อัยการที่รับผิดชอบคดีสังหารพนักงานเครือสหวิริยา ยันทำคดีโปร่งใส เป็นกลาง เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ไม่แคร์และไม่หวั่นกับแรงกดดัน พร้อมเดินหน้าลุยทำงานให้ดีและเร็วที่สุด เพราะเป็นคดีสำคัญ ย้ำรายงานผู้บังคับบัญชาทราบความคืบหน้าของคดีตลอด
วันนี้ (27 พ.ค.) ร.อ.สุนทร นวลย่อง อัยการจังหวัดผู้ช่วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะรับผิดชอบคดีนายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.แม่รำพึง ซึ่งถูกกล่าวหายิงนายรักศักดิ์ คงตระกูล พนักงานเครือสหวิริยา เสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์ปะทะคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กเมื่อวันที่ 24 ม.ค.51 กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวได้ในขณะนี้ พร้อมทั้งกล่าวปฏิเสธที่จะให้ความชัดเจนต่อกระแสข่าวที่ได้สั่งให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากเชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่น่าจะมีนายบำรุงคนเดียวด้วย เนื่องจากการจะพูดอะไรต้องรอบคอบ แน่นในข้อมูลหลักฐาน และคงเปิดเผยในเรื่องใดๆได้ได้ เพราะเกรงจะเสียรูปคดี แต่ยืนยันว่าได้พิจารณาตามขั้นตอนคือ ถ้าเห็นว่าต้องสอบเพิ่มก็ต้องให้ตำรวจสอบเพิ่มเติม แต่หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้อง ซึ่งถ้ามีมูลก็สั่งฟ้องไม่มีมูลก็ไม่สั่งฟ้อง โดยตนดำเนินการให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคดีสำคัญที่ต้องรายงานทั้งผู้ใหญ่ในระดับจังหวัดและส่วนกลางทราบอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ร.อ.สุนทร กล่าวถึงกรณีชาวบ้านกลุ่มคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กออกมาเคลื่อนไหวในคดีดังกล่าวโดยระบุเป็นการจับแพะว่า ตนทำงานยึดหลักความเป็นกลาง ไม่สนใจใครจะเป็นเสื้อเขียวหรือเสื้อแดง ไม่สนใจว่าใครจะมากดดันใคร และคดีนี้เมื่อผ่านตนก็ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาของอัยการผู้กลั่นกรองอีก เรื่องนี้มีหลายฝ่ายช่วยกันดูแลให้เกิดความเป็นธรรม
ขณะที่ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้กำกับ สภ.อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือติดต่อจากอัยการในการให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งหลังจากสรุปสำนวนพร้อมพยานหลักฐานและพยานบุคคล ส่งฟ้องอัยการไปแล้วยังไม่มีการติดต่อในเรื่องคดีนี้แต่อย่างใด
วันนี้ (27 พ.ค.) ร.อ.สุนทร นวลย่อง อัยการจังหวัดผู้ช่วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะรับผิดชอบคดีนายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.แม่รำพึง ซึ่งถูกกล่าวหายิงนายรักศักดิ์ คงตระกูล พนักงานเครือสหวิริยา เสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์ปะทะคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กเมื่อวันที่ 24 ม.ค.51 กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวได้ในขณะนี้ พร้อมทั้งกล่าวปฏิเสธที่จะให้ความชัดเจนต่อกระแสข่าวที่ได้สั่งให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากเชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่น่าจะมีนายบำรุงคนเดียวด้วย เนื่องจากการจะพูดอะไรต้องรอบคอบ แน่นในข้อมูลหลักฐาน และคงเปิดเผยในเรื่องใดๆได้ได้ เพราะเกรงจะเสียรูปคดี แต่ยืนยันว่าได้พิจารณาตามขั้นตอนคือ ถ้าเห็นว่าต้องสอบเพิ่มก็ต้องให้ตำรวจสอบเพิ่มเติม แต่หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้อง ซึ่งถ้ามีมูลก็สั่งฟ้องไม่มีมูลก็ไม่สั่งฟ้อง โดยตนดำเนินการให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคดีสำคัญที่ต้องรายงานทั้งผู้ใหญ่ในระดับจังหวัดและส่วนกลางทราบอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ร.อ.สุนทร กล่าวถึงกรณีชาวบ้านกลุ่มคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กออกมาเคลื่อนไหวในคดีดังกล่าวโดยระบุเป็นการจับแพะว่า ตนทำงานยึดหลักความเป็นกลาง ไม่สนใจใครจะเป็นเสื้อเขียวหรือเสื้อแดง ไม่สนใจว่าใครจะมากดดันใคร และคดีนี้เมื่อผ่านตนก็ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาของอัยการผู้กลั่นกรองอีก เรื่องนี้มีหลายฝ่ายช่วยกันดูแลให้เกิดความเป็นธรรม
ขณะที่ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้กำกับ สภ.อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือติดต่อจากอัยการในการให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งหลังจากสรุปสำนวนพร้อมพยานหลักฐานและพยานบุคคล ส่งฟ้องอัยการไปแล้วยังไม่มีการติดต่อในเรื่องคดีนี้แต่อย่างใด