xs
xsm
sm
md
lg

ประชามติมัฆวานฯ ไล่ "รัฐบาลหมัก"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"พันธมิตรฯ" ขอมติประชาชนเรือนแสนที่มาร่วมการชุมนุม ก่อนประกาศยกระดับสู่การ "โค่นระบอบทักษิณ ไล่รัฐบาลอันธพาลหุ่นเชิด" ที่ยังมีพฤติกรรมสานต่อการคอร์รัปชั่น และฉ้อฉลทุกรูปแบบของระบอบทักษิณ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาความยากจน แทรกแซงสื่อมวลชน และกระบวนการยุติธรรม ใช้เผด็จการรัฐสภาแก้ รธน. เพื่อลบล้างความผิดตัวเอง ย้ำชัด "แม้ว"ยังบงการอยู่เบื้องหลัง เพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐขยายอำนาจทุนสามานย์สร้างความมั่งคั่งให้ตัวเอง "หมัก"ลั่นต้องยึดถนนราชดำเนินคืนภายใน 7 วัน จัดการพันธมิตรฯ ตามกฎหมาย สั่ง NBT ออกรายการสดเช้าวันนี้

การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยประชาชนเรือนแสน ที่หลั่งไหลมาจากทุกภูมิภาคของประเทศ ที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก เมื่อวานนี้ (30พ.ค.) เป็นไปด้วยความคึกคัก ตั้งแต่ช่วงบ่าย จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.10 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยแกนนำอีก 4 คน ได้ขึ้นบนเวที เพื่ออ่านแถลงการณ์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 11/2551 เรื่อง "โค่นระบอบทักษิณ ไล่รัฐบาลอันธพาลหุ่นเชิด” มีเนื้อหาชี้ให้เห็นถึงความบกพร่อง การฉ้อฉล การไร้จริยธรรม ของรัฐบาลหุ่นเชิด ภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช และนักการเมืองในระบอบทักษิณ

จากนั้น ได้ขอประชามติจากประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม ในการยกระดับการต่อสู้ เพื่อโค่นล้ม ระบอบทักษิณ และขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พันธมิตร ประกาศยกระดับการชุมนุมสู่การขับไล่รัฐบาลนั้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นการพิเศษ ที่พรรคพลังประชาชน โดยหลังการประชุม นายสมัคร ได้เดินทางออกจากที่ทำการพรรค ท่ามกลางการอารักขาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อย่างเข้มงวด และมากเป็นพิเศษ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆแม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามสอบถามถึงเรื่องที่กลุ่มพันธมิตรประกาศขับไล่รัฐบาล

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายสมัคร ได้กล่าวในที่ประชุมว่า สัปดาห์หน้า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯจะต้องจบ และจะต้องนำถนนราชดำเนินกลับคืนมาให้ได้

"หมัก" ออกรายการสด NBT เช้าวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัครได้มีหนังสือไปยังกรมประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที แจ้งให้ทราบว่า ในวันนี้( 31 พ.ค. ) เวลา 09.00-10.00 น. นายสมัคร จะพูดออกอากาศสด เรื่อง "จุดยืนของรัฐบาลต่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ" ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเงื่อนไขการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่แต่เดิมเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจี้ให้ปลดนายจักรภพ เพ็ญแข จากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองเงื่อนไขดังกล่าวได้บรรลุแล้ว แต่กลุ่มพันธมิตรฯยังไม่เลิกชุมนุม กลับยกระดับสู่การชุมนุมขับไล่รัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย กับกลุ่มผู้ชุมนุม

ยื่น 3 หมื่นชื่อถอดถอน ส.ส.-ส.ว.

ส่วนความเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรฯ เมื่อเช้าวานนี้ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายอมร อมรรัตนานนท์ ได้เข้ายื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 31,881 รายชื่อ เพื่อขอถอดถอนส.ส.และส.ว.ให้พ้นจากตำแหน่ง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณียื่นญัตติเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ(รธน.) ฉบับปี 2550 ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา

โดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวว่า เราขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 164 โดยการลงรายชื่อเพื่อให้วุฒิสภา มีมติตาม มาตรา 274 ให้ถอดถอนบุคคลตาม มาตรา 270 ออกจากตำแหน่งด้วยข้อหา

1.ความผิดของ ส.ส.ตามมาตรา 122 การปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากมีส.ส. บางส่วนสังกัดพรรคการเมืองที่กำลังถูกดำเนินคดียุบพรรคในขณะที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีจุดมุ่งหมายอย่างชัดแจ้งเพื่อให้พรรคการเมืองของตนพ้นจากความผิดยุบพรรค แม้ ส.ส. จะอ้างเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ส.ส.จะใช้เอกสิทธิ์ไปในทางที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตราอื่นๆ ได้เช่นกัน

2.ความผิดของ ส.ว. ตามมาตรา 122 การปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ได้มุ่งหมายเปลี่ยนโครงสร้างของวุฒิสภา ทั้งที่มา และอำนาจหน้าที่ หวังเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้กับ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยให้ยุบเลิก ส.ว. ที่มาจากการสรรหาทิ้ง ฉะนั้น การที่ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งบางส่วนลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงถือเป็นการกระทำที่มีส่วนได้เสีย

3.ความผิดตาม มาตรา 291 เนื่องจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งเนื้อหาและรูปแบบที่เสนอมานั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ให้นำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทนบทรัฐธรรมนูญ ปี 50 โดยการยกเลิกชื่อหมวดตั้งแต่ หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย จนถึงบทเฉพาะกาล และให้นำชื่อหมวด และบทบัญญัติในหมวดของรัฐธรรมนูญ ปี 40 มาใช้บังคับแทนทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่หมวด 3 สิทธิเสรีภาพของชนชาวไทย จนถึงบทเฉพาะกาล จึงมีลักษณะเป็นการให้นำรัฐธรรมนูญปี40มาใช้บังคับแทน โดยเริ่มตั้งแต่หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย จนถึงบทเฉพาะกาล ซึ่งเท่ากับเป็นการขัดหลักการในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ไม่เข้าตามองค์ประกอบรัฐธรรมนูญปัจจุบัน มาตรา 291 ทั้งประธานสภาฯ และสมาชิกรัฐสภา จึงถือได้ว่า เข้าข่ายร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

4.ความผิดตาม มาตรา 68 พบว่า ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้งรูปแบบวิธีการและสาระสำคัญในการร่างแก้ไขที่เสนอต่อรัฐสภาครั้งนี้ เป็นการโละและล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงเป็นวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐ ธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ด้าน นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ตนจะรีบดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหาว่า มีเหตุที่จะดำเนินการถอดถอนได้หรือไม่ และจะส่งรายชื่อทั้งหมดให้สำนักทะเบียนกลาง และกกต. ตรวจสอบข้อมูล โดยต้องดำเนินการภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ ก่อนที่แกนนำจะยื่นรายชื่อถอดถอน นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ได้ขอหารือกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า หาก ส.ว.9 คน ถอนรายชื่อออกจากการสนับสนุนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้ญัตติต้องตกไป เนื่องจากจำนวนผู้สนับสนุนไม่ครบ จึงอยากให้ยุติการชุมนุม แต่นายสมศักดิ์ ปฏิเสธที่จะหารือด้วย โดยระบุว่า เป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระที่ ส.ว.ได้ลงชื่อยื่นไปก่อนแล้ว ขณะที่พันธมิตรฯ ก็ประกาศแล้วว่า จะถอดถอนคนที่ลงชื่อยื่นญัตติ

"บุญสร้าง" ยันไม่สลายชุมนุมพันธมิตรฯ

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มพันธมิตรจะชุมนุมยืดเยื้อเพื่อไล่รัฐบาลหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ต้องดู เพราะทุกท่านทราบว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ทั้งนี้ ความรุนแรงแก้ไขอะไรไม่ได้ และความรุนแรงไม่ได้หมายถึงการใช้อาวุธ เลือดตกยางออก แต่การพูดจากันก็ถือเป็นความรุนแรงได้ เพราะคำพูดทำลายได้มากกว่าอาวุธ เมื่อถามว่า หากมีการสลายม็อบกองทัพเตรียมตัวอย่างไร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนไม่ได้ข่าวอะไร และไม่เห็นมีการดำเนินการอะไร แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่เสมอและรอบคอบ

“ชมรมนักธุรกิจฯ ไล่ “รัฐบาลลูกกรอก”

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 1 ในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงภายหลังการหารือกับ 5 พันธมิตรว่า การที่พรรคพลังประชาชนเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่รอร่างกฎหมายประชามตินั้น ถือว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมของพรรคการเมืองและรัฐบาล ซึ่งพันธมิตรฯ ไม่เห็นว่าเป็นประเด็นที่น่าใส่ใจอะไร อย่างไรก็ตาม 5 แกนนำพันธมิตรฯ จะขึ้นเวทีในเวลา 19.30น. เพื่อขอประชามติจากผู้ชุมนุมว่าจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด และจะได้ความชัดเจนว่า จะเคลื่อนขบวนหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่าในช่วงหัวค่ำ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย (บีซีดี) ได้ออกแถลงการณ์ว่า หลังจากที่ “กลุ่มนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย ชาวชลบุรี” ได้ยื่นหนังสือต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้พันธมิตรฯหยุดการเคลื่อนไหว “ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย” ขอเรียกร้องว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของชมรมฯ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิด ชมรมนักธุรกิจฯ ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นเครือข่ายองค์กรประชาชนต่อสภาพัฒนาการเมืองแล้ว ดังนั้นเราจึงมีจุดยืนที่จะเคลื่อนไหวร่วมกับพันธมิตรฯ

ทั้งนี้ กลุ่มนักธุรกิจฯ เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้นำพาในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ทั้งน้ำมัน ข้าว น้ำตาล ค่าขนส่ง ฯลฯ แม้รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง แต่รัฐบาลกลับละเลย กลับไปให้ความสำคัญและใช้ความพยายามทุกวิถีทางที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2550 ด้วยเล่ห์กลต่าง ๆมีเป้าหมายเพียงปกป้องมิให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและพวกต้องถูกดำเนินกคดี พฤติกรรมดังกล่าวจึงมีลักษณะเหมือนกับเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดเพื่อรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพวกรอดพ้นจากข้อกล่าวหาคดีทุจริตต่าง ๆและยังมีเป้าหมายที่จะหลีกหนีการถูกยุบพรรค และยังปล่อยให้รัฐมนตรีในรัฐบาลและกลุ่มบุคคลต่าง ๆออกมาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นกระบวนการ

“ด้วยเหตุผลข้างต้น จึงสมควรอย่างยิ่งที่ประชาชนชาวไทย จะไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายสมัคร ให้ปฏิบัติหน้าที่บริหารประเทศต่อไป การออกมาเรียกร้องขับไล่รัฐบาลจึงเป็นความชอบธรรมตามสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ”

ขณะที่กลุ่มนักธุรกิจฯ เห็นอีกว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นการอุดช่องโหว่ไม่ได้นักการเมืองและผู้มีอำนาจรัฐให้อำนาจอย่างฉ้อฉล แม้หากมีความจำเป็นที่ต้องแก้ไข ก็จะต้องผ่านกระบวนการที่ให้ประชาชนและองค์กรต่าง ๆมีส่วนร่วมในการแก้ไขเปลี่ยนแปลง โดยจัดตั้ง ส.ส.ร. 3 ขึ้นมามิใช่ให้นักการเมืองแต่เพียงฝ่ายเดียวมาเปลี่ยนแปลง และเมื่อ ส.ส.ร. 3 แก้ไขแล้ว ก็ต้องผ่านการทำประชามิตจากประชาชน

"โชห่วย" ทั่วประเทศ ลั่นเลิกเสียภาษี

ตัวแทนศูนย์ประสานงานผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระทั่วประเทศของคนไทย (สปท.) กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯว่า พวกเราโชวห่วยทั่วประเทศ จะต่อสู้เคียงข้างพันธมิตรฯและพี่น้องประชาชน พวกเราค้าขายเล็กน้อยเล็กๆน้อยๆ ซึ่งค้าขายกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษถูกต้องตามกฎหมาย เสียภาษให้รัฐมาโดยตลอด โดยไม่เคยบิดพลิ้วมา รัฐบอกให้เราเสียภาษี เท่าไหร่พวกเราก็จ่ายเท่านั้น เราปฎิเสธไม่ได้ เพราะเราคือคนไทย ทำหน้าที่พลเมืองดีมาโดยตลอด จนถึงทุกวันนี้ เงินที่พวกเราเสียภาษให้ไป เรารู้ดีว่าจะต้องตกไปเป็นของแผ่นดิน จ่ายเป็นเงินเดือนให้ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และนักการเมืองทุกระดับ และนำงบไปพัฒนาประเทศ ทั้งนี้เรารู้และเข้าใจว่า ในสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่เป็นที่น่าแปลกคนดีส่วนใหญ่ไม่ลุกขึ้นมาขับไล่คนไม่ดีออกไป

อย่างไรก็ตาม สปท.จะยืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่พันธมิตรฯและพี่น้องขับไล่คนไม่ดีรัฐบาลไม่ดี ทำคนไทยได้รับเดือดร้อนแสนสาหัส พวกเราขอประกาศว่า ชาวโชวห่วยทั่วประเทศ เราจะไม่เสียภาษีให้รัฐนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาตัวเอง ทั้งนี้ในประเทศที่เจริญแล้วเขาสนับสนุนการส่งออกแค่ 20 % อีก 80 % เป็นการค้าภายในประเทศ ทำให้ประชาชนมีรายได้ดี แต่ประเทศเรา ส่งออก70 %การค้าภายในประเทศ 30 % แต่ 30% นี้ เรายอมให้ทุนต่างชาติมาเปิดกันเกลื่อน นับปี 40 ทำให้การค้าโชห่วยค้าขายแทบไม่ได้ รัฐบาลปล่อยให้พวกทุนต่างชาติมารุกรานเรา จนไม่มีที่จะยืน พอเราลุกขึ้นมาต่อต้านก็มาฟ้องร้องเรียกเงินเป็นพันล้าน อย่างนี้เป็นธรรมหรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องพิจารณาตัวเอง

ระดม ตร.ตรึงที่มั่นทำเนียบฯ

หลังจากที่พันธมิตรฯได้แถลงการณ์ฉบับล่าสุดนั้น พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ รอง ผบ.ตร.(มค.1) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินกลาง ทางตำรวจมีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล จำนวน 2 กองร้อย ตรึงกำลังอยู่ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มพันธมิตรเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ หลังมีรายงานข่าวว่าเตรียมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในคืนนี้ นอกจากนี้ยังเตรียมกำลังจาก ตำรวจภูธร ภาค 1 ,2 และ 7 รวมทั้งกองปราบปราม ไว้ในที่ตั้ง จำนวน 3 กองร้อย ร่วมกับกำลังของตำรวจนครบาลที่จะใช้เป็นกำลังหลักในการป้องกันไม่ให้กลุ่มพันธมิตรเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล

คุมสถานการณ์-จราจร

พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า เนื่องจากจะมีผู้เข้าร่วมชุนนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯมากกว่าทุกวัน ดังนั้น ทางสตช.ได้เตรียมแผนรองรับการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่สัญจรผ่านบนถนนราชดำเนิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจากหลายโรงพักประมาณ 300 นาย ถูกเรียกกำลังพลให้มารวมตัวกันภายในรั้วทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอยู่ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยตำรวจแต่ละนายสวมเครื่องแบบแต่ไมพกปืน มีเพียงวิทยุสื่อสาร กุญแจมือและยังสวมหมวกปราบสำหรับปราบจราจลและถุงมืออย่างหนา และนอกจากนี้ยังมีการนำรถห้องขังเคลื่อนที่ 2 คัน รถตู้ของสตช.และมอเตอร์ไซค์มาจอดสแตนบายรออยู่อีกหลายคัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามผู้สื่อข่าวคนหนึ่ง ที่มีประสบการณ์ในการทำข่าวม๊อบของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.)หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ได้ข้อมูลว่าตำรวจแต่งกายเช่นเดียวกับการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในคืนที่สลายม๊อบนปก.

ส่ง รปภ.หลายร้อยป้องกันมิจฉาชีพ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีผู้ไปร้องเรียนว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯสร้างความเดือดร้อนแก่บรรดานักเรียน ที่จะต้องเดินทางไปเรียนหนังสือในบริเวนที่มีการชุมนุม นายสุริยะใส กล่าวว่าทางแกนนำจะมีการประเมินประสิทธิภาพของโรงเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างไร แต่ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลมีการบีบให้เข้าไปร้องทุกข์มากกว่า เพราะที่ผ่านมาการชุมนุมของพันธมิตรไม่ได้ไปสร้างปัญหาให้กับประชาชนทั่วไป มิหนำซ้ำร้านอาหารหลายแห่งที่ขายของอยู่ในบริเวณนั้นก็ยอมรับว่าขายของได้มากขึ้นไม่ได้รับความเดือดร้อน และยอมรับการชุมนุมได้ เพราะพวกเราได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้น จะต้องให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย

อย่างไรก็ตาม หากมีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือขัดขวางการจราจร เราก็ยินดีจะเคารพสิทธิตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายเรียกอะไรออกมา ส่วนเรื่องสร้างปัญหาทางการจราจรติดขัดและปัญหาทางการเดินทางของนักเรียน ทางกลุ่มก็ได้มีการแก้ไข โดยตอนกลางวันได้มีการเปิดทางให้การจราจรเดินทางได้สะดวกตามปกติ ส่วนเรื่องที่มีกลุ่มมิจฉาชีพ ปะปนมาร่วมชุมนุม ก็ได้มีการจัดอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหลายร้อยคน เพื่อช่วยกันสอดส่องดูแลอย่างเต็มที่

แก๊งมอเตอร์ไซค์รวมพลกับกลุ่ม นปก.

มีรายงานข่าว แจ้งว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ได้มีกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รวมตัวกันอยู่บริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า บริเวณทางออกจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประตูฝั่ง ถ.พระอาทิตย์ โดยมีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ ทั้งหญิงและชาย จากเขตดุสิต และ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ประมาณ 100 คัน โดยกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างบางคนโทรศัพท์ให้เพื่อนฝูงตามมาสบทบ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อเวลา 17.45 น. กลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ ทั้งหมดชได้พากันขับรถออกไปสมทบกับการชุมนุมของกลุ่ม นปก. ที่ท้องสนามหลวง ทั้งนี้ ในช่วงเวลา ประมาณ 18.00 น. สังเกตเห็นว่า การรวมตัวกันของกลุ่ม นปก.มีความคึกคักกว่าทุกวัน

พวกถ่อย!ฉกมือถือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พร้อมด้วย นายตำรวจระดับ รอง ผบก.น.1 และ ผกก.9 สน.ในพื้นที่รับผิดชอบ ประกอบด้วย สน.ห้วยขวาง สน.ดินแดง สน.ดุสิต สน.นางเลิ้ง สน.พญาไท สน.มักกะสัน สน.สามเสน สน.บางโพ สน.ชนะสงคราม ร่วมกันแถลงผลระดมปิดล้อมตรวจค้น 40 ชุมชนในพื้นที่กวาดล้างยาเสพติดและแหล่งมั่วสุมต่างๆ รวมถึงกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายระหว่างเวลา 24.00 น.ของวันที่ 6 พ.ค. ถึงเช้าเวลา 06.00 น. ของวันที่ 7 พ.ค. อยู่นั้น นายเอกสิทธิ์ เบญจสุตะณรงค์ อายุ 52 ปี พันธมิตรจังหวัดสงขลา ที่เดินทางมาร่วมชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่ถูกนายวิชัย จ่าถิ่น อายุ 29 ปี อยู่จ.นครศรีธรรมราช ขโมยโทรศัพท์มือถือไป โดยกลุ่มการ์ดของพันธมิตรช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลาง ซึ่งขณะที่

ผู้สื่อข่าวสอบถามนายวิชัย ว่า ได้เอาโทรศัพท์ของผู้เสียหายไปจริงหรือไม่ นายวิชัย ได้ตอบปฏิเสธ นายเอกสิทธิ์ ที่ยืนอยู่ใกล้กันได้ยิน จึงชี้หน้าพร้อมตะโกนกลับไปว่า “ไอ้โกหก” และพยายามจะเข้าทำร้ายร่างกายจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องห้ามปรามกันพัลวัน

นายเอกสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเดินทางมาจากหาดใหญ่เพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร และได้รู้จักนายวิชัย และอ้างตัวว่าเป็นหนึ่งในทีมงานอาสาสมัครของพันธมิตร ซึ่งตนเห็นว่าเป็นคนใต้ด้วยกัน จึงบอกว่าอยากรู้จักและพูดคุยกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตร นายวิชัยจึงอาสาที่จะต่อสายโทรศัพท์ให้ ก่อนที่จะเอาโทรศัพท์ของตนไปทำทีโทรศัพท์พร้อมกับเดินเลี่ยงออกไป ตนพยายามเดินตามแต่ไม่ทัน กระทั่งเมื่อช่วงเช้าตนตื่นมา เห็นนายวิชัยอยู่ด้านหลังเวที จึงเดินเข้าไปหา แต่นายวิชัยกลับวิ่งหนี ตนจึงได้ตะโกนให้ช่วยกันจับ จนจับตัวได้พร้อมของกลาง ก่อนที่จะนำตัวส่งตำรวจ

"เป็ดเหลิม" ปั้นข่าวระเบิดอีก

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวอ้างถึงกระแสข่าวที่อาจมีการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า มีกระบวนการที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย และพัฒนาไปสู่ความรุนแรง ซึ่งบุคคลที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้คือ หน้าแหลม หัวเกรียน และหัวโต โดยมีการประสานกับกลุ่มที่วางระเบิด 9 จุด ในกทม.เมื่อต้นปี 2550 และจะมีการเผาบ้านเผาเมืองให้เหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
กำลังโหลดความคิดเห็น