ผู้จัดการรายวัน – สหพัฒนพิบูล แก้เกมบะหมี่ซองมาร์จิ้นน้อย ลุยปั้น “มาม่าซูเปอร์ โบวล์” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียม ราคา 39 บาท พร้อมเพิ่มตัวแทนจำหน่ายย่อยแก้เกมต้นทุนการผลิตพุ่ง โชว์ 5 เดือน ยอดขายโตพรวด 10%
นางเพ็ญนภา ธนสารศิลป์ กรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า ผลพวงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขอขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบรรจุภัณฑ์ซองทำได้ยาก หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นไปแล้วจาก 5 บาท เพิ่มเป็น 6 บาท ดังนั้นขณะนี้บริษัทฯได้วางแผนเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ซูเปอร์โบวล์ ลงสู่ตลาด โดยเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูประดับพรีเมียมจำหน่ายราคา 39 บาท
ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบิ๊กโบวล์ จำหน่ายราคา 29 บาทจะนำออกจากตลาดไป ทั้งนี้การเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย และขณะเดียวกันก็ต้องการอาหารที่มีคุณค่ามากขึ้น โดยนำร่อง 2 รสชาติ ได้แก่ รสต้มยำขาหมู และแกงกะหรี่หมู นอกจากนี้บริษัทยังได้เปิดจุดย่อยตัวแทนจำหน่ายให้มากขึ้น จากเดิมในเครือจะมีตัวแทนจำหน่าย 60-70 รายทั่วประเทศ เพื่อลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า
ส่วนด้านราคาสินค้าปีนี้ยังไม่มีแผนปรับราคาขึ้น หากวัตถุดิบการผลิตโดยเฉพาะแป้งสาลียังไม่ขึ้นราคาไปมากกว่านี้ ขณะที่ปัญหาภาวะเงินเฟ้อแม้ว่าปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักแต่ไม่ได้กังวล เพราะมองว่าผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าที่จะเป็นและตัดสินค้าที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ออกไป ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่มาม่าไม่ได้รับผลกระทบ แต่กลับได้รับอานิสงส์เนื่องจากเป็นอาหารที่ถูกไม่แพงราคา 6 บาท จึงส่งผลให้มาม่าในช่วง 5 เดือน มีอัตราการเติบโต 10%
แนวโน้มการแข่งขันตลาดอุปโภคบริโภคหันมาทำโปรโมชันอย่างรุนแรง เนื่องจากต้องการแย่งกำลังการซื้อของผู้บริโภค โดยพบว่า เครื่องดื่มชา กาแฟ นมพร้อมดื่ม รวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจัดรายการ ลด แลก แจก แถม สำหรับมาม่าที่ผ่านมามีการจัดโปรโมชันแจกทองเป็นประจำทุกปี ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังมองว่าไม่มีปัจจัยที่น่ากังวล แม้ว่าจะมีปัจจัยลบต่างๆนานา แต่บริษัทกลับมองว่าเป็นผลดีต่อตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งภายในปีนี้บริษัทก็ยังมีแผนที่จะเปิดตัวรสชาติใหม่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซอง เพื่อสร้างสีสันทางตลาดและกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง
“ ปีนี้จะมุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิตเป็นหลัก ส่วนต้นทุนจากการขนส่งไม่กังวลมากนัก เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% แต่ทางบริษัทจะหันใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น” นางเพ็ญนภา กล่าว
นางเพ็ญนภา ธนสารศิลป์ กรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า ผลพวงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขอขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบรรจุภัณฑ์ซองทำได้ยาก หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นไปแล้วจาก 5 บาท เพิ่มเป็น 6 บาท ดังนั้นขณะนี้บริษัทฯได้วางแผนเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ซูเปอร์โบวล์ ลงสู่ตลาด โดยเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูประดับพรีเมียมจำหน่ายราคา 39 บาท
ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบิ๊กโบวล์ จำหน่ายราคา 29 บาทจะนำออกจากตลาดไป ทั้งนี้การเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย และขณะเดียวกันก็ต้องการอาหารที่มีคุณค่ามากขึ้น โดยนำร่อง 2 รสชาติ ได้แก่ รสต้มยำขาหมู และแกงกะหรี่หมู นอกจากนี้บริษัทยังได้เปิดจุดย่อยตัวแทนจำหน่ายให้มากขึ้น จากเดิมในเครือจะมีตัวแทนจำหน่าย 60-70 รายทั่วประเทศ เพื่อลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า
ส่วนด้านราคาสินค้าปีนี้ยังไม่มีแผนปรับราคาขึ้น หากวัตถุดิบการผลิตโดยเฉพาะแป้งสาลียังไม่ขึ้นราคาไปมากกว่านี้ ขณะที่ปัญหาภาวะเงินเฟ้อแม้ว่าปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักแต่ไม่ได้กังวล เพราะมองว่าผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าที่จะเป็นและตัดสินค้าที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ออกไป ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่มาม่าไม่ได้รับผลกระทบ แต่กลับได้รับอานิสงส์เนื่องจากเป็นอาหารที่ถูกไม่แพงราคา 6 บาท จึงส่งผลให้มาม่าในช่วง 5 เดือน มีอัตราการเติบโต 10%
แนวโน้มการแข่งขันตลาดอุปโภคบริโภคหันมาทำโปรโมชันอย่างรุนแรง เนื่องจากต้องการแย่งกำลังการซื้อของผู้บริโภค โดยพบว่า เครื่องดื่มชา กาแฟ นมพร้อมดื่ม รวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจัดรายการ ลด แลก แจก แถม สำหรับมาม่าที่ผ่านมามีการจัดโปรโมชันแจกทองเป็นประจำทุกปี ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังมองว่าไม่มีปัจจัยที่น่ากังวล แม้ว่าจะมีปัจจัยลบต่างๆนานา แต่บริษัทกลับมองว่าเป็นผลดีต่อตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งภายในปีนี้บริษัทก็ยังมีแผนที่จะเปิดตัวรสชาติใหม่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซอง เพื่อสร้างสีสันทางตลาดและกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง
“ ปีนี้จะมุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิตเป็นหลัก ส่วนต้นทุนจากการขนส่งไม่กังวลมากนัก เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% แต่ทางบริษัทจะหันใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น” นางเพ็ญนภา กล่าว