เธอเริ่มต้นเขียนหนังสือเมื่ออายุได้แค่ 14 ปี แอบจดประโยคเด็ดที่คิดได้ขณะนั่งอยู่หลังห้องเรียน ห้าปีต่อมา แคเทอลีน แบนเนอร์ถูกหมายมาดคาดคะเนว่าจะกลายเป็นเจเค โรว์ลิงคนใหม่
ปัจจุบัน ในวัย 19 ปี แคเทอลีนกำลังปลาบปลื้มกับผลงานตีพิมพ์เล่มแรกในชีวิต ‘ดิ อายส์ ออฟ อะ คิง’ นิยายแฟนตาซีซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกของไตรภาค ที่มีข่าวว่ามีผู้สร้างสนใจจะขอซื้อลิขสิทธิ์ไปทำหนัง
แคเทอลีน สาวน้อยมหัศจรรย์จากเคมบริดจ์ อังกฤษ เล่าว่าเธอเริ่มต้นการเขียนเพราะ ‘รู้สึกสนุก’
“ตั้งแต่เล็กๆ ฉันชอบอ่านหนังสือและชอบเขียน” เธอบอกว่าหนึ่งในหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจก็คือ ‘เดอะ ไลอ้อน, เดอะ วิตช์ แอนด์ เดอะ วอร์โดรป’
“ตอนเด็กๆ หนึ่งในเกมโปรดของฉันคือ จับกระดาษมาเย็บเล่มเป็นหนังสือภาพ หลังจากนั้น ฉันใช้เวลาหลังเลิกเรียนนั่งแต่งนิยาย ฉันเริ่มเขียนหนังสือจริงๆ จังๆ ตอนอายุ 14 โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียนและเสาร์-อาทิตย์
“ว่างเมื่อไหร่ฉันเป็นเขียน บางครั้งฉันจดโน้ตประโยคต่างๆ ที่นึกได้ระหว่างเรียนเพราะกลัวจะลืม
“ฉันสนุกกับการเขียน เมื่อคิดอะไรได้ฉันก็จะเขียนออกมาและดูว่าเป็นอย่างไร”
งานอดิเรกยามว่างของสาวน้อยกลับกลายเป็นนิยายแฟนตาซีที่เรื่องราวบางส่วนเกิดขึ้นในอังกฤษ และในโลกคู่ขนานของประเทศสมมติที่ชื่อว่า มาโลเนีย
หลังจากแต่งนิยายเรื่องแรกจบ แคเทอลีนในวัย 16 ปีมีโอกาสไปเดินงานหนังสือในเคมบริดจ์ และได้ยินตัวแทนสำนักพิมพ์คนหนึ่งคุย หลังจากชั่งใจอยู่ชั่วครู่ แคเทอลีน เดินเข้าไปหาเขาและถามว่า ‘คุณคิดว่าเด็กอายุ 16 อย่างฉันเด็กเกินไปที่จะเขียนอะไรจริงๆ จังๆ หรือเปล่าคะ?’
“ฉันไม่คาดหวังว่าเขาจะสนใจ แต่เขาถามกลับว่าฉันเขียนหนังสือหรือ พอฉันตอบว่าใช่ เขาขอให้ฉันส่งไปให้เขาอ่าน”
ตัวแทนสำนักพิมพ์สัมผัสได้ถึงพลังของหนังสือ ขณะที่แคเทอลีนพบว่าเธอกำลังจะได้เซ็นสัญญาตีพิมพ์หนังสือหลังเรียนจบชั้นมัธยมปลายด้วยผลการเรียนระดับดีเยี่ยม
“ฉันฝันมาตลอดว่าอยากเป็นนักเขียน แต่ไม่เคยนึกว่าหนังสือของตัวเองจะได้ตีพิมพ์มาก่อน ฉันตื่นเต้นมาก จริงๆ ต้องบอกว่าช็อกเลย มันมีความหมายต่อฉันมาก
“ตอนนี้ฉันกำลังรอลุ้นว่าคนอ่านจะคิดอย่างไร”
ปัจจุบัน สาวน้อยที่ไม่มีใครในครอบครัวเคยจับงานเขียนมาก่อน กำลังอยู่ระหว่างรอเข้าเรียนต่อวิชาเอกภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เดือนกันยายนนี้ เธอเพิ่งเขียนนิยายเล่มที่สองจบ และกำลังจะเริ่มเล่มสุดท้ายของไตรภาค
แคเทอลีนหวังว่าจะเขียนหนังสือต่อไป แต่ตั้งเป้าว่าผลงานเล่มที่สี่จะต้อง ‘ฉีกแนว’ จากสามเล่มแรก
“เธอมีพรสวรรค์อย่างชัดเจน และเป็นนักเขียนที่ต้องจับตา หนังสือของเธอดีมาก มีจังหวะจะโคน ตัวละครมีมิติที่น่าสนใจ และยังเต็มไปด้วยการผจญภัยที่ทำให้คนอ่านต้องตามลุ้นกันตลอด
“วันหนึ่งเธออาจเป็นเจเค โลว์ริงคนที่สองก็ได้” ลอเรน บัคแลนด์ บรรณาธิการแผนกหนังสือเด็กของแรนดอม เฮาส์ ชื่นชม
โลกมหัศจรรย์ของแคเทอรีน
เช่นเดียวกับแฮร์รี พอตเตอร์ ‘ดิ อายส์ ออฟ อะ คิง’ เป็นเรื่องของหนุ่มสาวและการผจญภัยในโลกมหัศจรรย์
ตัวละครหลักของเรื่องคือ ลีโอ นอร์ท วัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในมาโลเนีย ประเทศที่กำลังจะมีปฏิวัติ
ตอนต้นเรื่อง ลีโอโกรธเกรี้ยวและผิดหวัง เพราะถูกบังคับให้ฝึกทหาร แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้พบหนังสือปกดำลึกลับในกองหิมะ นับจากวินาทีแรกที่สัมผัส เขารู้สึกถึงพลังอำนาจแปลกประหลาดของหนังสือ
ตัวหนังสือเริ่มปรากฏขึ้นในหนังสือ บอกเล่าความลับของครอบครัว เรื่องราวของมาโลเนีย และเรื่องที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้มาก่อนของไรอันและแอนนา วัยรุ่นสองคนจากอังกฤษ ประเทศที่มีอยู่ในนิทานเท่านั้นสำหรับคนมาโลเนีย
เริ่มแรกหนังสือเป็นเสมือนการหลบหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงของลีโอ แต่เมื่อเขาต้องเผชิญโศกนาฎกรรมชนิดไม่ทันตั้งตัว ลีโอตระหนักว่าเรื่องราวในหนังสือผูกโยงกับชีวิตของเขาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ และอาจเปลี่ยนแปลงมาโลเนียชั่วนิรันดร์
ปัจจุบัน ในวัย 19 ปี แคเทอลีนกำลังปลาบปลื้มกับผลงานตีพิมพ์เล่มแรกในชีวิต ‘ดิ อายส์ ออฟ อะ คิง’ นิยายแฟนตาซีซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกของไตรภาค ที่มีข่าวว่ามีผู้สร้างสนใจจะขอซื้อลิขสิทธิ์ไปทำหนัง
แคเทอลีน สาวน้อยมหัศจรรย์จากเคมบริดจ์ อังกฤษ เล่าว่าเธอเริ่มต้นการเขียนเพราะ ‘รู้สึกสนุก’
“ตั้งแต่เล็กๆ ฉันชอบอ่านหนังสือและชอบเขียน” เธอบอกว่าหนึ่งในหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจก็คือ ‘เดอะ ไลอ้อน, เดอะ วิตช์ แอนด์ เดอะ วอร์โดรป’
“ตอนเด็กๆ หนึ่งในเกมโปรดของฉันคือ จับกระดาษมาเย็บเล่มเป็นหนังสือภาพ หลังจากนั้น ฉันใช้เวลาหลังเลิกเรียนนั่งแต่งนิยาย ฉันเริ่มเขียนหนังสือจริงๆ จังๆ ตอนอายุ 14 โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียนและเสาร์-อาทิตย์
“ว่างเมื่อไหร่ฉันเป็นเขียน บางครั้งฉันจดโน้ตประโยคต่างๆ ที่นึกได้ระหว่างเรียนเพราะกลัวจะลืม
“ฉันสนุกกับการเขียน เมื่อคิดอะไรได้ฉันก็จะเขียนออกมาและดูว่าเป็นอย่างไร”
งานอดิเรกยามว่างของสาวน้อยกลับกลายเป็นนิยายแฟนตาซีที่เรื่องราวบางส่วนเกิดขึ้นในอังกฤษ และในโลกคู่ขนานของประเทศสมมติที่ชื่อว่า มาโลเนีย
หลังจากแต่งนิยายเรื่องแรกจบ แคเทอลีนในวัย 16 ปีมีโอกาสไปเดินงานหนังสือในเคมบริดจ์ และได้ยินตัวแทนสำนักพิมพ์คนหนึ่งคุย หลังจากชั่งใจอยู่ชั่วครู่ แคเทอลีน เดินเข้าไปหาเขาและถามว่า ‘คุณคิดว่าเด็กอายุ 16 อย่างฉันเด็กเกินไปที่จะเขียนอะไรจริงๆ จังๆ หรือเปล่าคะ?’
“ฉันไม่คาดหวังว่าเขาจะสนใจ แต่เขาถามกลับว่าฉันเขียนหนังสือหรือ พอฉันตอบว่าใช่ เขาขอให้ฉันส่งไปให้เขาอ่าน”
ตัวแทนสำนักพิมพ์สัมผัสได้ถึงพลังของหนังสือ ขณะที่แคเทอลีนพบว่าเธอกำลังจะได้เซ็นสัญญาตีพิมพ์หนังสือหลังเรียนจบชั้นมัธยมปลายด้วยผลการเรียนระดับดีเยี่ยม
“ฉันฝันมาตลอดว่าอยากเป็นนักเขียน แต่ไม่เคยนึกว่าหนังสือของตัวเองจะได้ตีพิมพ์มาก่อน ฉันตื่นเต้นมาก จริงๆ ต้องบอกว่าช็อกเลย มันมีความหมายต่อฉันมาก
“ตอนนี้ฉันกำลังรอลุ้นว่าคนอ่านจะคิดอย่างไร”
ปัจจุบัน สาวน้อยที่ไม่มีใครในครอบครัวเคยจับงานเขียนมาก่อน กำลังอยู่ระหว่างรอเข้าเรียนต่อวิชาเอกภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เดือนกันยายนนี้ เธอเพิ่งเขียนนิยายเล่มที่สองจบ และกำลังจะเริ่มเล่มสุดท้ายของไตรภาค
แคเทอลีนหวังว่าจะเขียนหนังสือต่อไป แต่ตั้งเป้าว่าผลงานเล่มที่สี่จะต้อง ‘ฉีกแนว’ จากสามเล่มแรก
“เธอมีพรสวรรค์อย่างชัดเจน และเป็นนักเขียนที่ต้องจับตา หนังสือของเธอดีมาก มีจังหวะจะโคน ตัวละครมีมิติที่น่าสนใจ และยังเต็มไปด้วยการผจญภัยที่ทำให้คนอ่านต้องตามลุ้นกันตลอด
“วันหนึ่งเธออาจเป็นเจเค โลว์ริงคนที่สองก็ได้” ลอเรน บัคแลนด์ บรรณาธิการแผนกหนังสือเด็กของแรนดอม เฮาส์ ชื่นชม
โลกมหัศจรรย์ของแคเทอรีน
เช่นเดียวกับแฮร์รี พอตเตอร์ ‘ดิ อายส์ ออฟ อะ คิง’ เป็นเรื่องของหนุ่มสาวและการผจญภัยในโลกมหัศจรรย์
ตัวละครหลักของเรื่องคือ ลีโอ นอร์ท วัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในมาโลเนีย ประเทศที่กำลังจะมีปฏิวัติ
ตอนต้นเรื่อง ลีโอโกรธเกรี้ยวและผิดหวัง เพราะถูกบังคับให้ฝึกทหาร แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้พบหนังสือปกดำลึกลับในกองหิมะ นับจากวินาทีแรกที่สัมผัส เขารู้สึกถึงพลังอำนาจแปลกประหลาดของหนังสือ
ตัวหนังสือเริ่มปรากฏขึ้นในหนังสือ บอกเล่าความลับของครอบครัว เรื่องราวของมาโลเนีย และเรื่องที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้มาก่อนของไรอันและแอนนา วัยรุ่นสองคนจากอังกฤษ ประเทศที่มีอยู่ในนิทานเท่านั้นสำหรับคนมาโลเนีย
เริ่มแรกหนังสือเป็นเสมือนการหลบหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงของลีโอ แต่เมื่อเขาต้องเผชิญโศกนาฎกรรมชนิดไม่ทันตั้งตัว ลีโอตระหนักว่าเรื่องราวในหนังสือผูกโยงกับชีวิตของเขาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ และอาจเปลี่ยนแปลงมาโลเนียชั่วนิรันดร์