รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โรเบิร์ต เกตส์สั่งปลดสองผู้นำของกองทัพอากาศสหรัฐฯ หลังจากเกิดความบกพร่องอย่างร้ายแรงในเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงของอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกาถึงสองครั้งด้วยกัน
เกตส์กล่าวว่าเหตุการณ์ทั้งสอง ก็คือ ความผิดพลาดที่ทำให้กองทัพอากาศสหรัฐฯส่งตัวจุดชนวนหัวรบนิวเคลียร์ให้กับไต้หวันแทนที่อุปกรณ์ชนิดอื่นที่ไต้หวันสั่งไว้ และการที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศลำหนึ่งขึ้นบินเหนือน่านฟ้าของสหรัฐฯโดยที่ติดอาวุธนิวเคลียร์เอาไว้บนเครื่องโดยที่ไม่มีใครรู้ ทำให้เห็นได้ชัดว่าระบบของกองทัพอากาศสหรัฐฯเกิดความบกพร่องอย่างร้ายแรง และมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาวุธนิวเคลียร์ได้ตกต่ำลงมาก
“ปัญหาทั้งสองประการ ทั้งการส่งตัวจุดระเบิดขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปให้ไต้หวันโดยไม่ตั้งใจ และนำเอาอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นบิน มาจากต้นเหตุเดียวกันคือ มาตรฐานด้านนิวเคลียร์ที่ตกต่ำลง รวมทั้งขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพจากผู้นำของกองทัพอากาศ” เกตส์กล่าว
“ความสามารถต่อต้านศัตรูทางนิวเคลียร์ที่สามารถวางใจได้นั้นสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศเราตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ ความปลอดภัย มั่นคงและเชื่อถือได้ของอาวุธนิวเคลียร์ของเรารวมไปถึงส่วนประกอบต่าง ๆเป็นความสำคัญสูงสุดของประเทศ”
เจ้าหน้าที่หลายคนบอกว่าเกตส์สั่งให้ ไมเคิล วีนน์ รัฐมนตรีทบวงทหารอากาศ และ พลอากาศเอก ไมเคิล โมสลีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยื่นใบลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และทั้งสองคนก็ยื่นใบลาออกแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี(5)ที่ผ่านมา
เกตส์บอกว่าเขาจะเสนอชื่อคนที่มาแทนวีนน์และโมสลีย์ต่อประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิล ยู บุช ในไม่ช้า
เขายังได้ขอให้อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ ชเลซิงเกอร์ มาเป็นหัวหน้าคณะนำการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านระเบียบและด้านองค์การ เพื่อทำให้การควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ปัญหาที่นำมาสู่การบีบให้ลาออกในครั้งนี้ก็คือเหตุการณ์น่าขายหน้าของกองทัพอากาศที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปี 2007 เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ 6 หัวค้างคาอยู่ ขึ้นบินจากฐานทัพหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งภายในสหรัฐฯ โดยที่ไม่ทันมีใครตรวจสอบ เมื่อทางกองทัพอากาศทราบถึงความผิดพลาดนี้ก็ไล่ผู้บัญชาการที่รับผิดชอบออกทันที แต่รัฐสภาก็ออกมาตำหนิว่าการไล่ออกอย่างเดียวไม่ทำให้ความน่าเชื่อถือกลับมาได้
และเมื่อเดือนมีนาคม ทางเพนตากอนออกมายอมรับว่าเกิดความผิดพลาดบางประการในการส่งมอบอาวุธให้ไต้หวันตามที่สั่งซื้อ แต่กลับกลายเป็นว่ามีการส่งอุปกรณ์จุดระเบิดหัวรบนิวเคลียร์ไปให้แทน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2006 ซึ่งทางกองทัพสหรัฐฯก็ไม่ระแคะระคายว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นจนกระทั่งทางการไต้หวันแจ้งให้ทราบ
นอกจากนั้น มีรายงานว่าเกตส์ยังไม่พอใจกองทัพอากาศในหลายประเด็น โดยเฉพาะการที่พวกผู้นำในกองทัพยังคงต้องการซื้อหาอาวุธทันสมัยราคาแพง เช่น เครื่องบินขับไล่ เอฟ 22 ทั้งที่นำมาใช้ในสงครามอิรักและอัฟกานิสถานไม่ได้
เกตส์กล่าวว่าเหตุการณ์ทั้งสอง ก็คือ ความผิดพลาดที่ทำให้กองทัพอากาศสหรัฐฯส่งตัวจุดชนวนหัวรบนิวเคลียร์ให้กับไต้หวันแทนที่อุปกรณ์ชนิดอื่นที่ไต้หวันสั่งไว้ และการที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศลำหนึ่งขึ้นบินเหนือน่านฟ้าของสหรัฐฯโดยที่ติดอาวุธนิวเคลียร์เอาไว้บนเครื่องโดยที่ไม่มีใครรู้ ทำให้เห็นได้ชัดว่าระบบของกองทัพอากาศสหรัฐฯเกิดความบกพร่องอย่างร้ายแรง และมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาวุธนิวเคลียร์ได้ตกต่ำลงมาก
“ปัญหาทั้งสองประการ ทั้งการส่งตัวจุดระเบิดขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปให้ไต้หวันโดยไม่ตั้งใจ และนำเอาอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นบิน มาจากต้นเหตุเดียวกันคือ มาตรฐานด้านนิวเคลียร์ที่ตกต่ำลง รวมทั้งขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพจากผู้นำของกองทัพอากาศ” เกตส์กล่าว
“ความสามารถต่อต้านศัตรูทางนิวเคลียร์ที่สามารถวางใจได้นั้นสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศเราตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ ความปลอดภัย มั่นคงและเชื่อถือได้ของอาวุธนิวเคลียร์ของเรารวมไปถึงส่วนประกอบต่าง ๆเป็นความสำคัญสูงสุดของประเทศ”
เจ้าหน้าที่หลายคนบอกว่าเกตส์สั่งให้ ไมเคิล วีนน์ รัฐมนตรีทบวงทหารอากาศ และ พลอากาศเอก ไมเคิล โมสลีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยื่นใบลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และทั้งสองคนก็ยื่นใบลาออกแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี(5)ที่ผ่านมา
เกตส์บอกว่าเขาจะเสนอชื่อคนที่มาแทนวีนน์และโมสลีย์ต่อประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิล ยู บุช ในไม่ช้า
เขายังได้ขอให้อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ ชเลซิงเกอร์ มาเป็นหัวหน้าคณะนำการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านระเบียบและด้านองค์การ เพื่อทำให้การควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ปัญหาที่นำมาสู่การบีบให้ลาออกในครั้งนี้ก็คือเหตุการณ์น่าขายหน้าของกองทัพอากาศที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปี 2007 เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ 6 หัวค้างคาอยู่ ขึ้นบินจากฐานทัพหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งภายในสหรัฐฯ โดยที่ไม่ทันมีใครตรวจสอบ เมื่อทางกองทัพอากาศทราบถึงความผิดพลาดนี้ก็ไล่ผู้บัญชาการที่รับผิดชอบออกทันที แต่รัฐสภาก็ออกมาตำหนิว่าการไล่ออกอย่างเดียวไม่ทำให้ความน่าเชื่อถือกลับมาได้
และเมื่อเดือนมีนาคม ทางเพนตากอนออกมายอมรับว่าเกิดความผิดพลาดบางประการในการส่งมอบอาวุธให้ไต้หวันตามที่สั่งซื้อ แต่กลับกลายเป็นว่ามีการส่งอุปกรณ์จุดระเบิดหัวรบนิวเคลียร์ไปให้แทน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2006 ซึ่งทางกองทัพสหรัฐฯก็ไม่ระแคะระคายว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นจนกระทั่งทางการไต้หวันแจ้งให้ทราบ
นอกจากนั้น มีรายงานว่าเกตส์ยังไม่พอใจกองทัพอากาศในหลายประเด็น โดยเฉพาะการที่พวกผู้นำในกองทัพยังคงต้องการซื้อหาอาวุธทันสมัยราคาแพง เช่น เครื่องบินขับไล่ เอฟ 22 ทั้งที่นำมาใช้ในสงครามอิรักและอัฟกานิสถานไม่ได้
