนาคารต่างชาติเพิ่มขึ้น 208 ล้านบาท
ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างในเดือน เม.ย.มีทั้งสิ้น 176,300.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 6,554.51 ล้านบาท คิดเป็น 3.86% และเมื่อเทียบเดือนก่อนเพิ่มขึ้น 1,535.47 ล้านบาท คิดเป็น 0.88% โดยธนาคารพาณิชย์ไทยมียอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้น 1,117.58 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดคงค้าง 60,908.67 ล้านบาท นอนแบงก์ลดลง 440.61 ล้านบาท จากยอดคงค้างที่มีอยู่ 80,797.33 ล้านบาท แต่มีเพียงสาขาธนาคารต่างชาติเท่านั้นที่มียอดคงค้างลดลง 22.72 ล้านบาท จากยอดที่มีอยู่ 34,594.87 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในระบบสถาบันการเงินมีปริมาณบัตรเครดิตทั้งสิ้น 12,106,467 บัตร เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 979,808 บัตร และเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 42,164 บัตร แบ่งเป็นบัตรที่มาจากธนาคารพาณิชย์ 4,591,767 ใบ นอนแบงก์ 6,196,456 บัตร และสาขาธนาคารต่างชาติ 1,318,234 บัตร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดือนเม.ย.ที่มีปริมาณการใช้จ่ายในประเทศและการเบิกเงินสดล่วงหน้าต่างลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ถือบัตรเครดิตมีความระมัดระวังมากขึ้น แต่ในส่วนของปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศกลับสวนกระแสมียอดเพิ่มขึ้นผลจากค่าเงินบาทแข็ง
ประกอบกับในเดือน เม.ย.เป็นช่วยเทศกาล ทำให้คนไทยหันไปในท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งต่างกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ผู้ถือบัตรมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากสะท้อนผ่านปริมาณการใช้จ่ายในประเทศและปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น แม้การเบิกจ่ายเงินสดล่วงหน้าส่วนใหญ่กลับลดลง.
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า สายนโยบายสถาบันการเงินได้ประกาศบัตรเครดิตของสถาบันการเงินในระบบล่าสุด ณ สิ้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า มีปริมาณการใช้จ่ายโดยรวม 73,619.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 5,270.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.71% แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนกลับลดลง 6,527.71 ล้านบาท หรือลดลง 8.14%
โดยแบ่งเป็นปริมาณการใช้จ่ายในประเทศจำนวน 53,015.71 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 4,827.23 ล้านบาท คิดเป็น 10.02% และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ากลับลดลง 5,625.07 ล้านบาท ลดลง 9.59% ซึ่งของสถาบันการเงินทุกประเภทมียอดใช้จ่ายในประเทศลดลง
โดยธนาคารพาณิชย์ไทยลดลงมากที่สุด 3,446.18 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดใช้จ่ายในประเทศ 26,798.20 ล้านบาท รองลงมาเป็นบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์)ลดลง 1,640.44 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอด 17,855.90 ล้านบาท และสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศลดลง 538.44 ล้านบาท จากที่มี 8,361.61 ล้านบาท
เช่นเดียวกับการเบิกเงินสดล่วงหน้า 16,695.71 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน 273.8 ล้านบาท หรือลดลง 1.61% และเทียบกับเดือนก่อนลดลง 1,893.44 ล้านบาท หรือลดลง 10.19% ซึ่งสถาบันการเงินทุกประเภทมียอดธุรกรรมลดลง โดยธนาคารพาณิชย์ไทยลดลง 1,689.97 ล้านบาท นอนแบงก์ 155.59 ล้านบาท และสาขาธนาคารต่างชาติลดลง 47.90 ล้านบาท
ส่วนปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศที่มีอยู่ 3,908.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 717.44 ล้านบาท คิดเป็น 22.48% และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้น 990.80 ล้านบาท คิดเป็น 33.96% ซึ่งในเดือนนี้ปริมาณการใช้จ่ายประเภทนี้มียอดเพิ่มขึ้นแทบทุกประเภทสถาบันการเงิน โดยธนาคารพาณิชย์ไทยเพิ่มขึ้น 409.61 ล้านบาท นอนแบงก์ 373.05 ล้านบาท และสาขาธนาคารต่างชาติเพิ่มขึ้น 208 ล้านบาท
ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างในเดือน เม.ย.มีทั้งสิ้น 176,300.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 6,554.51 ล้านบาท คิดเป็น 3.86% และเมื่อเทียบเดือนก่อนเพิ่มขึ้น 1,535.47 ล้านบาท คิดเป็น 0.88% โดยธนาคารพาณิชย์ไทยมียอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้น 1,117.58 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดคงค้าง 60,908.67 ล้านบาท นอนแบงก์ลดลง 440.61 ล้านบาท จากยอดคงค้างที่มีอยู่ 80,797.33 ล้านบาท แต่มีเพียงสาขาธนาคารต่างชาติเท่านั้นที่มียอดคงค้างลดลง 22.72 ล้านบาท จากยอดที่มีอยู่ 34,594.87 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในระบบสถาบันการเงินมีปริมาณบัตรเครดิตทั้งสิ้น 12,106,467 บัตร เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 979,808 บัตร และเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 42,164 บัตร แบ่งเป็นบัตรที่มาจากธนาคารพาณิชย์ 4,591,767 ใบ นอนแบงก์ 6,196,456 บัตร และสาขาธนาคารต่างชาติ 1,318,234 บัตร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดือนเม.ย.ที่มีปริมาณการใช้จ่ายในประเทศและการเบิกเงินสดล่วงหน้าต่างลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ถือบัตรเครดิตมีความระมัดระวังมากขึ้น แต่ในส่วนของปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศกลับสวนกระแสมียอดเพิ่มขึ้นผลจากค่าเงินบาทแข็ง
ประกอบกับในเดือน เม.ย.เป็นช่วยเทศกาล ทำให้คนไทยหันไปในท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งต่างกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ผู้ถือบัตรมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากสะท้อนผ่านปริมาณการใช้จ่ายในประเทศและปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น แม้การเบิกจ่ายเงินสดล่วงหน้าส่วนใหญ่กลับลดลง.
