รอยเตอร์ - นอกจากแนวนโยบายการต่างประเทศโดยองค์รวม สหรัฐฯเวลานี้ยังมี "พื้นที่ตึงเครียด" ระหว่างประเทศ อยู่หลายจุดที่จะต้องรับมือแก้ไข อาทิ อิรัก, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน จอห์น แมคเคน ว่าที่ผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน และ บารัค โอบามา ว่าที่ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต ได้พูดถึงเรื่องเหล่านี้เอาไว้พอสรุปได้ดังนี้
**อิรัก**
แมคเคนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสงครามอิรักอย่างแข็งขันกล่าวว่า สหรัฐฯ ควรรักษากองกำลังรักษาสันติภาพในอิรักไว้โดยไม่มีกำหนด เช่นเดียวกับที่มีกำลังทหารประจำการอยู่ในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น แมคเคนเห็นว่าการคงทหารสหรัฐฯ ได้ช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพในอิรัก และเขายังวิจารณ์การที่เดโมแครตให้คำมั่นว่าจะถอนทหารโดยเร็วว่าเป็นความคิดที่ "ไม่ได้มีการไตร่ตรองให้ดี"
ส่วนโอบามานั้นคัดค้านสงครามอิรักตั้งแต่ก่อนได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิก และบอกว่าเขาจะถอนทหารสหรัฐฯ กลับภายใน 16 เดือนนับจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม 2009 และเขายังบอกด้วยว่าการคัดค้านสงครามแสดงให้เห็นว่าเขาเหมาะที่สุดที่จะเข้ามาหยุดยั้งแนวทางของรีพับลิกัน โดนจะเป็น "การหยุดอย่างสะอาดหมดจด"
**อิหร่าน**
แมคเคนกล่าวหาอิหร่านว่าจัดการฝึกพวกผู้ก่อการร้ายให้เข้าโจมตีกำลังทหารของสหรัฐฯ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนกลุ่มฮิซโบลเลาะห์ด้วย แมคเคนกล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่อาจยอมรับการที่อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง และเขาสนับสนุนให้มีมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและการค้าต่ออิหร่านให้หนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม เขายังสนับสนุนให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารหากอิหร่านเข้าคุกคามอิสราเอลจริง
ด้านโอบามาบอกว่าเขายินดีพบปะกับมาหมุด อาหมัดดิเนจัด ประธานาธิบดีของอิหร่าน อีกทั้งยังได้เคยวิจารณ์ฮิลลารี คลินตัน ที่หาเสียงในช่วงการหยั่งเสียงเลือกตั้งขั้นต้นว่าสหรัฐฯ จะ "ลบล้าง" อิหร่าน โอบามาเห็นว่าการทำให้อิหร่านปลอดอาวุธนิวเคลียร์ถือเป็นนโยบายในลำดับต้นๆ อย่างหนึ่งของเขาเมื่อเข้าสู่ทำเนียบขาว รวมทั้งเขาก็จะตอบโต้ "โดยการใช้กำลังและด้วยความรวดเร็วทันควัน" หากอิหร่านเข้าโจมตีอิสราเอลหรือพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐฯ
**ประเด็นอิสราเอล-ปาเลสไตน์**
แมคเคนซึ่งเปิดเผยจุดยืนส่วนตัวว่าเขา "นิยมอิสราเอลอย่างเต็มที่" ได้บอกกับประธานาธิบดีมาหมุด อับบาส ของปาเลสไตน์ ว่าเขามีพันธะผูกพันที่จะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น และยังพูดเป็นนัยด้วยว่าเขาจะใช้แนวทางที่สืบต่อจากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ในเรื่องการสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
โอบามาพูดถึงมิตรภาพระหว่างสหรัฐฯ กับอิสราเอลว่าจะ "ไม่มีวันเสื่อมสลาย" และสัญญาว่าจะรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้แก่อิสราเอล เขาบอกว่าจะผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุการมี 2 รัฐคู่กัน คือ อิสราเอล และปาเลสไตน์ นอกจากนั้น เขาเห็นว่าการใช้แนวทางด้านการทูตจะทำให้ประนีประนอมกับซีเรียได้ ซึ่งจะช่วยให้เกิดเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าวและเป็นการรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้กับอิสราเอลได้ยิ่งขึ้น
**ปากีสถาน/อัฟกานิสถาน**
แมคเคนกล่าวว่าชัยชนะในอัฟกานิสถานมีความสำคัญต่อการหยุดยั้งกลุ่มอัลกออิดะห์ และในท้ายที่สุดแล้ว สหรัฐฯ จะต้องร่วมมือกับรัฐบาลปากีสถานเพื่อจัดการอย่างเด็ดขาดกับค่ายฝึกกองกำลังของพวกกลุ่มหัวรุนแรงในปากีสถาน แมคเคนยังบอกด้วยว่าเขาต้องการจะเห็นนาโตร่วมมือกับอัฟกานิสถานให้มากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนโอบามาบอกเขายินดีที่จะโจมตีกลุ่มอัลกอิดะห์ภายในปากีสถานแม้ว่าจะไม่ได้รับความยินยอมจากชาวปากีสถานก็ตาม เขาบอกปากีสถานควรจะปิดค่ายฝึกกองกำลังอัลกออิดะห์ และขับไล่กลุ่มตอลิบานออกไปถ้าหากยังต้องการได้รับความช่วยเหลือด้านการทหารจากสหรัฐฯ โอบามานั้นพูดอยู่เสมอว่าสงครามอิรักทำให้อัฟกานิสถานถูกลดความสนใจลงไป และมีสิ่งที่ต้องดำเนินการอีกมากในอัฟกานิสถาน โอบามายังบอกให้ประเทศยุโรปเพิ่มความพยายามให้มากขึ้นในเรื่องนี้ โดยไม่ใช่ปล่อยให้สหรัฐฯ และอังกฤษคอยรับผิดชอบ "งานสกปรก" ในการสู้รบกับตอลิบาน
**อิรัก**
แมคเคนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสงครามอิรักอย่างแข็งขันกล่าวว่า สหรัฐฯ ควรรักษากองกำลังรักษาสันติภาพในอิรักไว้โดยไม่มีกำหนด เช่นเดียวกับที่มีกำลังทหารประจำการอยู่ในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น แมคเคนเห็นว่าการคงทหารสหรัฐฯ ได้ช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพในอิรัก และเขายังวิจารณ์การที่เดโมแครตให้คำมั่นว่าจะถอนทหารโดยเร็วว่าเป็นความคิดที่ "ไม่ได้มีการไตร่ตรองให้ดี"
ส่วนโอบามานั้นคัดค้านสงครามอิรักตั้งแต่ก่อนได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิก และบอกว่าเขาจะถอนทหารสหรัฐฯ กลับภายใน 16 เดือนนับจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม 2009 และเขายังบอกด้วยว่าการคัดค้านสงครามแสดงให้เห็นว่าเขาเหมาะที่สุดที่จะเข้ามาหยุดยั้งแนวทางของรีพับลิกัน โดนจะเป็น "การหยุดอย่างสะอาดหมดจด"
**อิหร่าน**
แมคเคนกล่าวหาอิหร่านว่าจัดการฝึกพวกผู้ก่อการร้ายให้เข้าโจมตีกำลังทหารของสหรัฐฯ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนกลุ่มฮิซโบลเลาะห์ด้วย แมคเคนกล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่อาจยอมรับการที่อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง และเขาสนับสนุนให้มีมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและการค้าต่ออิหร่านให้หนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม เขายังสนับสนุนให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารหากอิหร่านเข้าคุกคามอิสราเอลจริง
ด้านโอบามาบอกว่าเขายินดีพบปะกับมาหมุด อาหมัดดิเนจัด ประธานาธิบดีของอิหร่าน อีกทั้งยังได้เคยวิจารณ์ฮิลลารี คลินตัน ที่หาเสียงในช่วงการหยั่งเสียงเลือกตั้งขั้นต้นว่าสหรัฐฯ จะ "ลบล้าง" อิหร่าน โอบามาเห็นว่าการทำให้อิหร่านปลอดอาวุธนิวเคลียร์ถือเป็นนโยบายในลำดับต้นๆ อย่างหนึ่งของเขาเมื่อเข้าสู่ทำเนียบขาว รวมทั้งเขาก็จะตอบโต้ "โดยการใช้กำลังและด้วยความรวดเร็วทันควัน" หากอิหร่านเข้าโจมตีอิสราเอลหรือพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐฯ
**ประเด็นอิสราเอล-ปาเลสไตน์**
แมคเคนซึ่งเปิดเผยจุดยืนส่วนตัวว่าเขา "นิยมอิสราเอลอย่างเต็มที่" ได้บอกกับประธานาธิบดีมาหมุด อับบาส ของปาเลสไตน์ ว่าเขามีพันธะผูกพันที่จะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น และยังพูดเป็นนัยด้วยว่าเขาจะใช้แนวทางที่สืบต่อจากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ในเรื่องการสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
โอบามาพูดถึงมิตรภาพระหว่างสหรัฐฯ กับอิสราเอลว่าจะ "ไม่มีวันเสื่อมสลาย" และสัญญาว่าจะรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้แก่อิสราเอล เขาบอกว่าจะผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุการมี 2 รัฐคู่กัน คือ อิสราเอล และปาเลสไตน์ นอกจากนั้น เขาเห็นว่าการใช้แนวทางด้านการทูตจะทำให้ประนีประนอมกับซีเรียได้ ซึ่งจะช่วยให้เกิดเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าวและเป็นการรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้กับอิสราเอลได้ยิ่งขึ้น
**ปากีสถาน/อัฟกานิสถาน**
แมคเคนกล่าวว่าชัยชนะในอัฟกานิสถานมีความสำคัญต่อการหยุดยั้งกลุ่มอัลกออิดะห์ และในท้ายที่สุดแล้ว สหรัฐฯ จะต้องร่วมมือกับรัฐบาลปากีสถานเพื่อจัดการอย่างเด็ดขาดกับค่ายฝึกกองกำลังของพวกกลุ่มหัวรุนแรงในปากีสถาน แมคเคนยังบอกด้วยว่าเขาต้องการจะเห็นนาโตร่วมมือกับอัฟกานิสถานให้มากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนโอบามาบอกเขายินดีที่จะโจมตีกลุ่มอัลกอิดะห์ภายในปากีสถานแม้ว่าจะไม่ได้รับความยินยอมจากชาวปากีสถานก็ตาม เขาบอกปากีสถานควรจะปิดค่ายฝึกกองกำลังอัลกออิดะห์ และขับไล่กลุ่มตอลิบานออกไปถ้าหากยังต้องการได้รับความช่วยเหลือด้านการทหารจากสหรัฐฯ โอบามานั้นพูดอยู่เสมอว่าสงครามอิรักทำให้อัฟกานิสถานถูกลดความสนใจลงไป และมีสิ่งที่ต้องดำเนินการอีกมากในอัฟกานิสถาน โอบามายังบอกให้ประเทศยุโรปเพิ่มความพยายามให้มากขึ้นในเรื่องนี้ โดยไม่ใช่ปล่อยให้สหรัฐฯ และอังกฤษคอยรับผิดชอบ "งานสกปรก" ในการสู้รบกับตอลิบาน