ผู้จัดการรายวัน - เครือสหวิริยาลุ้นโครงการโรงถลุงเหล็กผ่านอีไอเอก่อนยื่นขอรับส่งเสริมจากบีโอไออีกครั้ง เผยจีบจีนปล่อยเงินกู้หลังมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันและวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ระบุแนวโน้มราคาเหล็กในครึ่งปีหลังขยับอีก 5-10%หลังแร่เหล็กและค่าระวางเรือวิ่งไม่หยุด
นายวิน วิริยะประไพกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการโรงถลุงเหล็กและเหล็กกล้าครบวงจรเครือสหวิริยาว่า ขณะนี้บริษัทฯได้ทำหนังสือชี้แจงเพิ่มเติมในรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)แล้ว เมื่อโครงการดังกล่าวผ่านอีไอเอแล้ว ก็จะยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไออีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ใบอนุญาตให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยาได้หมดอายุลงไป ซึ่งบริษัทฯยังมีความมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวน่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี2552
ทั้งนี้ เครือสหวิริยามีเป้าหมายตั้งโรงงานถลุงเหล็กและเหล็กกล้าครบวงจรรวม 30 ล้านตัน แบ่งการพัฒนาเป็น 5 ระยะ รวม 15ปี โดยเฟสแรกจะผลิต 5 ล้านตันที่อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้เงินลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแหล่งเงินทุนในโครงการดังกล่าว บริษัทฯได้มีการเจรจากับจีนในฐานะผู้ผลิตเครื่องจักร คาดว่าจะจัดหาแหล่งเงินกู้มาจากสถาบันการเงินจีน โดยยอมรับว่าความล่าช้าของโครงการทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นจากต้นทุนน้ำมันและวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น แต่เงินบาทแข็งค่าช่วยชดเชยต้นทุนโครงการที่เพิ่มขึ้นได้
นายวิน กล่าวถึงกรณีที่ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลก 4 รายสนใจที่จะเข้ามาลงทุนโครงการผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในไทยว่า ไทยเป็นประเทศที่มีการบริโภคเหล็กมาก ซึ่งแต่ละปีมีการนำเข้าเหล็กสูง 4 แสนตัน ซึ่งเครือสหวิริยาสตีลยังมีความตั้งใจที่จะลงทุนเองโดยไม่ต้องหาพันธมิตรร่วมทุน โดยพื้นที่เหมาะสมในการสร้างโรงถลุงเหล็กนั้นจำเป็นต้องอยู่ติดทะเลน้ำลึก จากผลการศึกษาพบว่ามีเพียง 2 พื้นที่ที่เหมาะสม คือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ.ประทิว จ.ชุมพร
แนวโน้มราคาเหล็กในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอีกเล็กน้อยประมาณ 5-10% หลังจากราคาแร่เหล็กปรับเพิ่มขึ้น 65%ตั้งแต่เม.ย.นี้ เหล็กดิบและเศษเหล็กก็ขยับขึ้นมาเช่นกันนับตั้งแต่ต้นปีนี้ถึง 70%มาอยู่ที่ 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ปัจจุบันราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนวิ่งมาทะลุ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน และเหล็กเส้น 1,100 เหรียญสหรัฐ/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 50%นั้บตั้งแต่ต้นปีนี้
นายวิน วิริยะประไพกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการโรงถลุงเหล็กและเหล็กกล้าครบวงจรเครือสหวิริยาว่า ขณะนี้บริษัทฯได้ทำหนังสือชี้แจงเพิ่มเติมในรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)แล้ว เมื่อโครงการดังกล่าวผ่านอีไอเอแล้ว ก็จะยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไออีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ใบอนุญาตให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยาได้หมดอายุลงไป ซึ่งบริษัทฯยังมีความมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวน่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี2552
ทั้งนี้ เครือสหวิริยามีเป้าหมายตั้งโรงงานถลุงเหล็กและเหล็กกล้าครบวงจรรวม 30 ล้านตัน แบ่งการพัฒนาเป็น 5 ระยะ รวม 15ปี โดยเฟสแรกจะผลิต 5 ล้านตันที่อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้เงินลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแหล่งเงินทุนในโครงการดังกล่าว บริษัทฯได้มีการเจรจากับจีนในฐานะผู้ผลิตเครื่องจักร คาดว่าจะจัดหาแหล่งเงินกู้มาจากสถาบันการเงินจีน โดยยอมรับว่าความล่าช้าของโครงการทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นจากต้นทุนน้ำมันและวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น แต่เงินบาทแข็งค่าช่วยชดเชยต้นทุนโครงการที่เพิ่มขึ้นได้
นายวิน กล่าวถึงกรณีที่ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลก 4 รายสนใจที่จะเข้ามาลงทุนโครงการผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในไทยว่า ไทยเป็นประเทศที่มีการบริโภคเหล็กมาก ซึ่งแต่ละปีมีการนำเข้าเหล็กสูง 4 แสนตัน ซึ่งเครือสหวิริยาสตีลยังมีความตั้งใจที่จะลงทุนเองโดยไม่ต้องหาพันธมิตรร่วมทุน โดยพื้นที่เหมาะสมในการสร้างโรงถลุงเหล็กนั้นจำเป็นต้องอยู่ติดทะเลน้ำลึก จากผลการศึกษาพบว่ามีเพียง 2 พื้นที่ที่เหมาะสม คือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ.ประทิว จ.ชุมพร
แนวโน้มราคาเหล็กในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอีกเล็กน้อยประมาณ 5-10% หลังจากราคาแร่เหล็กปรับเพิ่มขึ้น 65%ตั้งแต่เม.ย.นี้ เหล็กดิบและเศษเหล็กก็ขยับขึ้นมาเช่นกันนับตั้งแต่ต้นปีนี้ถึง 70%มาอยู่ที่ 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ปัจจุบันราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนวิ่งมาทะลุ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน และเหล็กเส้น 1,100 เหรียญสหรัฐ/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 50%นั้บตั้งแต่ต้นปีนี้
