ผู้จัดการรายวัน - โรซ่า ทุ่มงบ 70 ล้านบาท แตกไลน์อาหารพร้อมทานแบบสเตอรีไรส์ - ซอสปรุงรสสำเร็จชนิดซองรับไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ชูนโยบายรุกตลาดซอสหลังวัตถุดิบปลาขาดแคลน สิ้นปียอดขาย 2,4oo ล้านบาท
นางสาวนวนุช วังพิพัฒนมงคล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ไฮคิว ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอส ปลากระป๋องโรซ่า และไฮคิว เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท แตกไลน์สินค้าใหม่ 2 ตัว ภายใต้แบรนด์ โรซ่า พร็อมท์ อิน วัน อาหารพร้อมทานรูปแบบใหม่ (RTE – Ready to eat) ผ่านกระบวนการสเตอริไรส์มีอายุ 1 ปี แตกต่างจากอาหารแช่แข็งโดยไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น และได้แตกเซกเมนต์ตลาดซอสปรุงรส ภายใต้โรซ่า เซฟ แอท โฮม ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ซองซึ่งยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาด
ทั้งนี้ในกลุ่มอาหารพร้อมทานนำร่องเปิดตัวด้วยกัน 4 เมนู ได้แก่ สปาเก็ตติ้ซอสไก่ ข้าวแกงกะหรี่ไก่ ราคากล่องละ 55 บาท ส่วน ซุปเห็ด และซุปข้าวโพด ราคากล่องละ 35 บาท ราคาใกล้เคียงกับคู่แข่งอาหารแช่แข็ง ส่วนกลุ่มซอสมี 3 รสชาติ ได้แก่ ซอสพริกไทยดำ ซอสเปรี้ยวหวาน และซอสเทริยากิ ขนาด 60 กรัมราคา 12 บาท ซึ่งในช่วงโปรโมชั่นจำหน่ายในราคา 10 บาท
นางสาวนวนุช กล่าวว่า แนวทางการทำตลาดของบริษัทฯจะเน้นการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวก และประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้เกิดความถี่ในการบริโภคสินค้าได้มากขึ้น เช่นการออกโรซ่า เซฟ แอท โฮม ซึ่งเป็นซอสปรุงรส ที่เหมาะกับการทำกับข้าวต่อมื้อ อย่างไรตามปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นกลุ่มซอสเป็นหลัก เนื่องจากวัตถุดิบปลาขาดแคลน ทำให้คาดว่ารายได้กลุ่มซอสเพิ่มขึ้น 30% เป็น 40% ส่วนปลากระป๋องเหลือจาก 60% เป็น 70%
สำหรับงบการทำตลาดประมาณ 50 ล้านบาทในการทำโฆษณา จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยเน้นการจัดกิจกรรมโรดโชว์ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาทดลองบริโภคผลิตภัณฑ์ตามช่องทางจำหน่ายตามโมเดิร์นเทรด ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด คาดว่าจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีผลในการผลักดันยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท ผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 2,4ooล้านบาท มาจากตลาดในประเทศ 1,900 ล้านบาท ตลาดต่างประเทศ 500 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 20-25% จากปีก่อน
นางสาวนวนุช วังพิพัฒนมงคล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ไฮคิว ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอส ปลากระป๋องโรซ่า และไฮคิว เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท แตกไลน์สินค้าใหม่ 2 ตัว ภายใต้แบรนด์ โรซ่า พร็อมท์ อิน วัน อาหารพร้อมทานรูปแบบใหม่ (RTE – Ready to eat) ผ่านกระบวนการสเตอริไรส์มีอายุ 1 ปี แตกต่างจากอาหารแช่แข็งโดยไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น และได้แตกเซกเมนต์ตลาดซอสปรุงรส ภายใต้โรซ่า เซฟ แอท โฮม ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ซองซึ่งยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาด
ทั้งนี้ในกลุ่มอาหารพร้อมทานนำร่องเปิดตัวด้วยกัน 4 เมนู ได้แก่ สปาเก็ตติ้ซอสไก่ ข้าวแกงกะหรี่ไก่ ราคากล่องละ 55 บาท ส่วน ซุปเห็ด และซุปข้าวโพด ราคากล่องละ 35 บาท ราคาใกล้เคียงกับคู่แข่งอาหารแช่แข็ง ส่วนกลุ่มซอสมี 3 รสชาติ ได้แก่ ซอสพริกไทยดำ ซอสเปรี้ยวหวาน และซอสเทริยากิ ขนาด 60 กรัมราคา 12 บาท ซึ่งในช่วงโปรโมชั่นจำหน่ายในราคา 10 บาท
นางสาวนวนุช กล่าวว่า แนวทางการทำตลาดของบริษัทฯจะเน้นการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวก และประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้เกิดความถี่ในการบริโภคสินค้าได้มากขึ้น เช่นการออกโรซ่า เซฟ แอท โฮม ซึ่งเป็นซอสปรุงรส ที่เหมาะกับการทำกับข้าวต่อมื้อ อย่างไรตามปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นกลุ่มซอสเป็นหลัก เนื่องจากวัตถุดิบปลาขาดแคลน ทำให้คาดว่ารายได้กลุ่มซอสเพิ่มขึ้น 30% เป็น 40% ส่วนปลากระป๋องเหลือจาก 60% เป็น 70%
สำหรับงบการทำตลาดประมาณ 50 ล้านบาทในการทำโฆษณา จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยเน้นการจัดกิจกรรมโรดโชว์ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาทดลองบริโภคผลิตภัณฑ์ตามช่องทางจำหน่ายตามโมเดิร์นเทรด ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด คาดว่าจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีผลในการผลักดันยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท ผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 2,4ooล้านบาท มาจากตลาดในประเทศ 1,900 ล้านบาท ตลาดต่างประเทศ 500 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 20-25% จากปีก่อน