ผู้จัดการรายวัน - รัฐตำรวจเริ่มออกลายรับใช้ระบอบ "ทักษิณ" ไล่เช็คบิลองค์กรตรวจสอบการทุจริตนายใหญ่ ล่าสุด ออกหมายเรียก 11 คตส. เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับ ในข้อหาหมิ่นประมาท "สัก" จวกจงใจบิดเบือนกฎหมาย ร่อนหนังสือวัดใจ คมช. ขณะเดียวกัน ตำรวจ สภ.อ.วังน้อย เสนอศาลออกหมายจับ "สุนัย" คดีหมิ่นประมาท "แม้ว"กรณีเอสซี แอสเซส ด้าน ป.ป.ช.นัดถกด่วนตั้ง-ไม่ตั้ง กก.ไต่สวน "สมัคร-ชูศักดิ์-ชัย" ผิดอาญาสมรู้ร่วมคิดให้ ส.ส.และ ส.ว.ยื่นญัตติแก้ รธน.เพื่อตัวเองวันนี้ ขณะที่มือปวนลอบวางระเบิดปลอมหน้าสำนักงาน นสพ.ผู้จัดการ ด้านพันธมิตรฯ ปรับรูปแบบใช้ยุทธวิธีดาวกระจายทวงถามความคืบหน้าคดีเอาผิด "ทักษิณ" พร้อมเตรียมปราศรัยภาษาอังกฤษให้สื่อต่างชาติเข้าใจ "สมัคร" เครียดหนักส่อถอดใจหลังเดินเกมพลาดสารพัดปัญหารุมเร้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 16.00น. น. วานนี้ (4 มิ.ย.) คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ร่วมประชุมด่วนโดยมีนายนาม ยิ้มแย้มปราน คตส.เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากรณีที่ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้มีหมายเรียก คตส.ทั้ง 11 คนและนายมณเฑียร เจริญผล ฝ่ายกฎหมาย สตง.ไปพบพนักงานสอบสวนเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 มิ.ย. 2551 ซึ่งจะนำไปสู่การออกหมายจับ คตส. โดยใช้เวลานในการประชุมนานร่วม 3 ชั่วโมง
คตส.ถกด่วนกองปราบออกหมายเรียก
นายสัก กอแสงเรื่อง โฆษก คตส.แถลงหลังการประชุมว่า การประชุมนัดพิเศษครั้งนี้ สืบเนื่องจาก บริษัท สำนักงานกกหมายนิติเอกราช จำกัด ได้ส่งหนังสือแจ้งยัง คตส.เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2550 เพื่อให้ยุติการละเมิดและให้เพิกถอนการอายัดทรัพย์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตจนายกรัฐมนตรีและครอบครัว ที่ คตส. ได้มีมติอายัดแล้ว โดยระบุว่า คตส.มีเจตนามุ่งหมายเจาะจง กลั่นแกล้ง เลือกปฏิบัติ จนทำให้ครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เสียหาย ซึ่ง คตส.เห็นว่า หนังสือดังกล่าว มีข้อความหมิ่นประมาทการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส.เพราะถูกตั้งขึ้นตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งมีกฏหมายรองรับ จึงได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่17 ต.ค.2550
แต่ต่อมา สำนักงานกฏหมาย นิติเอกราช จำกัด ได้ดำเนินการแจ้งความกลับ คตส.ในข้อหาหมิ่นประมาททั้งที่รู้ว่ามิได้กระทำความผิดเกิดขึ้น เป็นเหตุให้ทาง กองปราบปรามได้ออกหมายเรียก คตส.ครั้งที่ 1ให้ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 30 พ.ค. 2551 ซึ่ง คตส.ได้ส่งเอกสารพร้อมทั้งชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่การปฏิบัติหน้าที่ของ คตส.ตามกฎหมายให้ตำรวจกองปราบปราบทราบเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2551 กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ตำรวจกองปราบได้ออกหมายเรียกให้ คตส.ทั้ง 11 คน ไปพบพนักงานสอบสวนครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 มิ.ย. 2551 ซึ่งจะนำไปสู่การออกหมายจับ หาก คตส.ไม่ยอมไปพบ พนักงานสอบสวน
ทำหนังสือถึงนายกฯแจ้ง ตร.ทำไม่ถูกต้อง
นายสัก กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. เกิดขึ้นตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส.ทุกครั้งได้มีการชี้แจงเหตุผล การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างได ดังนั้นในที่ประชุมจึงมีมติทำหนังสือไปถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ คตส. และผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งหรือมติของ คตส.เพื่อได้โปรดพิจารณาสั่งการ และรักษาไว้ซึ่งความถูกต้อง พร้อมทั้งทำหนังสือถึงผู้บังคับการกองปราบปรามว่า คตส. ทั้ง 11 คนจะไม่ไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่จะมีการนำส่งเอกสารหลักฐานมาประกอบการพิจารณาแทนการให้ปากคำด้วยวาจา และจะได้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดต่อศาลที่มีอำนาจต่อไป
ตั้งทนายสู้ออกหมายจับ
ขณะเดียวกันจะขอให้ศาลแจ้งให้ถูกออกหมายทราบในกรณีที่มีการยื่นร้อง ขอออกหมายจับ โดยจะแต่งตั้งทนายความเข้ามาซักถามความเห็น ข้อเท็จจริงการกระทำหน้าที่ต่อไป เพราะ คตส.ไม่มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
นายสัก กล่าวว่า นอกจากนี้ คตส.ยังทำหนังสือถึง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อธิบดีผู้พิพากษาศาลกรุงเทพ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาธนบุรี ผู้พิพากษาศาลพระโขนง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตลิงชัน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระนครเหนือ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดุสิต ผู้พิพากษาศาลแขวงพระนครใต้ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงธนบุรี อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 เพื่อแจ้งให้ทราบว่าหากพนักงานสอบสวนมีคำร้อง ขอออกหมายจับ คตส. และพวก ทาง คตส.มีความประสงค์ที่จะแต่งตั้งทนายความในชั้นไต่สวนคำร้องขอออกหมายจับของพนักงานสอบสวน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมของคดีต่อไป
ทั้งนี้เนื่องจาก คตส.ไม่มีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สอบสวน จึงต้องขอข้อเท็จจริงให้ศาลมีอำนาจออกหมายอาญา เพราะไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินการขอหมายที่ศาลใด
ให้สังคมตัดสินการเมืองสั่งเข็คบิลหรือไม่
โฆษก คตส.กล่าวว่า สุดท้ายย คตส.ยังได้มีหนังสือถึง พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตเลขาธิการ คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลญาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตผู้ช่วย คมช. พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ส.ส.อดีตสมาชิก คมช. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.อดีตผู้ช่วย เลขา คมช. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.อดีต รักษาการประธาน คมช. พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.อดีตสมาชิก คมช. และพล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กรณีที่ คตส.ตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีหมิ่นประมาทของกองปราบปราม เพราะตามประกาศ คปค.ที่ 30 ได้แต่งตั้ง คตส.ขึ้นมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ในการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ แต่ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้ใช้อำนาจบิดเบือนกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้รับทราบในการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน คตส.ยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่และยืนหยัดทำหน้าที่จนถึงนาทีสุดท้าย ตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของกองปราบปราม เป็นกระบวนการเช็คบิล คตส. หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ เพราะทุกคนก็คิดเอาเองได้ เนื่องจาก คตส. ได้มีการแจ้งความต่อกองปราบปราม กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ขัดหมายเรียก ไม่ให้ความร่วมมือกับ คตส. แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบผลความคืบหน้าแม้แต่คดีเดียว แต่เมื่อ คตส.ถูกแจ้งกลับเจ้าหน้าที่กองปราบกลับดำเนินคดีออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง เพื่อจุดมุ่งหมายนำไปสู่การออกหมายจับในที่สุด ดังนั้นสังคมจะเป็นผู้ตัดสิน การปฏิบัติหน้าที่ต่อเจ้าพนักงาน คตส.คงบอกไม่ได้ว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
ตำรวจวังน้อยเสนอออกหมายจับ"สุนัย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา สภ.อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขอให้ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามที่ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าแจ้งความดำเนินคดีนายสุนัย ฐานหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือห้น บริษัท เอสซี เอสเสท ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ดีเอสไอ ที่ห้ามไม่ให้พนักงานสอบสวนให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่อ้าง หรือยืนยันว่าผู้ต้องหากระทำผิด ซึ่งศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้อนุมัติหมายจับดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.อ.วังน้อย เตรียมนำหมายจับเข้าจับกุมนายสุนัย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างเดินทางกลับจากการปฎิบัติภารกิจประเทศเยอรมัน วานนี้ (4 พ.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุนัย ได้เดินทางถึงประเทศไทยในช่วงบ่าย โดยมีนายทหารติดชุดเต็มยศเดินทางไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมพาตัวกลับบ้านทันที เพราะหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวและมีหมายจับก็จะต้องจับตัวนายสุนัยที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทันที
ก.ยุติธรรมเข้าช่วยเหลือ"สุนัย"
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดี ดีเอสไอซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดูแลคดีที่ นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ถูกออกหมายจับในข้อหาหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยว่า ก่อนที่นายสุนัย จะกลับถึงประเทศไทย ได้มอบหมายให้คนใกล้ชิดประสานไปยังพนักงานสอบสวน สภ.อวังน้อย เจ้าของสำนวนคดีหมิ่นประมาทว่าจะไปเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.อ.วังน้อย โดยเร็ว เนื่องจากคดีหมิ่นประมาท เป็นคดีไม่ร้ายแรง และนายสุนัย ก็เป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม พนักงานสอบสวน สภ.อ.วังน้อย จึงยอมตกลง และขอให้นายสุนัย เข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง เนื่องจากต้องมีขั้นตอนการพิมพ์ลายนิ้วมือ และเอกสารหลักฐานหลายอย่าง
นายธาริต กล่าวอีกว่า นายกิตติพงษ์ ได้กำชับว่า กระทรวงมีความห่วงใยและเห็นใจนายสุนัย มาก เนื่องจากทุกอย่างเป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่
"สมพงษ์"จวก ตร.ไม่ให้เกียรติ
ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่าตามปกติหากเจ้าหน้าที่ ตำรวจจะออกหมายจับข้าราชการระดับสูงของกระทรวงจะต้องมีหนังสือมายังกระทรวงในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด แต่กรณีนายสุนัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยติดต่อเข้ามาเลย อย่างไรก็ตาม คดีหมิ่นประมาทเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หากตรวจสอบ พบว่านายสุนัย ถูกฟ้องจากการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะมอบหมายให้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าไปดูแลว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือนายสุนัยได้อย่างไรบ้าง
ส่วนกรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องการใช้รถยนต์ของนายสุนัย ทั้งที่รับเงินค่ารถประจำตำแหน่งจากทางราชการ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ นายสุนัย ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนความผิดใดๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกหมายจับ และการสอบสวนนายสุนัย ในช่วงนี้ อาจถูก มองเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะเคยสอบสวนคดีปกปิดหุ้น เอสซี แอสเสท นายสมพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการกลั่นแกล้งหรือไม่ ตนคงแสดงความเห็นไม่ได้ เพราะเพิ่งรู้เรื่องจากสื่อ เป็นเรื่องของศาล และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคงต้องเป็นไปตามกลไกของ ศาลยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม การออกหมายจับนายสุนัย ไม่มีผลให้ต้องสั่งพักราชการ หรือ ออกจากราชการ เพราะไม่เกี่ยวกับการทำงาน การฟ้องร้องลักษณะนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การออกหมายจับทำในวันเดียวกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เดินทางไปตรวจราชการที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นั้น ตนมองว่าน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า
ป.ป.ช.ถกตั้งกก.ไต่สวน"สมัคร-ชัย"วันนี้
จากกรณีที่นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา มีความผิดปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สนับสนุนให้ ส.ส.พรรคพชลังประชาชน พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคประชาราช และ ส.ว.รวม 158 คน เข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวประโยชน์ตัวเองซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.นั้น
ล่าสุด วานนี้ (4 มิ.ย.) นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในวันนี้ (5 มิ.ย.) ตนจะนำเรื่องที่ นายวีระ สมความคิด ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีที่นายสมัคร นายชูศักดิ์ ศิรินิล และ นายชัย ตลอดจน ส.ส.และ ส.ว.158 คน ที่เข้าชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เสนอต่อที่ ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาคำร้องของนายวีระ เพื่อพิจารณาว่า เข้าหลักเกณฑ์ให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนหรือไม่
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนการกระทำผิดของนายสมัคร ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.นั้น นายศราวุธ ระบุว่า คณะอนุฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งในแต่ละเรื่องมีความคืบหน้าพอสมควร
ด้านายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ทราบเรื่องที่นายวีระ ยื่นมาให้ ป.ป.ช.ไต่สวนแล้ว เวลานี้อยู่ที่ขั้นตอนของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่จะสรุปข้อมูลส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาคำร้องต่อไป ทั้งนี้คณะกรรมการจะมีการตั้งคณะอนุกรมการขึ้นมาใต่สวนเบื้องต้นในเรื่องนี้หรือไม่นั้น คงต้องดูที่เนื้อหาคำร้องอีกครั้ง ตอนนี้คงตอบไม่ได้ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีการประชุมตามปกติในวันพฤหัสที่ 5 มิ.ย. นี้
วางระเบิดปลอมข้างบ้านพระอาทิตย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 04.30 น. วานนี้ (4 มิ.ย.) พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง สวป.สน.ชนะสงคราม รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัย บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 102/2 ถ.พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.ติดกับบ้านพระอาทิตย์ ที่ตั้งของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ นักประวัติศาสตร์ศิลปะไทย และศาสตราจารย์ประจำคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงประสานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น. มาตรวจสอบ
่เกิดเหตุ พบกระเป๋าสะพายสีดำ ยี่ห้อ KIKMAK วางอยู่บริเวณริมฟุตปาท โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 30 นาที จึงใช้ปืนแรงดันน้ำสูงยิงใส่กระเป๋าต้องสงสัยดังกล่าว จนเกิดเสียงดังสนั่น เมื่อตรวจสอบพบว่าภายในมีนาฬิกาปลุกพันด้วยสกอตเทปสีดำ 1 อัน นอกจากนี้ ยังพบถ่านไฟฉาย ขนาด 1.5 โวลต์ 6 ก้อน แต่ไม่พบเชื้อประทุหรือวัตถุระเบิดแต่อย่างใด
สอบสวน นายอภินันท์ ปั้นทอง อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสำนักงานของสถานีโทรทัศน์ช่อง ASTV ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นชายต้องสงสัย สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำ และใส่หมวกแก๊ปสีดำ เดินวนเวียนอยู่บริเวณดังกล่าวหลายรอบ ต่อมามีรถจักรยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีแดง ไม่ทราบทะเบียนขับวนเวียนไปมาประมาณ 3 รอบ จากนั้นชายคนดังกล่าวนำกระเป๋าไปวาง แล้วรีบวิ่งขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไปมุ่งหน้าไปยังท้องสนามหลวง
พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น.1กล่าวว่าง น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือต้องการข่มขู่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่กำลังชุมนุมกันอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าคนร้าย น่าจะทราบว่าบริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ และบ้านเจ้าพระยา มีกล้องทีวีวงจรปิดติดตั้งอยู่ อีกทั้งมี รปภ.เฝ้ารักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง จึงหลบเลี่ยงนำกระเป๋าไปวางไว้บริเวณหน้าบ้าน ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ แทน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"จำลอง"เผยรัฐยังไม่ติดต่อขอเจรจา
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันนี้ (4 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 11 ของการชุมนุมในช่วงเช้าเวลา 06.00-09.00 น. ได้มีการเปิดการจราจรบริเวณ ถ.เลียบคลองผดุงกรุงเกษม ให้รถได้สัญจรไปมาตามปกติ และช่วงระหว่างวันก็อนุญาตให้รถผ่านเป็นรายกรณี และได้ติดป้ายประกาศไว้ว่าจะเปิดการจราจรเวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 15.00-18.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ คอยดูแล และให้ข้อมูลกับผู้ที่สัญจรไปมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงย้ำว่า จะเดินหน้าชุมนุมต่อไป ยืนยันจะยังคงปิดการจราจรบริเวณ ถ.เลียบคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้ามาทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม และจะพิจารณาเปิดให้ผ่านทางเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่จะย้ายสถานที่การชุมนุมตามแต่สถานการณ์
"กลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมเจรจากับทุกฝ่าย หากมีข้อเสนอใดก็จะนำเข้าหารือในที่ประชุม เพื่อขอมติ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาล"
พันธมิตรฯ เดินแผนสู้รบดาวกระจาย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในวันนี้ (5 มิ.ย.) ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ เป็นแผนสู้รบดาวกระจาย โดยจัดกลุ่มมวลชน ประมาณ 200-300 คน ไปทวงถามและเยี่ยมให้กำลังใจ หน่วยงานที่ดำเนินการตรวจสอบทางกฎหมายเพื่อเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เช่น คตส. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กกต. และอัยการสูงสุด
นอกจากนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะเดินทางไปเยี่ยม ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย ที่บ้านหรือที่กระทรวงมหาดไทย รวมถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีด้วย โดยแกนนำจะรับสมัครอาสาสมัครวันต่อวัน และเลือกหัวหน้าทีม เพื่อเดินทางไปยังที่ต่างๆ โดยแกนนำ ทั้ง 5 คน จะไม่ร่วมเดินทางไปกับทีมดังกล่าวด้วย แต่ว่าการชุมนุมจะยังคงดำเนินอยู่
ทั้งนี้ สาเหตุที่พันธมิตรฯ ต้องจัดกลุ่มมวลชนไปยังที่ต่างๆ นั้นนายสุริยะใสกล่าวว่า เพราะบางครั้ง การดำเนินการเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ล่าช้าจนเกินไป โดยเฉพาะขั้นตอนก่อนส่งศาล ถือได้ว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือ ความอยุติธรรม แต่อะไรที่ตรงข้าม กับพ.ต.ท.ทักษิณ ตำรวจจะดำเนินการเร็วมาก และไม่แน่ คืนวันเสาร์-อาทิตย์ นี้ จะมีการดีเดย์ อีกครั้ง ต้องรอประกาศอีกครั้งว่าจะเป็นวันใด แต่อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ จะมีการปรับรูปแบบการมีส่วนร่วมบนเวที โดยจะมีการตั้งไมค์ลอย เพื่อให้ผู้ร่วมชุมนุมร่วมอภิปรายด้ว
อย่าเสียเวลาส่งคนมาเจรจา"จำลอง"
ส่วนกรณี ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง จะไหว้วาน พล.อ.พัลภล ปิ่นมณี และ พล.ต. มนูญกฤต รูปขจร ซึ่งเป็น จปร. รุ่น 7 รุ่นเดียวกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพื่อเจรจา หาทางยุติการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า อย่าพยายาม ให้เสียเวลา เหนื่อยเปล่า ความคิดนี้ไม่เป็นประโยชน์ ต้องการเพียงสลายการนำ ของแกนนำพันธมิตรฯ โดยคิดว่า หากเจรจากับ พล.ต. จำลองได้ แล้วแกนนำอีก 4 คน จะไม่มีปัญหา จากนั้น ประชาชนก็จะสลายไปเอง ยืนยันว่า แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน มีการแสดงความเห็นร่วมกันทุกครั้ง และที่ผ่านมาก็ไม่มีความแตกแยก หรือไม่มีเอกภาพ อย่างที่มีการปล่อยข่าว
"ความมีเอกภาพในวันนี้ มากกว่า 2 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ เรียกว่ามองตาก็รู้ใจ คนที่เสียงแข็งที่สุด ไม่อยากให้เคลื่อนก็คือ พล.ต.จำลอง เพราะ ห่วงเรื่องความปลอดภัย ทัศนคติของ ร.ต.อ. เฉลิม ที่มีต่อ พล.ต.จำลอง มีอคติ ไม่เป็นธรรม และบิดเบือน"
อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์และเสาร์นี้ ความต้องการเดิมของแกนนำ ยังต้องการ ดีเดย์อีกรอบ แต่จะเป็นวันศุกร์หรือวันเสาร์ คงต้องหารือบนเวทีอีกครั้ง นอกจากนี้ ในวันนี้ เรายังได้รับบริจาคเต้นท์เพิ่มอีก 20 หลัง พัดลมและเสื้อกันฝนจากประชาชนอีกด้วย
เตรียมปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯยังคงเป็นการจัดรายการแบบ ให้ข้อมูลมากกว่าการปราศัย ซึ่งในวันนี้ (5 มิ.ย.) เวลาประมาณ 18.00 น. จะมีการปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้เข้าใจในอุดมการณ์ ของพันธมิตรให้สังคมโลกเข้าใน โดยจะมีการเชิญนักวิชาการและสื่อต่างชาติมารับฟัง สำหรับบนเวทีพันธมิตร เมื่อเวลา 19.10 น. มีการจัดรายการเสวนาทาง วิชาการในเรื่องคดีฆ่าตัดตอนจากนโยบายการประกาศสงครามปราบปรามยาเสพติด ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน โดยมี นายประพันธ์ คูณมี อดีตสนช. และนายวสันต์ ผานิช อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นผู้ร่วมเสวนา ซึ่งแนะนำให้ญาติของผู้เสียชีวิตรวมตัวกันมาร้องเรียนขอเป็นธรรม ที่คณะกรรมการสิทธิ์ฯ เพราะคนที่เกี่ยวข้องยังคงอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถ้ากระบวนการยุติธรรมเข้มแข็งก็จะสามารถนำคนผิดเข้าคุก และโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ทุกวันนี้มีการโยกย้ายตำรวจซึ่งเป็นชั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม
นายประพันธ์ กล่าวว่า หากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เดินหน้านโยบายดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว จึงขอให้วุฒิสภา สภาทนายความ กรรมการสิทธิ์ฯ ตั้งทีมคอยให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย
"อัศวิน"โวยพันธมิตรไม่ลดราวาศอก
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กล่าวถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าตำรวจยังคงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงยืนยันปิดถนน และปักหลักในจุดเดิมไม่ยอมเคลื่อนย้ายไปไหน แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจาร้องขอแล้วหลายครั้งก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นผลพวกเขายังไม่ยอมลดราวาศอกแต่อย่างใดอยากกราบวิงวอนกลุ่มผู้ชุมนุมได้โปรดเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ใช้ถนนหนทางในบ้านนี้เมืองนี้บ้าง บริเวณสะพานมัฆวานที่มีการชุมนุมนั้น ไม่ใช่เขตปกครองพิเศษที่ใครก็ได้จะเข้ามาตั้งเป็นเมืองใหม่ พื้นที่ทุกตารางนิ้วในประเทศเป็นของคนไทย 60 ล้านคนไม่ใช่ของใครคนเดียว
ส่วนกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีนำระเบิดปลอมมาวางไว้ที่ด้านข้างสำนักพิมพ์ผู้จัดการนั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.รับผิดชอบ เบื้องต้นได้เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านเจ้าพระยา ซึ่งอ้างว่า เห็นชายต้องสงสัย มาสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมจะตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในบริเวณดังกล่าวด้วย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์มากกว่า
"เฉลิม"อ้างเตือนแล้วระวังระเบิด
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีระเบิดปลอม ข้างบ้านพระอาทิตย์ สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันว่า ไม่กล้าวิพากษ์ วิจารณ์ คิดว่าจะมีเหตุร้าย ส่วนใครทำให้คอยติดตามสถานการณ์ดีกว่า ซึ่งเชื่อว่า จะมีมาตามลำดับ และต้องมีแน่นอน
"เวลาบอกไป ก็หาว่าผมไปข่มขู่ เตือนด้วยความหวังดี เพราะว่า ผมอยู่สายข่าว มาทั้งชีวิต ผมไม่ได้โม้ เพราะว่า มีคนอยากให้มีเรื่อง ถ้าพันธมิตรฯไม่ก่อก็ต้องมีมือที่ 3 ก่อ แต่รัฐบาลไม่ทำ จะมีรัฐบาลที่ไหนปัญญาทึบสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่ก็มีคนอยากให้เกิดเรื่อง เพราะจะทำให้รัฐบาลเสียหาย ทางรัฐบาลควบคุมไม่ได้ ดูแลสถานการณ์ไม่ได้ ผมจึงเตือนมาตามลำดับว่า ใครก็เอาระเบิดไปโยน 2-3 ลูก ก็จบ ซึ่งวันนี้มีอาสาสมัครจำนวนมากอยากให้เกิด เหตุ เพราะว่าจะได้สมน้ำหน้ารัฐบาล ถ้ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น ล้มตายสัก 5-10 คนรัฐบาล ก็ลำบาก รัฐบาลห่วงตรงนี้ จึงได้นำ กำลังตำรวจไปดูแล แต่ถ้าพันธมิตรฯอยากให้บ้านเมืองสงบต้องไปชุมนุม ในที่อันเหมาะอันควร ไม่ใช่ที่ทางผ่าน เช่น ที่สวนลุมพินี ไม่ใช่มาปิดถนนอย่างนี้"
เสนอดึง"มนูญกฤต-พัลลภ"ถก"จำลอง"
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรที่ CNN นำสถานการณ์การชุมนุมในประเทศไทย ไปเผยแพร่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ธรรมดา ประเทศอื่นก็มี ถามว่า พันธมิตรฯจะเอาอย่างไรกันแน่ ใครพูดแล้วพันธมิตรฯฟัง โดยส่วนตัวแล้วตนสนิทกับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร และพล.ต.มนูญกฤต ก็สนิทกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แต่เนื่องจากเขาเป็นฝ่ายค้านคงไม่ไปเจรจากับพันธมิตรให้รัฐบาล แต่โดยส่วนตัวอาจจะช่วย และตนก็ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลด้วย
"เรื่องนี้ผมคิดได้ตอนนั่งรถมาทำงาน เมื่อเช้า พี่ลอง เฮี้ยนนัก ต้องให้พี่นูญ ไปคุยหรือไม่ก็พี่ลภ (พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี) ซึ่ง 2 คนนี้สนิทกับพี่ลอง พล.ต.มนูญกฤต ผมไม่มั่นใจ เพราะว่าอยู่ฝ้ายค้าน ท่านคงไม่ทำเพื่อรัฐบาล แต่ถ้าผมไปพูดท่านก็จะเมตตาเพราะว่ารักกัน ส่วนผมกับพี่ลภก็ชอบกัน ผมคิดสูตรง่ายๆ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมต้องรอให้นายกรัฐมนตรีสั่ง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มันน่าเกลียด ว่าทำไมต้องไปขอร้องฝ่ายค้านไปเจรจา มันก็ลำบากเหมือนกัน แต่ตนเห็นว่าทางออกมันมี แต่พันธมิตรฯ ต้องการอะไรกันแน่ จะให้รัฐบาลลาออก ได้อย่างไร เพิ่งทำงานได้แค่ 3 เดือน รัฐบาลก็มาจากการเลือกตั้ง ถ้ารัฐบาลไปเจรจา แล้วพันธมิตรฯถอนตัวอาจจะกลัวเสียเหลี่ยมก็ได้นี่ตนคิดเอง แต่ถ้าตนไปเจรจาเอง โดยไม่บอก นายกรัฐมนตรีท่านจะตำหนิได้
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรจะใช้แผนดาวกระจายและไปชุมนุมที่บ้านของตนนั้น ก็เชิญตามสบายเพราะว่าลานวัดหน้าบ้านกว้างขวางดี
"พฤติกรรมการชุมนุมเหมือนกับประเทศไทยถูกพวกผมยึดครองและประเทศไทยเป็นเมืองขึ้น ปลุกระดม หนักแผนดิน นายสนธิ ลิ้ทองกุล ก็ทุบอกปั้งๆ แต่ก็ไม่มีเหตุผลในการพูด"
ส่วนจะไปขอให้นายกรัฐมนตรีมอบอำนาจให้ไปเจรจาหรือไม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้ จะไปขอได้ไง นายกรัฐมนตรีต้องดุว่าใครเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า พล.ต.มนูญกฤตและพล.อ.พัลลภ สามารถเจรจากับพล.ต.จำลองได้ ซึ่งตนเชื่อว่าหากพล.ต.จำลองถอนตัวคนเดียว เรื่องนี้ก็จบ เพราะว่า พล.ต.จำลองมี เครดิตทางสังคม เพราะว่านายสนธิ ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าจะเสนอตัวเองเพื่อไปเจรจา หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เสนอตัวไม่ได้
นายกฯ วนรถดูบ้านพระอาทิตย์
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี วันเดียวกัน ยังคงมาทำงานที่ทำเนียบฯตามปกติ พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลใน ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็แฮปปี้ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงสายของวันเดียวกันหลังจากเชิญรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาหารือถึงการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำจนชาวนาเตรียมชุมนุม ปิดถนนประท้วง โดยที่ประชุมมีมติให้รัฐบาลรับจำนำตันละ 14,000 บาท แล้ว นายสมัคร ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯ โดยให้คนขับรถขับวนไปยังถนนพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ก่อนจะวกเข้ายังบางลำพู แล้วจอดรับประทานก๋วยเกี๋ยวหมูชื่อดังใกล้วัดชนะสงคราม
คนใกล้ชิดชี้"สมัคร"เครียดส่อถอดใจ
แหล่งข่าวคนใกล้ชิด นายสมัคร เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการณ์ วุ่นวายเมื่อ ส.ส.และ ส.ว.ร่วมกันเสนอชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ปรึกษา พรรคร่วมรัฐบาลทำให้พรรคชาติไทยแสดงความไม่พอใจ มีปัญหากรณี นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกครหามีแนวคิดอันตรายต่อสถาบัน แม้จะถูกกดดันก็ไม่ยอมลาออก จนตำรวจสรุปผลการสอบสวนว่า คำบรรยายของนายจักรภพ เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จึงยอมลาออก และต่อมามีการชุมนุมของ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสมัคร ก็ออกมาประกาศจะใช้กำลังสลายการชุมนุม จนถูกสังคมต่อต้านอย่างหนัก รวมทั้งทหาร และตำรวจ โดยประกาศจะไม่ใข้กำลังเข้าสลายการชุมนุม
แม้กระทั้ง 5 พรรคร่วมรัฐบาลต้องประชุมหารือเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย พร้อมต่อว่า นายสมัคร ทำอะไรไม่ปรึกษา จนนำมาซึ่งเงื่อนไขของพันธมิตรฯ ประชุมนุมนุบขับไล่ นายสมัคร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำอีกต่อไป ในการประกาศสลายการชุมนุม ทำให้นายสมัคร มีความเครียดอยากมาก อารมย์บูดบึ้งตลอดเวลา
แหล่งข่าวกล่าวว่าหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ นายสมัคร อาจถอดใจลาออกจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้วันจันทร์ที่ 26 พ.ค.นายสมัครกำหนดจะประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลา 14.00 น. หลังจากนายจักรภพ เพ็ญแข ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แต่นายจักรภพ ได้ขอไว้ โดยบอกว่าจะขอลาออกเองตคนเดียวกัอน ขอให้นายกรัฐมนตรีอยู่ดูสถานการณ์ต่อไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 16.00น. น. วานนี้ (4 มิ.ย.) คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ร่วมประชุมด่วนโดยมีนายนาม ยิ้มแย้มปราน คตส.เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากรณีที่ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้มีหมายเรียก คตส.ทั้ง 11 คนและนายมณเฑียร เจริญผล ฝ่ายกฎหมาย สตง.ไปพบพนักงานสอบสวนเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 มิ.ย. 2551 ซึ่งจะนำไปสู่การออกหมายจับ คตส. โดยใช้เวลานในการประชุมนานร่วม 3 ชั่วโมง
คตส.ถกด่วนกองปราบออกหมายเรียก
นายสัก กอแสงเรื่อง โฆษก คตส.แถลงหลังการประชุมว่า การประชุมนัดพิเศษครั้งนี้ สืบเนื่องจาก บริษัท สำนักงานกกหมายนิติเอกราช จำกัด ได้ส่งหนังสือแจ้งยัง คตส.เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2550 เพื่อให้ยุติการละเมิดและให้เพิกถอนการอายัดทรัพย์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตจนายกรัฐมนตรีและครอบครัว ที่ คตส. ได้มีมติอายัดแล้ว โดยระบุว่า คตส.มีเจตนามุ่งหมายเจาะจง กลั่นแกล้ง เลือกปฏิบัติ จนทำให้ครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เสียหาย ซึ่ง คตส.เห็นว่า หนังสือดังกล่าว มีข้อความหมิ่นประมาทการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส.เพราะถูกตั้งขึ้นตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งมีกฏหมายรองรับ จึงได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่17 ต.ค.2550
แต่ต่อมา สำนักงานกฏหมาย นิติเอกราช จำกัด ได้ดำเนินการแจ้งความกลับ คตส.ในข้อหาหมิ่นประมาททั้งที่รู้ว่ามิได้กระทำความผิดเกิดขึ้น เป็นเหตุให้ทาง กองปราบปรามได้ออกหมายเรียก คตส.ครั้งที่ 1ให้ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 30 พ.ค. 2551 ซึ่ง คตส.ได้ส่งเอกสารพร้อมทั้งชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่การปฏิบัติหน้าที่ของ คตส.ตามกฎหมายให้ตำรวจกองปราบปราบทราบเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2551 กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ตำรวจกองปราบได้ออกหมายเรียกให้ คตส.ทั้ง 11 คน ไปพบพนักงานสอบสวนครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 มิ.ย. 2551 ซึ่งจะนำไปสู่การออกหมายจับ หาก คตส.ไม่ยอมไปพบ พนักงานสอบสวน
ทำหนังสือถึงนายกฯแจ้ง ตร.ทำไม่ถูกต้อง
นายสัก กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. เกิดขึ้นตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส.ทุกครั้งได้มีการชี้แจงเหตุผล การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างได ดังนั้นในที่ประชุมจึงมีมติทำหนังสือไปถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ คตส. และผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งหรือมติของ คตส.เพื่อได้โปรดพิจารณาสั่งการ และรักษาไว้ซึ่งความถูกต้อง พร้อมทั้งทำหนังสือถึงผู้บังคับการกองปราบปรามว่า คตส. ทั้ง 11 คนจะไม่ไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่จะมีการนำส่งเอกสารหลักฐานมาประกอบการพิจารณาแทนการให้ปากคำด้วยวาจา และจะได้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดต่อศาลที่มีอำนาจต่อไป
ตั้งทนายสู้ออกหมายจับ
ขณะเดียวกันจะขอให้ศาลแจ้งให้ถูกออกหมายทราบในกรณีที่มีการยื่นร้อง ขอออกหมายจับ โดยจะแต่งตั้งทนายความเข้ามาซักถามความเห็น ข้อเท็จจริงการกระทำหน้าที่ต่อไป เพราะ คตส.ไม่มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
นายสัก กล่าวว่า นอกจากนี้ คตส.ยังทำหนังสือถึง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อธิบดีผู้พิพากษาศาลกรุงเทพ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาธนบุรี ผู้พิพากษาศาลพระโขนง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตลิงชัน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระนครเหนือ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดุสิต ผู้พิพากษาศาลแขวงพระนครใต้ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงธนบุรี อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 เพื่อแจ้งให้ทราบว่าหากพนักงานสอบสวนมีคำร้อง ขอออกหมายจับ คตส. และพวก ทาง คตส.มีความประสงค์ที่จะแต่งตั้งทนายความในชั้นไต่สวนคำร้องขอออกหมายจับของพนักงานสอบสวน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมของคดีต่อไป
ทั้งนี้เนื่องจาก คตส.ไม่มีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สอบสวน จึงต้องขอข้อเท็จจริงให้ศาลมีอำนาจออกหมายอาญา เพราะไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินการขอหมายที่ศาลใด
ให้สังคมตัดสินการเมืองสั่งเข็คบิลหรือไม่
โฆษก คตส.กล่าวว่า สุดท้ายย คตส.ยังได้มีหนังสือถึง พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตเลขาธิการ คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลญาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตผู้ช่วย คมช. พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ส.ส.อดีตสมาชิก คมช. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.อดีตผู้ช่วย เลขา คมช. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.อดีต รักษาการประธาน คมช. พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.อดีตสมาชิก คมช. และพล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กรณีที่ คตส.ตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีหมิ่นประมาทของกองปราบปราม เพราะตามประกาศ คปค.ที่ 30 ได้แต่งตั้ง คตส.ขึ้นมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ในการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ แต่ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้ใช้อำนาจบิดเบือนกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้รับทราบในการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน คตส.ยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่และยืนหยัดทำหน้าที่จนถึงนาทีสุดท้าย ตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของกองปราบปราม เป็นกระบวนการเช็คบิล คตส. หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ เพราะทุกคนก็คิดเอาเองได้ เนื่องจาก คตส. ได้มีการแจ้งความต่อกองปราบปราม กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ขัดหมายเรียก ไม่ให้ความร่วมมือกับ คตส. แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบผลความคืบหน้าแม้แต่คดีเดียว แต่เมื่อ คตส.ถูกแจ้งกลับเจ้าหน้าที่กองปราบกลับดำเนินคดีออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง เพื่อจุดมุ่งหมายนำไปสู่การออกหมายจับในที่สุด ดังนั้นสังคมจะเป็นผู้ตัดสิน การปฏิบัติหน้าที่ต่อเจ้าพนักงาน คตส.คงบอกไม่ได้ว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
ตำรวจวังน้อยเสนอออกหมายจับ"สุนัย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา สภ.อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขอให้ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามที่ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าแจ้งความดำเนินคดีนายสุนัย ฐานหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือห้น บริษัท เอสซี เอสเสท ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ดีเอสไอ ที่ห้ามไม่ให้พนักงานสอบสวนให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่อ้าง หรือยืนยันว่าผู้ต้องหากระทำผิด ซึ่งศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้อนุมัติหมายจับดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.อ.วังน้อย เตรียมนำหมายจับเข้าจับกุมนายสุนัย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างเดินทางกลับจากการปฎิบัติภารกิจประเทศเยอรมัน วานนี้ (4 พ.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุนัย ได้เดินทางถึงประเทศไทยในช่วงบ่าย โดยมีนายทหารติดชุดเต็มยศเดินทางไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมพาตัวกลับบ้านทันที เพราะหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวและมีหมายจับก็จะต้องจับตัวนายสุนัยที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทันที
ก.ยุติธรรมเข้าช่วยเหลือ"สุนัย"
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดี ดีเอสไอซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดูแลคดีที่ นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ถูกออกหมายจับในข้อหาหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยว่า ก่อนที่นายสุนัย จะกลับถึงประเทศไทย ได้มอบหมายให้คนใกล้ชิดประสานไปยังพนักงานสอบสวน สภ.อวังน้อย เจ้าของสำนวนคดีหมิ่นประมาทว่าจะไปเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.อ.วังน้อย โดยเร็ว เนื่องจากคดีหมิ่นประมาท เป็นคดีไม่ร้ายแรง และนายสุนัย ก็เป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม พนักงานสอบสวน สภ.อ.วังน้อย จึงยอมตกลง และขอให้นายสุนัย เข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง เนื่องจากต้องมีขั้นตอนการพิมพ์ลายนิ้วมือ และเอกสารหลักฐานหลายอย่าง
นายธาริต กล่าวอีกว่า นายกิตติพงษ์ ได้กำชับว่า กระทรวงมีความห่วงใยและเห็นใจนายสุนัย มาก เนื่องจากทุกอย่างเป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่
"สมพงษ์"จวก ตร.ไม่ให้เกียรติ
ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่าตามปกติหากเจ้าหน้าที่ ตำรวจจะออกหมายจับข้าราชการระดับสูงของกระทรวงจะต้องมีหนังสือมายังกระทรวงในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด แต่กรณีนายสุนัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยติดต่อเข้ามาเลย อย่างไรก็ตาม คดีหมิ่นประมาทเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หากตรวจสอบ พบว่านายสุนัย ถูกฟ้องจากการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะมอบหมายให้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าไปดูแลว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือนายสุนัยได้อย่างไรบ้าง
ส่วนกรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องการใช้รถยนต์ของนายสุนัย ทั้งที่รับเงินค่ารถประจำตำแหน่งจากทางราชการ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ นายสุนัย ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนความผิดใดๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกหมายจับ และการสอบสวนนายสุนัย ในช่วงนี้ อาจถูก มองเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะเคยสอบสวนคดีปกปิดหุ้น เอสซี แอสเสท นายสมพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการกลั่นแกล้งหรือไม่ ตนคงแสดงความเห็นไม่ได้ เพราะเพิ่งรู้เรื่องจากสื่อ เป็นเรื่องของศาล และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคงต้องเป็นไปตามกลไกของ ศาลยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม การออกหมายจับนายสุนัย ไม่มีผลให้ต้องสั่งพักราชการ หรือ ออกจากราชการ เพราะไม่เกี่ยวกับการทำงาน การฟ้องร้องลักษณะนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การออกหมายจับทำในวันเดียวกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เดินทางไปตรวจราชการที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นั้น ตนมองว่าน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า
ป.ป.ช.ถกตั้งกก.ไต่สวน"สมัคร-ชัย"วันนี้
จากกรณีที่นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา มีความผิดปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สนับสนุนให้ ส.ส.พรรคพชลังประชาชน พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคประชาราช และ ส.ว.รวม 158 คน เข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวประโยชน์ตัวเองซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.นั้น
ล่าสุด วานนี้ (4 มิ.ย.) นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในวันนี้ (5 มิ.ย.) ตนจะนำเรื่องที่ นายวีระ สมความคิด ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีที่นายสมัคร นายชูศักดิ์ ศิรินิล และ นายชัย ตลอดจน ส.ส.และ ส.ว.158 คน ที่เข้าชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เสนอต่อที่ ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาคำร้องของนายวีระ เพื่อพิจารณาว่า เข้าหลักเกณฑ์ให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนหรือไม่
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนการกระทำผิดของนายสมัคร ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.นั้น นายศราวุธ ระบุว่า คณะอนุฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งในแต่ละเรื่องมีความคืบหน้าพอสมควร
ด้านายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ทราบเรื่องที่นายวีระ ยื่นมาให้ ป.ป.ช.ไต่สวนแล้ว เวลานี้อยู่ที่ขั้นตอนของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่จะสรุปข้อมูลส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาคำร้องต่อไป ทั้งนี้คณะกรรมการจะมีการตั้งคณะอนุกรมการขึ้นมาใต่สวนเบื้องต้นในเรื่องนี้หรือไม่นั้น คงต้องดูที่เนื้อหาคำร้องอีกครั้ง ตอนนี้คงตอบไม่ได้ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีการประชุมตามปกติในวันพฤหัสที่ 5 มิ.ย. นี้
วางระเบิดปลอมข้างบ้านพระอาทิตย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 04.30 น. วานนี้ (4 มิ.ย.) พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง สวป.สน.ชนะสงคราม รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัย บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 102/2 ถ.พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.ติดกับบ้านพระอาทิตย์ ที่ตั้งของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ นักประวัติศาสตร์ศิลปะไทย และศาสตราจารย์ประจำคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงประสานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น. มาตรวจสอบ
่เกิดเหตุ พบกระเป๋าสะพายสีดำ ยี่ห้อ KIKMAK วางอยู่บริเวณริมฟุตปาท โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 30 นาที จึงใช้ปืนแรงดันน้ำสูงยิงใส่กระเป๋าต้องสงสัยดังกล่าว จนเกิดเสียงดังสนั่น เมื่อตรวจสอบพบว่าภายในมีนาฬิกาปลุกพันด้วยสกอตเทปสีดำ 1 อัน นอกจากนี้ ยังพบถ่านไฟฉาย ขนาด 1.5 โวลต์ 6 ก้อน แต่ไม่พบเชื้อประทุหรือวัตถุระเบิดแต่อย่างใด
สอบสวน นายอภินันท์ ปั้นทอง อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสำนักงานของสถานีโทรทัศน์ช่อง ASTV ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นชายต้องสงสัย สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำ และใส่หมวกแก๊ปสีดำ เดินวนเวียนอยู่บริเวณดังกล่าวหลายรอบ ต่อมามีรถจักรยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีแดง ไม่ทราบทะเบียนขับวนเวียนไปมาประมาณ 3 รอบ จากนั้นชายคนดังกล่าวนำกระเป๋าไปวาง แล้วรีบวิ่งขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไปมุ่งหน้าไปยังท้องสนามหลวง
พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น.1กล่าวว่าง น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือต้องการข่มขู่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่กำลังชุมนุมกันอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าคนร้าย น่าจะทราบว่าบริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ และบ้านเจ้าพระยา มีกล้องทีวีวงจรปิดติดตั้งอยู่ อีกทั้งมี รปภ.เฝ้ารักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง จึงหลบเลี่ยงนำกระเป๋าไปวางไว้บริเวณหน้าบ้าน ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ แทน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"จำลอง"เผยรัฐยังไม่ติดต่อขอเจรจา
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันนี้ (4 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 11 ของการชุมนุมในช่วงเช้าเวลา 06.00-09.00 น. ได้มีการเปิดการจราจรบริเวณ ถ.เลียบคลองผดุงกรุงเกษม ให้รถได้สัญจรไปมาตามปกติ และช่วงระหว่างวันก็อนุญาตให้รถผ่านเป็นรายกรณี และได้ติดป้ายประกาศไว้ว่าจะเปิดการจราจรเวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 15.00-18.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ คอยดูแล และให้ข้อมูลกับผู้ที่สัญจรไปมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงย้ำว่า จะเดินหน้าชุมนุมต่อไป ยืนยันจะยังคงปิดการจราจรบริเวณ ถ.เลียบคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้ามาทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม และจะพิจารณาเปิดให้ผ่านทางเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่จะย้ายสถานที่การชุมนุมตามแต่สถานการณ์
"กลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมเจรจากับทุกฝ่าย หากมีข้อเสนอใดก็จะนำเข้าหารือในที่ประชุม เพื่อขอมติ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาล"
พันธมิตรฯ เดินแผนสู้รบดาวกระจาย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในวันนี้ (5 มิ.ย.) ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ เป็นแผนสู้รบดาวกระจาย โดยจัดกลุ่มมวลชน ประมาณ 200-300 คน ไปทวงถามและเยี่ยมให้กำลังใจ หน่วยงานที่ดำเนินการตรวจสอบทางกฎหมายเพื่อเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เช่น คตส. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กกต. และอัยการสูงสุด
นอกจากนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะเดินทางไปเยี่ยม ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย ที่บ้านหรือที่กระทรวงมหาดไทย รวมถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีด้วย โดยแกนนำจะรับสมัครอาสาสมัครวันต่อวัน และเลือกหัวหน้าทีม เพื่อเดินทางไปยังที่ต่างๆ โดยแกนนำ ทั้ง 5 คน จะไม่ร่วมเดินทางไปกับทีมดังกล่าวด้วย แต่ว่าการชุมนุมจะยังคงดำเนินอยู่
ทั้งนี้ สาเหตุที่พันธมิตรฯ ต้องจัดกลุ่มมวลชนไปยังที่ต่างๆ นั้นนายสุริยะใสกล่าวว่า เพราะบางครั้ง การดำเนินการเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ล่าช้าจนเกินไป โดยเฉพาะขั้นตอนก่อนส่งศาล ถือได้ว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือ ความอยุติธรรม แต่อะไรที่ตรงข้าม กับพ.ต.ท.ทักษิณ ตำรวจจะดำเนินการเร็วมาก และไม่แน่ คืนวันเสาร์-อาทิตย์ นี้ จะมีการดีเดย์ อีกครั้ง ต้องรอประกาศอีกครั้งว่าจะเป็นวันใด แต่อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ จะมีการปรับรูปแบบการมีส่วนร่วมบนเวที โดยจะมีการตั้งไมค์ลอย เพื่อให้ผู้ร่วมชุมนุมร่วมอภิปรายด้ว
อย่าเสียเวลาส่งคนมาเจรจา"จำลอง"
ส่วนกรณี ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง จะไหว้วาน พล.อ.พัลภล ปิ่นมณี และ พล.ต. มนูญกฤต รูปขจร ซึ่งเป็น จปร. รุ่น 7 รุ่นเดียวกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพื่อเจรจา หาทางยุติการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า อย่าพยายาม ให้เสียเวลา เหนื่อยเปล่า ความคิดนี้ไม่เป็นประโยชน์ ต้องการเพียงสลายการนำ ของแกนนำพันธมิตรฯ โดยคิดว่า หากเจรจากับ พล.ต. จำลองได้ แล้วแกนนำอีก 4 คน จะไม่มีปัญหา จากนั้น ประชาชนก็จะสลายไปเอง ยืนยันว่า แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน มีการแสดงความเห็นร่วมกันทุกครั้ง และที่ผ่านมาก็ไม่มีความแตกแยก หรือไม่มีเอกภาพ อย่างที่มีการปล่อยข่าว
"ความมีเอกภาพในวันนี้ มากกว่า 2 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ เรียกว่ามองตาก็รู้ใจ คนที่เสียงแข็งที่สุด ไม่อยากให้เคลื่อนก็คือ พล.ต.จำลอง เพราะ ห่วงเรื่องความปลอดภัย ทัศนคติของ ร.ต.อ. เฉลิม ที่มีต่อ พล.ต.จำลอง มีอคติ ไม่เป็นธรรม และบิดเบือน"
อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์และเสาร์นี้ ความต้องการเดิมของแกนนำ ยังต้องการ ดีเดย์อีกรอบ แต่จะเป็นวันศุกร์หรือวันเสาร์ คงต้องหารือบนเวทีอีกครั้ง นอกจากนี้ ในวันนี้ เรายังได้รับบริจาคเต้นท์เพิ่มอีก 20 หลัง พัดลมและเสื้อกันฝนจากประชาชนอีกด้วย
เตรียมปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯยังคงเป็นการจัดรายการแบบ ให้ข้อมูลมากกว่าการปราศัย ซึ่งในวันนี้ (5 มิ.ย.) เวลาประมาณ 18.00 น. จะมีการปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้เข้าใจในอุดมการณ์ ของพันธมิตรให้สังคมโลกเข้าใน โดยจะมีการเชิญนักวิชาการและสื่อต่างชาติมารับฟัง สำหรับบนเวทีพันธมิตร เมื่อเวลา 19.10 น. มีการจัดรายการเสวนาทาง วิชาการในเรื่องคดีฆ่าตัดตอนจากนโยบายการประกาศสงครามปราบปรามยาเสพติด ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน โดยมี นายประพันธ์ คูณมี อดีตสนช. และนายวสันต์ ผานิช อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นผู้ร่วมเสวนา ซึ่งแนะนำให้ญาติของผู้เสียชีวิตรวมตัวกันมาร้องเรียนขอเป็นธรรม ที่คณะกรรมการสิทธิ์ฯ เพราะคนที่เกี่ยวข้องยังคงอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถ้ากระบวนการยุติธรรมเข้มแข็งก็จะสามารถนำคนผิดเข้าคุก และโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ทุกวันนี้มีการโยกย้ายตำรวจซึ่งเป็นชั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม
นายประพันธ์ กล่าวว่า หากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เดินหน้านโยบายดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว จึงขอให้วุฒิสภา สภาทนายความ กรรมการสิทธิ์ฯ ตั้งทีมคอยให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย
"อัศวิน"โวยพันธมิตรไม่ลดราวาศอก
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กล่าวถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าตำรวจยังคงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงยืนยันปิดถนน และปักหลักในจุดเดิมไม่ยอมเคลื่อนย้ายไปไหน แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจาร้องขอแล้วหลายครั้งก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นผลพวกเขายังไม่ยอมลดราวาศอกแต่อย่างใดอยากกราบวิงวอนกลุ่มผู้ชุมนุมได้โปรดเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ใช้ถนนหนทางในบ้านนี้เมืองนี้บ้าง บริเวณสะพานมัฆวานที่มีการชุมนุมนั้น ไม่ใช่เขตปกครองพิเศษที่ใครก็ได้จะเข้ามาตั้งเป็นเมืองใหม่ พื้นที่ทุกตารางนิ้วในประเทศเป็นของคนไทย 60 ล้านคนไม่ใช่ของใครคนเดียว
ส่วนกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีนำระเบิดปลอมมาวางไว้ที่ด้านข้างสำนักพิมพ์ผู้จัดการนั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.รับผิดชอบ เบื้องต้นได้เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านเจ้าพระยา ซึ่งอ้างว่า เห็นชายต้องสงสัย มาสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมจะตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในบริเวณดังกล่าวด้วย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์มากกว่า
"เฉลิม"อ้างเตือนแล้วระวังระเบิด
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีระเบิดปลอม ข้างบ้านพระอาทิตย์ สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันว่า ไม่กล้าวิพากษ์ วิจารณ์ คิดว่าจะมีเหตุร้าย ส่วนใครทำให้คอยติดตามสถานการณ์ดีกว่า ซึ่งเชื่อว่า จะมีมาตามลำดับ และต้องมีแน่นอน
"เวลาบอกไป ก็หาว่าผมไปข่มขู่ เตือนด้วยความหวังดี เพราะว่า ผมอยู่สายข่าว มาทั้งชีวิต ผมไม่ได้โม้ เพราะว่า มีคนอยากให้มีเรื่อง ถ้าพันธมิตรฯไม่ก่อก็ต้องมีมือที่ 3 ก่อ แต่รัฐบาลไม่ทำ จะมีรัฐบาลที่ไหนปัญญาทึบสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่ก็มีคนอยากให้เกิดเรื่อง เพราะจะทำให้รัฐบาลเสียหาย ทางรัฐบาลควบคุมไม่ได้ ดูแลสถานการณ์ไม่ได้ ผมจึงเตือนมาตามลำดับว่า ใครก็เอาระเบิดไปโยน 2-3 ลูก ก็จบ ซึ่งวันนี้มีอาสาสมัครจำนวนมากอยากให้เกิด เหตุ เพราะว่าจะได้สมน้ำหน้ารัฐบาล ถ้ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น ล้มตายสัก 5-10 คนรัฐบาล ก็ลำบาก รัฐบาลห่วงตรงนี้ จึงได้นำ กำลังตำรวจไปดูแล แต่ถ้าพันธมิตรฯอยากให้บ้านเมืองสงบต้องไปชุมนุม ในที่อันเหมาะอันควร ไม่ใช่ที่ทางผ่าน เช่น ที่สวนลุมพินี ไม่ใช่มาปิดถนนอย่างนี้"
เสนอดึง"มนูญกฤต-พัลลภ"ถก"จำลอง"
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรที่ CNN นำสถานการณ์การชุมนุมในประเทศไทย ไปเผยแพร่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ธรรมดา ประเทศอื่นก็มี ถามว่า พันธมิตรฯจะเอาอย่างไรกันแน่ ใครพูดแล้วพันธมิตรฯฟัง โดยส่วนตัวแล้วตนสนิทกับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร และพล.ต.มนูญกฤต ก็สนิทกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แต่เนื่องจากเขาเป็นฝ่ายค้านคงไม่ไปเจรจากับพันธมิตรให้รัฐบาล แต่โดยส่วนตัวอาจจะช่วย และตนก็ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลด้วย
"เรื่องนี้ผมคิดได้ตอนนั่งรถมาทำงาน เมื่อเช้า พี่ลอง เฮี้ยนนัก ต้องให้พี่นูญ ไปคุยหรือไม่ก็พี่ลภ (พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี) ซึ่ง 2 คนนี้สนิทกับพี่ลอง พล.ต.มนูญกฤต ผมไม่มั่นใจ เพราะว่าอยู่ฝ้ายค้าน ท่านคงไม่ทำเพื่อรัฐบาล แต่ถ้าผมไปพูดท่านก็จะเมตตาเพราะว่ารักกัน ส่วนผมกับพี่ลภก็ชอบกัน ผมคิดสูตรง่ายๆ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมต้องรอให้นายกรัฐมนตรีสั่ง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มันน่าเกลียด ว่าทำไมต้องไปขอร้องฝ่ายค้านไปเจรจา มันก็ลำบากเหมือนกัน แต่ตนเห็นว่าทางออกมันมี แต่พันธมิตรฯ ต้องการอะไรกันแน่ จะให้รัฐบาลลาออก ได้อย่างไร เพิ่งทำงานได้แค่ 3 เดือน รัฐบาลก็มาจากการเลือกตั้ง ถ้ารัฐบาลไปเจรจา แล้วพันธมิตรฯถอนตัวอาจจะกลัวเสียเหลี่ยมก็ได้นี่ตนคิดเอง แต่ถ้าตนไปเจรจาเอง โดยไม่บอก นายกรัฐมนตรีท่านจะตำหนิได้
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรจะใช้แผนดาวกระจายและไปชุมนุมที่บ้านของตนนั้น ก็เชิญตามสบายเพราะว่าลานวัดหน้าบ้านกว้างขวางดี
"พฤติกรรมการชุมนุมเหมือนกับประเทศไทยถูกพวกผมยึดครองและประเทศไทยเป็นเมืองขึ้น ปลุกระดม หนักแผนดิน นายสนธิ ลิ้ทองกุล ก็ทุบอกปั้งๆ แต่ก็ไม่มีเหตุผลในการพูด"
ส่วนจะไปขอให้นายกรัฐมนตรีมอบอำนาจให้ไปเจรจาหรือไม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้ จะไปขอได้ไง นายกรัฐมนตรีต้องดุว่าใครเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า พล.ต.มนูญกฤตและพล.อ.พัลลภ สามารถเจรจากับพล.ต.จำลองได้ ซึ่งตนเชื่อว่าหากพล.ต.จำลองถอนตัวคนเดียว เรื่องนี้ก็จบ เพราะว่า พล.ต.จำลองมี เครดิตทางสังคม เพราะว่านายสนธิ ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าจะเสนอตัวเองเพื่อไปเจรจา หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เสนอตัวไม่ได้
นายกฯ วนรถดูบ้านพระอาทิตย์
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี วันเดียวกัน ยังคงมาทำงานที่ทำเนียบฯตามปกติ พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลใน ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็แฮปปี้ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงสายของวันเดียวกันหลังจากเชิญรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาหารือถึงการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำจนชาวนาเตรียมชุมนุม ปิดถนนประท้วง โดยที่ประชุมมีมติให้รัฐบาลรับจำนำตันละ 14,000 บาท แล้ว นายสมัคร ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯ โดยให้คนขับรถขับวนไปยังถนนพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ก่อนจะวกเข้ายังบางลำพู แล้วจอดรับประทานก๋วยเกี๋ยวหมูชื่อดังใกล้วัดชนะสงคราม
คนใกล้ชิดชี้"สมัคร"เครียดส่อถอดใจ
แหล่งข่าวคนใกล้ชิด นายสมัคร เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการณ์ วุ่นวายเมื่อ ส.ส.และ ส.ว.ร่วมกันเสนอชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ปรึกษา พรรคร่วมรัฐบาลทำให้พรรคชาติไทยแสดงความไม่พอใจ มีปัญหากรณี นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกครหามีแนวคิดอันตรายต่อสถาบัน แม้จะถูกกดดันก็ไม่ยอมลาออก จนตำรวจสรุปผลการสอบสวนว่า คำบรรยายของนายจักรภพ เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จึงยอมลาออก และต่อมามีการชุมนุมของ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสมัคร ก็ออกมาประกาศจะใช้กำลังสลายการชุมนุม จนถูกสังคมต่อต้านอย่างหนัก รวมทั้งทหาร และตำรวจ โดยประกาศจะไม่ใข้กำลังเข้าสลายการชุมนุม
แม้กระทั้ง 5 พรรคร่วมรัฐบาลต้องประชุมหารือเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย พร้อมต่อว่า นายสมัคร ทำอะไรไม่ปรึกษา จนนำมาซึ่งเงื่อนไขของพันธมิตรฯ ประชุมนุมนุบขับไล่ นายสมัคร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำอีกต่อไป ในการประกาศสลายการชุมนุม ทำให้นายสมัคร มีความเครียดอยากมาก อารมย์บูดบึ้งตลอดเวลา
แหล่งข่าวกล่าวว่าหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ นายสมัคร อาจถอดใจลาออกจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้วันจันทร์ที่ 26 พ.ค.นายสมัครกำหนดจะประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลา 14.00 น. หลังจากนายจักรภพ เพ็ญแข ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แต่นายจักรภพ ได้ขอไว้ โดยบอกว่าจะขอลาออกเองตคนเดียวกัอน ขอให้นายกรัฐมนตรีอยู่ดูสถานการณ์ต่อไปก่อน