รอยเตอร์ - เหล่าผู้ถือหุ้นของธนาคารโซซิเยเต้ เจเนราล (ซ็อคเจน)แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อวันอังคาร(27) โดยมีทั้งการกล่าวหาว่าฝ่ายบริหารทำให้ธนาคารกลายเป็นกาสิโน และมีการส่งเสียงโห่ฮาไม่ให้เกียรติต่อประธานธนาคารในทุกครั้งที่เขาพูด สืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารแห่งนี้ต้องขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ จากการค้าตราสารของพนักงานธนาคารผู้หนึ่งเมื่อต้นปีนี้
เมื่อหลายเดือนก่อน ซ็อคเจนทำให้วงการธนาคารของโลกตกตะลึง เมื่อเปิดเผยผลการขาดทุนมากกว่า 7,700 พันล้านดอลลาร์ ในการค้าตราสารที่ทางธนาคารไม่ได้รับรู้ ซึ่งทำโดยเจอโรม เคียร์เวล ผู้เป็นพนักงานค้าตราสารระดับล่างๆ ของธนาคาร
“ฝ่ายบริหารเห็นพวกเราเป็นตัวอะไร” ฌอง ริชาร์ด ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งลุกขึ้นถาม และมีเสียงตอบรับจากพวกผู้ถือหุ้นด้วยกันเป็นเสียงปรบมือ สลับกับเสียงโห่ที่ผู้ถือหุ้นทั้งหลายทำต่อประธานธนาคาร แดเนียล บูตง ซึ่งยืนมองมาอย่างบึ้งตึงจากหลังไมโครโฟน
ผู้ถือหุ้นอีกคนที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อกล่าวว่า “พวกคุณมีความผิดในฐานะทำให้ธนาคารกลางเป็นบ่อน”
บูตงโต้ว่า “ธนาคารไม่ใช่บ่อน” รวมทั้งนำเอาสไลด์พรีเซ็นเทชั่นมาฉายเพื่อแสดงให้ผู้ถือหุ้นเห็นว่าตลาดช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของซ็อคเจนอยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรมการธนาคาร
อย่างไรก็ตามคำอธิบายของประธานธนาคารไม่สามารถทำให้ผู้ถือหุ้นที่เข้ามาร่วมการประชุมกันแน่นหอประชุมคลายความโกรธเกรี้ยวลงได้เลย พวกเขาโห่ฮากรรมการบริหารรวมทั้งปรบมือให้กับผู้ถือหุ้นด้วยกันที่ถามคำถามแรง ๆ รวมทั้งผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่ลุกขึ้นเรียกร้องให้บูตงลาออก
บูตงยังคงยึดเก้าอี้ประธานของเขาได้เหนียวแน่นแม้ว่าจะมีคำวิพากษ์วิจารณ์มาจากประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีแห่งฝรั่งเศสก็ตาม แต่เขาก็ได้ถ่ายโอนหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารให้กับเฟดเดอริค อูเดีย ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของธนาคารไปแล้วเมื่อเร็ว ๆนี้
นอกจากนี้ฝ่ายบริหารแล้ว ผู้ถือหุ้นของซ็อคเจนก็ยังแสดงความไม่พอใจต่อผู้สอบบัญชีอิสระของธนาคาร ซึ่งก็คือ เอิร์นส์ แอนด์ ยัง แอนด์ ดีลอยท์ เมื่อตัวแทนที่มาจากบริษัทบอกที่ประชุมว่าเขาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีในช่วงที่เคียร์เวลซื้อขายตราสารโดยพลการ แต่ “ไม่พบสิ่งผิดปกติ” พวกผู้ถือหุ้นก็ส่งเสียงโห่เขาด้วยเช่นกัน
เมื่อวานนี้มีผู้ถือหุ้นราว 1,500 คนเข้าร่วมการประชุม ซึ่งจัดขึ้นใกล้กับสำนักงานใหญ่ของซ็อคเจนในเขตเดอฟองส์ อันเป็นย่านธุรกิจของกรุงปารีส
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ซ็อคเจนเปิดเผยผลขาดทุนสูงถึง 4,900 ล้านยูโร หรือ 7,700 ล้านดอลลาร์ซึ่งเกิดจากฝีมือของเจอโรม เคียร์เวลแต่เพียงผู้เดียว
มูลค่าการขาดทุนครั้งนี้สูงกว่าเหตุทำนองเดียวกันนี้ที่สถาบันการเงินอื่น ๆเคยประสบมา รวมทั้งคราวที่นาคารแบริ่งส์ของอังกฤษต้องย่อยยับภายในค่ำคืนเดียวจากฝีมือของนิค ลีสันเมื่อปี 1995
ซ็อคเจนกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่าเคียร์เวลน่าจะมีคนอื่นร่วมมือด้วย แต่ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์คำกล่าวนี้ได้อย่างแน่ชัด
ห่างจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นราวหนึ่งหรือสองไมล์ เคียร์เวลมีนัดหมายกับสำนักข่าวรอยเตอร์ที่บ้านของเขาในนุยลี-ซูร์-แซน เขาดูผ่อนคลายมากและก็ไม่ตื่นเต้นอะไรเมื่อต้องให้ช่างภาพทั้งโทรทัศน์และภาพนิ่งบันทึกภาพของเขา แต่เคียร์วเวลปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องอื้อฉาวที่เขาเป็นผู้ก่อ
กระนั้น เขาก็เล่าเรื่องในช่วงสองสามวันแรกที่การขาดทุนถูกเปิดเผยออกมาและเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เขาบอกว่าเขาหลบนักข่าวโดยการซ่อนอยู่ในรถที่เอาเบาะหลังออก
“เราขับรถไปอย่างระมัดระวังมาก และทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” เขาบอก
เคียร์เวลหายหน้าไปหลายวันเมื่อเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา แต่ก็ไปมอบตัวกับตำรวจในที่สุดและถูกสอบปากคำและถูกฝากขังไว้ระยะหนึ่ง
เขาถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในเดือนมีนาคมหลังจากทนายความของเขาได้ยื่นอุทธรณ์ให้มีการประกันตัว อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงอยู่ภายในการสอบสวนในข้อหาละเมิดความไว้วางใจ, ใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่ผิด รวมทั้งปลอมแปลงเอกสาร
เคียร์เวลแม้จะบอกว่าเขาทำงานคนเดียวไม่มีผู้ร่วมมือด้วย แต่ก็บอกว่าธนาคารน่าจะทราบระแคะระคายเกี่ยวกับการดำเนินการของเขามาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อหลายเดือนก่อน ซ็อคเจนทำให้วงการธนาคารของโลกตกตะลึง เมื่อเปิดเผยผลการขาดทุนมากกว่า 7,700 พันล้านดอลลาร์ ในการค้าตราสารที่ทางธนาคารไม่ได้รับรู้ ซึ่งทำโดยเจอโรม เคียร์เวล ผู้เป็นพนักงานค้าตราสารระดับล่างๆ ของธนาคาร
“ฝ่ายบริหารเห็นพวกเราเป็นตัวอะไร” ฌอง ริชาร์ด ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งลุกขึ้นถาม และมีเสียงตอบรับจากพวกผู้ถือหุ้นด้วยกันเป็นเสียงปรบมือ สลับกับเสียงโห่ที่ผู้ถือหุ้นทั้งหลายทำต่อประธานธนาคาร แดเนียล บูตง ซึ่งยืนมองมาอย่างบึ้งตึงจากหลังไมโครโฟน
ผู้ถือหุ้นอีกคนที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อกล่าวว่า “พวกคุณมีความผิดในฐานะทำให้ธนาคารกลางเป็นบ่อน”
บูตงโต้ว่า “ธนาคารไม่ใช่บ่อน” รวมทั้งนำเอาสไลด์พรีเซ็นเทชั่นมาฉายเพื่อแสดงให้ผู้ถือหุ้นเห็นว่าตลาดช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของซ็อคเจนอยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรมการธนาคาร
อย่างไรก็ตามคำอธิบายของประธานธนาคารไม่สามารถทำให้ผู้ถือหุ้นที่เข้ามาร่วมการประชุมกันแน่นหอประชุมคลายความโกรธเกรี้ยวลงได้เลย พวกเขาโห่ฮากรรมการบริหารรวมทั้งปรบมือให้กับผู้ถือหุ้นด้วยกันที่ถามคำถามแรง ๆ รวมทั้งผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่ลุกขึ้นเรียกร้องให้บูตงลาออก
บูตงยังคงยึดเก้าอี้ประธานของเขาได้เหนียวแน่นแม้ว่าจะมีคำวิพากษ์วิจารณ์มาจากประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีแห่งฝรั่งเศสก็ตาม แต่เขาก็ได้ถ่ายโอนหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารให้กับเฟดเดอริค อูเดีย ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของธนาคารไปแล้วเมื่อเร็ว ๆนี้
นอกจากนี้ฝ่ายบริหารแล้ว ผู้ถือหุ้นของซ็อคเจนก็ยังแสดงความไม่พอใจต่อผู้สอบบัญชีอิสระของธนาคาร ซึ่งก็คือ เอิร์นส์ แอนด์ ยัง แอนด์ ดีลอยท์ เมื่อตัวแทนที่มาจากบริษัทบอกที่ประชุมว่าเขาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีในช่วงที่เคียร์เวลซื้อขายตราสารโดยพลการ แต่ “ไม่พบสิ่งผิดปกติ” พวกผู้ถือหุ้นก็ส่งเสียงโห่เขาด้วยเช่นกัน
เมื่อวานนี้มีผู้ถือหุ้นราว 1,500 คนเข้าร่วมการประชุม ซึ่งจัดขึ้นใกล้กับสำนักงานใหญ่ของซ็อคเจนในเขตเดอฟองส์ อันเป็นย่านธุรกิจของกรุงปารีส
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ซ็อคเจนเปิดเผยผลขาดทุนสูงถึง 4,900 ล้านยูโร หรือ 7,700 ล้านดอลลาร์ซึ่งเกิดจากฝีมือของเจอโรม เคียร์เวลแต่เพียงผู้เดียว
มูลค่าการขาดทุนครั้งนี้สูงกว่าเหตุทำนองเดียวกันนี้ที่สถาบันการเงินอื่น ๆเคยประสบมา รวมทั้งคราวที่นาคารแบริ่งส์ของอังกฤษต้องย่อยยับภายในค่ำคืนเดียวจากฝีมือของนิค ลีสันเมื่อปี 1995
ซ็อคเจนกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่าเคียร์เวลน่าจะมีคนอื่นร่วมมือด้วย แต่ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์คำกล่าวนี้ได้อย่างแน่ชัด
ห่างจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นราวหนึ่งหรือสองไมล์ เคียร์เวลมีนัดหมายกับสำนักข่าวรอยเตอร์ที่บ้านของเขาในนุยลี-ซูร์-แซน เขาดูผ่อนคลายมากและก็ไม่ตื่นเต้นอะไรเมื่อต้องให้ช่างภาพทั้งโทรทัศน์และภาพนิ่งบันทึกภาพของเขา แต่เคียร์วเวลปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องอื้อฉาวที่เขาเป็นผู้ก่อ
กระนั้น เขาก็เล่าเรื่องในช่วงสองสามวันแรกที่การขาดทุนถูกเปิดเผยออกมาและเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เขาบอกว่าเขาหลบนักข่าวโดยการซ่อนอยู่ในรถที่เอาเบาะหลังออก
“เราขับรถไปอย่างระมัดระวังมาก และทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” เขาบอก
เคียร์เวลหายหน้าไปหลายวันเมื่อเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา แต่ก็ไปมอบตัวกับตำรวจในที่สุดและถูกสอบปากคำและถูกฝากขังไว้ระยะหนึ่ง
เขาถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในเดือนมีนาคมหลังจากทนายความของเขาได้ยื่นอุทธรณ์ให้มีการประกันตัว อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงอยู่ภายในการสอบสวนในข้อหาละเมิดความไว้วางใจ, ใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่ผิด รวมทั้งปลอมแปลงเอกสาร
เคียร์เวลแม้จะบอกว่าเขาทำงานคนเดียวไม่มีผู้ร่วมมือด้วย แต่ก็บอกว่าธนาคารน่าจะทราบระแคะระคายเกี่ยวกับการดำเนินการของเขามาระยะหนึ่งแล้ว