xs
xsm
sm
md
lg

ว่าที่คุณแม่ใช้มือถือระหว่างท้อง ลูกน้อยเสี่ยงมีปัญหาพฤติกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผลศึกษาพบการใช้โทรศัพท์มือถือขณะตั้งครรภ์เพียงวันละ 2-3 ครั้ง มีแนวโน้มทำให้ลูกที่คลอดออกมามีปัญหาพฤติกรรม เช่น สมาธิสั้น หรือปัญหาทางอารมณ์ นอกจากนี้ นักวิจัยยังแนะนำไม่ให้พ่อแม่ปล่อยลูกใช้โทรศัพท์มือถือก่อนอายุ 7 ขวบ
นับเป็นงานวิจัยชิ้นล่าสุดที่สะท้อนความกังวลว่าอุปกรณ์สื่อสารไร้สายชนิดนี้อาจมีผลต่อสุขภาพ รวมถึงเป็นคำเตือนใหม่สำหรับว่าที่คุณแม่ นอกเหนือจากเรื่องการดื่ม สูบบุหรี่ สัมผัสยาฆ่าแมลง อาหารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ และความเครียด
งานวิจัยนี้ยังเป็นการติดตามผลการศึกษาขององค์กรติดตามตรวจสอบด้านการแพร่กระจายรังสีของรัสเซีย ที่ระบุว่าอันตรายจากโทรศัพท์มือถือที่มีต่อสุขภาพของเด็กไม่ได้น้อยไปกว่าอันตรายจากบุหรี่หรือเหล้าเลย
สำนักงานปกป้องสุขอนามัยของอังกฤษกล่าวว่า ผลการศึกษานี้เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย และตอกย้ำความจำเป็นในการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ดี ไม่มีการออกคำเตือนให้สตรีมีครรภ์เลิกใช้อุปกรณ์สื่อสารชนิดนี้แต่อย่างใด โดยโฆษกของสำนักงานแจงว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป และอาจมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดผลเช่นนี้ อย่างไรก็ดี ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้เด็กใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป
ในรายงานซึ่งถือเป็นการศึกษาแง่มุมนี้ครั้งแรก และครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างกว่า 13,000 คนนั้น พบว่าผู้หญิงที่ใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างตั้งครรภ์มีแนวโน้มถึง 54% ที่จะรายงานว่าลูกมีปัญหาพฤติกรรม ซึ่งรวมถึงอาการสมาธิสั้น ปัญหาด้านอารมณ์และความสัมพันธ์
นอกจากนั้น เด็กที่แม่ใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างตั้งท้อง และตัวเด็กเองใช้อุปกรณ์นี้ก่อนอายุ 7 ขวบ มีแนวโน้มมากขึ้นถึง 80% ที่จะมีปัญหาพฤติกรรม ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือเลย
เด็กเหล่านี้มีความเสี่ยงมากขึ้น 25% ที่จะมีปัญหาด้านอารมณ์, 24% สำหรับปัญหาในการเข้ากับเด็กอื่น, 35% สมาธิสั้น และ 49% ในส่วนปัญหาด้านพฤติกรรมอื่นๆ โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณการใช้โทรศัพท์และการได้รับรังสี
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าผลการศึกษานี้มีความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากหนึ่งในผู้จัดทำรายงานเป็นผู้ที่เคยข้องใจคำกล่าวอ้างที่ว่าโทรศัพท์มือถือมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ก่อนหน้านี้ ศาสตราจารย์ลีกา ไคเฟตส์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย, ลอสแองเจลีส เคยจัดทำเอกสารระบุว่าไม่พบหลักฐานพิสูจน์ว่าอุปกรณ์ชนิดนี้ส่งผลลบต่อสุขภาพ
แต่ล่าสุด ศาสตราจารย์ไคเฟตส์และผู้ร่วมจัดทำรายงานอีกสามคนสรุปว่ามีหลักฐานบ่งชี้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างโทรศัพท์มือถือกับปัญหาพฤติกรรม แต่สำทับว่า อาจมีคำอธิบายที่เป็นไปได้อื่นๆ ในเรื่องนี้ ซึ่งรวมถึงการที่แม่ที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นประจำระหว่างท้อง อาจยังคงพฤติกรรมนี้หลังคลอดจึงมีเวลาให้ลูกน้อย
นอกจากนั้น แม้เชื่อกันว่า รังสีจากโทรศัพท์มือถือสามารถทะลุทะลวงเข้าสู่ผิวหนังในระดับความลึกเพียง 1-2 เซนติเมตรจึงไม่สามารถเข้าถึงทารกในครรภ์ได้ กระนั้น การศึกษาในอดีตพบว่า รังสีดังกล่าวอาจส่งผลต่อระดับเมลาโทนิน หรือฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับที่แม่ถ่ายทอดผ่านรกไปยังทารกน้อยในครรภ์
อนึ่ง งานวิจัยชิ้นนี้ซึ่งจัดทำโดยทีมนักวิจัยของไคเฟตส์และนักวิชาการในอาร์ฮัส เดนมาร์ก จะเผยแพร่ในวารสารการแพทย์เอปิเดไมโอโลจีฉบับเดือนกรกฎาคม
กำลังโหลดความคิดเห็น