เอเจนซี - จิมมี คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองอย่างน้อย 150 ลูก นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้นำสูงสุดของสหรัฐฯ ยอมรับต่อสาธารณชนว่ารัฐยิวมีการสะสมอาวุธนิวเคลียร์จริง ส่วนทางด้านทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ก็เร่งจี้อิหร่านให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อเตรียมสร้างอาวุธนิวเคลียร์
ในระหว่างการแถลงข่าวที่งานเทศกาลวรรณกรรมเวลส์ เฮย์ เมื่อวันอาทิตย์ (24) คาร์เตอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างปี 1977-1981 และเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้ตอบคำถามที่ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ควรจัดการกับปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ในอิหร่านอย่างไร โดยเขาแจกแจงให้เห็นถึงการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ในภาพรวมทั่วโลกว่า
"สหรัฐฯ มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่มากกว่า 12,000 ลูก สหภาพโซเวียต (รัสเซีย) มีอยู่เป็นจำนวนมากพอๆ กัน อังกฤษและฝรั่งเศสมีนิวเคลียร์หลายร้อยลูก และอิสราเอลมีสัก 150 ลูกหรือมากกว่านั้น เราสะสมขีปนาวุธกันเป็นจำนวนมหาศาล...และไม่ใช่แค่ตัวขีปนาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น หากยังมีการสะสมจรวดสำหรับยิงขีปนาวุธให้ตกตรงเป้าหมายอย่างแม่นยำอีกด้วย"
ก่อนหน้านี้มีการคาดกันอย่างกว้างขวางว่าอิสราเอลเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ แต่ทางการอิสราเอลไม่เคยยอมรับเรื่องนี้ ขณะที่สหรัฐฯ เองก็ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชนมาเป็นเวลานานปี
ทั้งนี้ คาร์เตอร์ให้ความเห็นว่าสหรัฐฯ ควรเจรจาโดยตรงกับอิหร่านเพื่อโน้มน้าวให้อิหร่านเลิกความมุ่งมั่นที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่สหรัฐฯ ดำเนินนโยบายคว่ำบาตรอิหร่าน รวมทั้งมีการถกเถียงกันเรื่องจะใช้กำลังทหารเข้าจัดการ แต่ก็ไม่สามารถทำให้อิหร่านล้มเลิกความพยายามในการเสริมสมรรถนะของเชื้อเพลิงยูเรเนียม ที่สหรัฐฯ และฝ่ายตะวันตกอื่นๆ ระแวงว่าจะมีการนำไปใช้ทำอาวุธมหาประลัย
ทางด้าน อาห์รอน ซีวี-ฟาร์กาช อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองด้านการทหารของอิสราเอลได้วิจารณ์ตอบโต้การแสดงความเห็นของคาร์เตอร์ว่า จะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี เพราะ "จะมีคนที่ใช้ประโยชน์จากคำพูดของเขาเมื่อมีการเปิดเวทีเจรจาระหว่างประเทศเพื่อยับยั้งอิหร่านไม่ให้สะสมอาวุธนิวเคลียร์"
"ผมคิดว่าในการเยือนภูมิภาคนี้ครั้งล่าสุดทำให้เขารู้สึกขัดเคืองใจ จนกระทั่งเขาคิดว่าเป็นการถูกต้องที่จะพูดเรื่องต่างๆ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบเลย"
ช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา คาร์เตอร์ได้เดินทางไปเยือนตะวันออกกลาง และพบปะกับผู้นำของกลุ่มฮามาสที่ซีเรียเพื่อผลักดันกระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ให้คืบหน้า ทว่า นายกรัฐมนตรีเอมุด โอลเมิร์ตของอิสราเอลได้ปฏิเสธที่จะพบกับคาร์เตอร์ในช่วงเวลาไล่เรี่ยกันนั้น เนื่องจากคาร์เตอร์ได้กล่าววิจารณ์นโยบายของอิสราเอลต่อปาเลสไตน์
ด้าน ไอเออีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ ได้ออกรายงานเมื่อคืนวันจันทร์ (26) โดยแสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อการที่อิหร่านยังคงปิดบังข้อมูลเรื่องการศึกษาเพื่อเตรียมสร้างหัวรบนิวเคลียร์ อีกทั้งยังท้าทายข้อเรียกร้องของสหประชาชาติที่ให้หยุดเสริมสมรรถนะของแร่ยูเรเนียม อันเป็นกระบวนการที่สามารถนำไปใช้ทำวัตถุดิบผลิตระเบิดปรมาณูได้ จนเป็นเหตุให้คณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติประกาศใช้มาตรการลงโทษไปก่อนหน้านี้
ในระหว่างวันที่ 2-6 มิถุนายนนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการของไอเออีเอเพื่อพิจารณาเรื่องการศึกษาเตรียมการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านตามที่มีการกล่าวหา ไอเออีเอระบุว่าอิหร่านจะต้องให้ข้อมูล "ในสาระสำคัญ" หากต้องการให้ประชาคมโลกเชื่อว่าอิหร่านใช้นิวเคลียร์ในทางสันติจริง
อย่างไรก็ดี ทูตอิหร่านประจำไอเออีเอยืนกรานว่าอิหร่านได้ส่งมอบคำอธิบายจำนวน 200 หน้า และได้ตอบคำถามทั้งหมดไปแล้ว ดังนั้น อิหร่านจะยังคงเสริมสมรรถนะของยูเรเนียมต่อไป และยังให้ความร่วมมือกับไอเออีเอด้วย