ทอท.รับทรัพย์คิงเพาเวอร์เพิ่ม 2,700 ล้านบาท หลังศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ส่วนบอร์ดทอท.อนุมัติงบ 11,233.70 ล้านบาทแก้ไขปัญหาเรื่องเสียง แต่ยังอยู่ในกรอบการลงทุน120,000- 140,000 ล้านบาท ตามที่ครม.
นางสาว สุวรรณี สำโรงวัฒนา เลขานุการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ได้บันทึกรับรู้เป็นรายได้ทางบัญชี จากการรับชำระเงินค่าทดแทนจากบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ตามคำสั่งศาลแพ่งแล้วในเดือน พ.ค. 2551 ประมาณ 2,700 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจาก เมื่อ วันที่ 31 ม.ค. 2551 ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีดำเลขที่ 2441/2550 ที่บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ทอท. เรื่องเรียกทรัพย์คืนจำนวน 48,074,147,549 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 และให้โจทก์สามารถจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สนามบินภูเก็ต และสนามบินหาดใหญ่ได้ต่อ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์เคยร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งศาลสามารถมีคำสั่งคุ้มครองและงดไต่สวนคำขออื่นๆ ซึ่งศาลมีคำสั่งดังนี้
คือ 1.ให้จำเลยยอมให้โจทก์จำหน่ายสินค้าในอาคารปลอดอากรในท่าอากาศสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ตามสัญญาที่ ทสภ.1-07/2547 ได้เท่าพื้นที่เดิมที่เคยจำหน่าย 2.ให้จำเลยอนุญาตให้โจทก์ทำการก่อสร้างตกแต่งบูธและพื้นที่ของการจำหน่าย โดยให้โจทก์คำนึงถึงความปลอดภัย 3.ให้จำเลยยอมให้โจทก์และพนักงานและผู้ค้าของโจทก์เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ของจำเลยได้ 4.ห้ามจำเลยและคณะกรรมการของจำเลยให้ข่าวในทางเสียหายแก่โจทก์ และ 5.ให้โจทก์ชำระค่าทดแทน (รายได้) แก่จำเลย โดยให้โจทก์ปฏิบัติตั่งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
นอกจากนี้ในการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท. เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการขยายกรอบวงเงินลงทุนโครงการก่อสร้างท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ระยะที่ 1 ในส่วนที่ใช้สำหรับแก้ไขผลกระทบด้านเสียงจากการ ดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 11,233.70 ล้านบาท ซึ่งการขยายกรอบวงเงินครั้งนี้ทำให้วงเงิน ค่าก่อสร้างทั้งหมด เพิ่มเป็น 135,175.346 ล้านบาท แต่ยังอยู่ภายแต่ยังอยู่ในกรอบวงเงิน 120,000-140,000 ล้านบาท ตามที่ครม.อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2541
รายงานข่าวจากทอท.แจ้งว่า สถิติปริมาณการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ในปี 2550 มีเที่ยวบินรวม 26,967 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปี 2549 คิดเป็น 8.08% ส่วนปริมาณผู้โดยสารมี 3.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.70% ปริมาณสินค้าเข้า – ออกรวม 22,869 ตันลดลง 12.38% ส่วนในปี 2551 นี้คาดว่า ทั้งปี จะมีเที่ยวบินประมาณ 28,070 เที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 4.1 มีผู้โดยสารรวม 3.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3
โดยขณะนี้ทชม.อยู่ระหว่างปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร โดยเหลือโครงการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังเดิม เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศจะแล้วเสร็จ เดือนเม.ย. 2552 ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารรวมได้ 8 ล้านคน/ปี และคาดว่าจะรองรับได้ถึงปี 2559 ส่วนอาคารคลังสินค้า ซึ่งมีพื้นที่รวม 12,380 ตารางเมตร มีขีดความสามารถรองรับ 35,000ตัน/ปี คาดว่าจะรองรับได้ถึงปี 2554
นางสาว สุวรรณี สำโรงวัฒนา เลขานุการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ได้บันทึกรับรู้เป็นรายได้ทางบัญชี จากการรับชำระเงินค่าทดแทนจากบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ตามคำสั่งศาลแพ่งแล้วในเดือน พ.ค. 2551 ประมาณ 2,700 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจาก เมื่อ วันที่ 31 ม.ค. 2551 ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีดำเลขที่ 2441/2550 ที่บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ทอท. เรื่องเรียกทรัพย์คืนจำนวน 48,074,147,549 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 และให้โจทก์สามารถจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สนามบินภูเก็ต และสนามบินหาดใหญ่ได้ต่อ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์เคยร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งศาลสามารถมีคำสั่งคุ้มครองและงดไต่สวนคำขออื่นๆ ซึ่งศาลมีคำสั่งดังนี้
คือ 1.ให้จำเลยยอมให้โจทก์จำหน่ายสินค้าในอาคารปลอดอากรในท่าอากาศสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ตามสัญญาที่ ทสภ.1-07/2547 ได้เท่าพื้นที่เดิมที่เคยจำหน่าย 2.ให้จำเลยอนุญาตให้โจทก์ทำการก่อสร้างตกแต่งบูธและพื้นที่ของการจำหน่าย โดยให้โจทก์คำนึงถึงความปลอดภัย 3.ให้จำเลยยอมให้โจทก์และพนักงานและผู้ค้าของโจทก์เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ของจำเลยได้ 4.ห้ามจำเลยและคณะกรรมการของจำเลยให้ข่าวในทางเสียหายแก่โจทก์ และ 5.ให้โจทก์ชำระค่าทดแทน (รายได้) แก่จำเลย โดยให้โจทก์ปฏิบัติตั่งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
นอกจากนี้ในการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท. เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการขยายกรอบวงเงินลงทุนโครงการก่อสร้างท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ระยะที่ 1 ในส่วนที่ใช้สำหรับแก้ไขผลกระทบด้านเสียงจากการ ดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 11,233.70 ล้านบาท ซึ่งการขยายกรอบวงเงินครั้งนี้ทำให้วงเงิน ค่าก่อสร้างทั้งหมด เพิ่มเป็น 135,175.346 ล้านบาท แต่ยังอยู่ภายแต่ยังอยู่ในกรอบวงเงิน 120,000-140,000 ล้านบาท ตามที่ครม.อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2541
รายงานข่าวจากทอท.แจ้งว่า สถิติปริมาณการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ในปี 2550 มีเที่ยวบินรวม 26,967 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปี 2549 คิดเป็น 8.08% ส่วนปริมาณผู้โดยสารมี 3.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.70% ปริมาณสินค้าเข้า – ออกรวม 22,869 ตันลดลง 12.38% ส่วนในปี 2551 นี้คาดว่า ทั้งปี จะมีเที่ยวบินประมาณ 28,070 เที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 4.1 มีผู้โดยสารรวม 3.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3
โดยขณะนี้ทชม.อยู่ระหว่างปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร โดยเหลือโครงการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังเดิม เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศจะแล้วเสร็จ เดือนเม.ย. 2552 ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารรวมได้ 8 ล้านคน/ปี และคาดว่าจะรองรับได้ถึงปี 2559 ส่วนอาคารคลังสินค้า ซึ่งมีพื้นที่รวม 12,380 ตารางเมตร มีขีดความสามารถรองรับ 35,000ตัน/ปี คาดว่าจะรองรับได้ถึงปี 2554