ผู้จัดการรายวัน-อาหารสัตว์ ขอเคลียร์ “มิ่งขวัญ” วันนี้ ไฟเขียวเปิดทางขึ้นราคาอาหารสัตว์ 20% เหตุต้นทุนพุ่งไม่หยุด
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (9 มิ.ย.) ตัวแทนจากสมาคมฯ จะเข้าพบนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เพื่อขอให้พิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารสัตว์อย่างต่ำ 10-20% ตามที่บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้ยื่นหนังสือขอปรับราคากับกรมการค้าภายในเมื่อช่วงต้นปี 2551 เพราะขณะนี้ต้นทุนวัตถุดิบยังคงทรงตัวสูง จนทำให้ผู้ประกอบการต้องร้องขอปรับขึ้นราคาอีกครั้ง
“เอกชนไม่เข้าใจนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ว่า ทำไมสินค้าอื่นปรับขึ้นราคาได้หมด ยกเว้นอาหารสัตว์ที่ยังไม่ยอมให้ขึ้นราคา แถมยังคุมราคาเนื้อสัตว์ปลายทางอีก เท่ากับกลุ่มอาหารสัตว์ถูกบีบสองชั้น ทางออกที่ดีสุด รัฐบาลควรปล่อยเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะขณะนี้ต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้นมาก ทั้งเมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง และข้าวโพด” นายพรศิลป์กล่าว
นายพรศิลป์ กล่าวว่า สมาคมฯจะเสนอ รมว. พาณิชย์ ให้ปรับลดภาษีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ตามที่ได้เคยหารือกับกรมการค้าภายในก่อนหน้านี้ ที่เคยเห็นว่าจะต้องปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 4% เพื่อช่วยเหลือต้นทุนผู้ผลิตอาหารสัตว์ แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการให้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ หลังจากถูกรัฐบาลสั่งตรึงราคา ทำให้โรงงานอาหารสัตว์รายย่อยหยุดการผลิตไปแล้ว เนื่องจากโรงงานกลุ่มนั้นมีต้นทุนการผลิตสูง จึงต้องตั้งราคาขายสูงกว่ารายใหญ่ที่ถูกรัฐบาลตรึงราคาขายปลีก จึงเกิดความแตกต่างของราคาระหว่างรายเล็กกับรายใหญ่ และสุดท้ายรายเล็กแข่งขันไม่ได้ จำเป็นต้องหยุดการผลิตไปในที่สุด
นายพรศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ราคาสินค้ากุ้งตกต่ำช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบกับปริมาณความต้องการอาหารสัตว์น้ำ (กุ้ง) แล้ว สาเหตุที่ราคากุ้งตกต่ำ เป็นเพราะเอกชนไทยพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักกว่า 50% มากเกินไป เมื่อตลาดสหรัฐฯ ประสบปัญหามาตรการทางการค้า ทั้งเรื่องภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด และการวางพันธบัตรค้ำประกัน (ซี-บอนด์) ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกกุ้งไปสหรัฐลดลง นำไปสู่ปัญหาราคากุ้งตกต่ำ
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (9 มิ.ย.) ตัวแทนจากสมาคมฯ จะเข้าพบนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เพื่อขอให้พิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารสัตว์อย่างต่ำ 10-20% ตามที่บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้ยื่นหนังสือขอปรับราคากับกรมการค้าภายในเมื่อช่วงต้นปี 2551 เพราะขณะนี้ต้นทุนวัตถุดิบยังคงทรงตัวสูง จนทำให้ผู้ประกอบการต้องร้องขอปรับขึ้นราคาอีกครั้ง
“เอกชนไม่เข้าใจนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ว่า ทำไมสินค้าอื่นปรับขึ้นราคาได้หมด ยกเว้นอาหารสัตว์ที่ยังไม่ยอมให้ขึ้นราคา แถมยังคุมราคาเนื้อสัตว์ปลายทางอีก เท่ากับกลุ่มอาหารสัตว์ถูกบีบสองชั้น ทางออกที่ดีสุด รัฐบาลควรปล่อยเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะขณะนี้ต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้นมาก ทั้งเมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง และข้าวโพด” นายพรศิลป์กล่าว
นายพรศิลป์ กล่าวว่า สมาคมฯจะเสนอ รมว. พาณิชย์ ให้ปรับลดภาษีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ตามที่ได้เคยหารือกับกรมการค้าภายในก่อนหน้านี้ ที่เคยเห็นว่าจะต้องปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 4% เพื่อช่วยเหลือต้นทุนผู้ผลิตอาหารสัตว์ แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการให้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ หลังจากถูกรัฐบาลสั่งตรึงราคา ทำให้โรงงานอาหารสัตว์รายย่อยหยุดการผลิตไปแล้ว เนื่องจากโรงงานกลุ่มนั้นมีต้นทุนการผลิตสูง จึงต้องตั้งราคาขายสูงกว่ารายใหญ่ที่ถูกรัฐบาลตรึงราคาขายปลีก จึงเกิดความแตกต่างของราคาระหว่างรายเล็กกับรายใหญ่ และสุดท้ายรายเล็กแข่งขันไม่ได้ จำเป็นต้องหยุดการผลิตไปในที่สุด
นายพรศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ราคาสินค้ากุ้งตกต่ำช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบกับปริมาณความต้องการอาหารสัตว์น้ำ (กุ้ง) แล้ว สาเหตุที่ราคากุ้งตกต่ำ เป็นเพราะเอกชนไทยพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักกว่า 50% มากเกินไป เมื่อตลาดสหรัฐฯ ประสบปัญหามาตรการทางการค้า ทั้งเรื่องภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด และการวางพันธบัตรค้ำประกัน (ซี-บอนด์) ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกกุ้งไปสหรัฐลดลง นำไปสู่ปัญหาราคากุ้งตกต่ำ
