xs
xsm
sm
md
lg

รมว.ยิวขู่โจมตีอิหร่านถูกอัดที่"ปากพล่อย"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอิสราเอลและผู้เชี่ยวชาญการเมืองออกโรงเมื่อวานนี้ (8) ตำหนิ ชาอูล โมฟาซ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคมนาคมอิสราเอล ว่าหาประโยชน์จากความตื่นกลัวสงครามเพื่อสนองความทะเยอทะยานทางการเมืองของตน หลังจากที่โมฟาซได้ออกมาขู่ว่าจะโจมตีอิหร่านเมื่อวันศุกร์(6) จนทำให้ราคาน้ำมันทะยานทะลุ 139 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โมฟาซ ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกและเป็นคู่แข่งคนสำคัญของนายกรัฐมนตรีเอฮุด โอลเมิร์ตในพรรคคาดิมะ ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ว่า การโจมตีอิหร่านนั้นดูเหมือนจะ "หลีกเลี่ยงไม่ได้" หากยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการยับยั้งโครงการด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน
คำพูดดังกล่าวกระตุ้นให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นถึงเกือบ 9 เปอร์เซ็นต์ทำสถิติสูงสุด 139.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ และทำให้สหรัฐฯ แสดงท่าทีตอบโต้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากสหรัฐฯเองเป็นผู้ที่สนับสนุนให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน แถมส่งสัญญาณเป็นนัยมาตลอดว่ายังคงถือการใช้กำลัง เป็นทางเลือกสุดท้าย
ขณะที่ทำเนียบขาวพยายามอธิบายว่า โมฟาซเพียงแต่กำลังแสดงให้เห็นถึงความหวาดหลัวรัฐอิสลามในอิสราเอล แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมของอิสราเอลกลับชี้ประเด็นไปที่การต่อสู้ชิงอำนาจในพรรคคาดิมะ ในช่วงเวลาที่โอลเมิร์ตกำลังเผชิญเรื่องอื้อฉาวรับสินบน ที่อาจถึงขั้นทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง
"การพลิกประเด็นความมั่นคงเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งให้เป็นเกมการเมือง โดยใช้มันเพื่อจุดประสงค์ส่วนตัวในการต่อสู้ในพรรคคาดิมะนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องไม่ทำกันเลย" มาตาน วิลนาย รัฐมนตรีช่วยกลาโหม กล่าวกับสถานีวิทยุอิสราเอล
สถานีวิทยุซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลอิสราเอลแห่งนี้ยังได้อ้างอิงคำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอีกผู้หนี่งว่า คำพูดของโมฟาซนั้น "ไม่ได้สะท้อนถึงนโยบาย" และ "สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้อิสราเอลประสบความยากลำบากยิ่งขึ้นในการที่จะชักชวนประเทศอื่นๆ ให้ร่วมมือคว่ำบาตรต่ออิหร่าน"
ทว่า ตาเลีย โซเมค ผู้ช่วยของโมฟาซ กล่าวว่าคำพูดของโมฟาซนั้น "ออกมาจากการทุ่มเทตลอดเวลานานกว่า 40 ปีให้กับความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล" เธอบอกอีกว่า "เราอยากจะให้พิจารณาคำกล่าวของเขาตามตัวอักษร และไม่มีการตีความไปในทางอื่น"
โมฟาซนั้นถือกำเนิดในอิหร่าน และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมจนกระทั่งนายกรัฐมนตรีโอลเมิร์ตปรับคณะรัฐมนตรีในปี 2006
แม้ว่าอิหร่านจะปฏิเสธเรื่องการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ แต่การแถลงต่อต้านอิสราเอลอย่างเผ็ดร้อนของรัฐบาลอิหร่านก็นับเป็นการท้าทายต่อผู้นำของอิสราเอล ซึ่งจะต้องเสริมสร้างความมั่นใจต่อสาธารณชนในทันที ขณะเดียวกันก็พยายามช่วยรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางไปพร้อมๆ กันด้วย
อิสราเอล ซึ่งคาดกันว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ได้ทิ้งระเบิดเตาปฏิกรณ์แห่งหนึ่งของอิรักเมื่อปี 1981 และเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาก็ได้ทิ้งระเบิดเป้าหมายแห่งหนึ่งในซีเรียซึ่งรัฐบาลบุชบอกว่าเป็นเตาปฏิกรณ์ที่เกาหลีเหนือสร้างให้ แต่รัฐบาลซีเรียก็ปฏิเสธว่าไม่มีเตาปฏิกรณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อิสระหลายคนบอกว่าเนื่องจากสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้นมีหลายแห่ง และตั้งอยู่ในตำแหน่งห่างไกลจากกัน จึงเป็นการยากที่อิสราเอลจะเข้าทำลายได้โดยลำพัง ส่วนอิหร่านก็ได้ขู่ว่าจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลด้วยการยิงขีปนาวุธเข้าใส่แหล่งผลประโยชน์ของอิสราเอลและสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซียเช่นกัน
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจรายหนึ่งได้วิจารณ์ว่าการกระทำของโมฟาซนั้นในทางหนึ่งกลับเป็นการช่วยสนับสนุนอิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับสี่ของโลกด้วย เขากล่าวว่า "การพูดจาไร้สาระว่า 'เราจะโจมตึและทำลายคุณ' ไม่ได้ทำให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจของอิหร่านหวั่นเกรงแต่อย่างใด แต่มันกลับทำให้ตลาดน้ำมันเป็นบ้าขึ้นมา ... แล้วใครล่ะที่ได้ประโยชน์จากมัน ถ้าไม่ใช่เตหะราน"
กำลังโหลดความคิดเห็น