xs
xsm
sm
md
lg

พวกทหารไร้น้ำยา!

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

ช่วงเวลานี้ต้องจับตาให้ดีต่อท่าทีของทหาร เพราะกลายเป็นว่ากระแสการรัฐประหารเกิดขึ้นได้แทบทุกวันจนเป็นข่าวปกติไปเสียแล้ว

การเกิดกระแสเช่นนี้ไม่ใช่ผลดี เพราะเท่ากับว่าคนไทยยอมรับการรัฐประหารว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมประชาธิปไตยในประเทศไทย

ทัศนคติที่ผ่านมาต่อการรัฐประหารครั้งล่าสุดที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าขืนปล่อยให้ทหารบริหารประเทศเหมือนที่ผ่านมาชาติบ้านเมืองนอกจากจะไม่สามารถแก้ไขวิกฤตการณ์แล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติหลายเท่าทวีคูณหลังจากรัฐประหารได้พ้นไปแล้วอีกด้วย

เพราะการบริหารหลังการรัฐประหารที่ล้มเหลว จึงเป็นผลทำให้ฝ่ายนักการเมืองฉ้อฉลที่ถูกรัฐประหารนั้นจะกลับมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ยิ่งกว่าเดิมเพื่อต่อสู้ล้างมลทินให้กับตัวเองในทุกวิถีทางอยู่ในปัจจุบัน

เราได้รับบทเรียนการรัฐประหารครั้งนั้นว่า การรัฐประหารทำให้เศรษฐกิจเสียหาย แต่ยังไม่สำคัญเท่ากับฝีมือของคนคุมเศรษฐกิจที่จะต้องสามารถดูแลปากท้องของประชาชนในประเทศให้อยู่ดีกินดีควบคู่ไปกับการเอื้ออำนวยให้กับต่างชาติมีแรงจูงใจในการลงทุนในประเทศไทย

เราได้รับบทเรียนว่าการรัฐประหาร ที่อยากสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยในช่วงการรัฐประหาร เป็นเรื่องน่าขบขันและไม่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติอยู่วันยังค่ำ

เราได้รับบทเรียนว่า การรัฐประหารที่ให้สิทธิในการชุมนุมประท้วงคณะรัฐประหาร กลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปก็ไม่ถือเป็นบุญคุณที่จะมองคณะรัฐประหารดีขึ้นแต่ประการใด
ความหน่อมแน้มเหล่านั้นจะกลับกลายเป็นผลทำให้ขบวนการที่ต่อต้านการรัฐประหารจะเติบใหญ่กลายเป็นต่อต้านระบบจนถึงคิดเป็นขบวนการล้มเจ้า ดังที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน

เราได้รับบทเรียนว่า การรัฐประหารที่กระมิดกระเมี้ยนใช้สื่อสารมวลชนของรัฐอย่างจำกัด คือความไร้เดียงสาในสงครามช่วงชิงมวลชนที่ถูกล้างสมองมาหลายปี หากทิ้งโอกาสและเวลาอันจำกัดในการบอกความเลวร้ายของนักการเมืองชั่วเหล่านั้นแล้ว นักการเมืองน้ำเน่าพวกนี้ก็พร้อมที่จะกลับเข้ามาบริหารประเทศและล้างสมองประชาชนต่อไป

เราได้รับบทเรียนอันล้ำค่าอีกว่า หากไม่กำจัดนักการเมืองและข้าราชการที่ชั่วทั้งหลาย บ้านเมืองก็จะต้องกลับเข้ามาสู่ภาวะวิกฤตอยู่ดี

และนี่คือบทเรียนราคาแพงยิ่งสำหรับการต่อสู้ของประชาชนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่ชาติบ้านเมืองไม่ควรจะกลับไปสู่วังวนเช่นนั้นอีกต่อไป

คนไทยในเวลานี้ดูเหมือนจะทำใจว่าเป็นเรื่องไม่แปลกถ้าจะมีการรัฐประหาร แต่จะรู้สึกน่าเบื่อหน่ายมากกว่า หากรัฐประหารแล้วก็ยังเกิดวงจรอุบาทว์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยอย่างไม่รู้จบสิ้น

“เผด็จการรัฐสภา” ฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างไม่ละอาย ประชาชนออกมาชุมนุม ทหารก็เข้ามายึดอำนาจกลายเป็น “เผด็จการทหารหน่อมแน้ม” พอจบช่วง “เผด็จการทหารหน่อมแน้ม” “เผด็จการรัฐสภา” ก็กลับมาคืนอำนาจล้างแค้น “เผด็จการทหาร” และฉ้อราษฎร์บังหลวงต่อไป “เผด็จการหน่อมแน้ม” ก็กลัวถูกล้างแค้นจึงอาศัยความชั่วร้ายของ “เผด็จการรัฐสภา”มาเป็นเหตุในการรัฐประหารอีกรอบไปเรื่อยๆ

เผด็จการทหารเข้ามาก็ฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อล้างอำนาจเผด็จการรัฐสภาเข้ามา เผด็จการรัฐสภาก็ฉีกรัฐธรรมนูญก็เพื่อล้างมลทินให้กับตัวเองโดยไม่สนใจแม้รัฐธรรมนูญฉบับนั้นจะมาจากประชามติของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศก็ตาม

อีกหน่อยรัฐธรรมนูญอาจต้องบัญญัติเอาไว้ว่า ประเทศไทยให้มีระบอบเผด็จการรัฐสภา 2 ปี และให้มีเผด็จการทางทหารอีก 2 ปี จะได้สะใจในความล่มสลายของบ้านเมืองให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

มาถึงปีนี้ก็ต้องยอมรับว่าเรากำลังอยู่ในช่วง “เผด็จการรัฐสภา” ที่เหิมเกริมอย่างถึงที่สุด มอบอำนาจให้คนหน้าตาขี้เหร่และมีมลทินมาปกครองบ้านเมืองอย่างไม่อายฟ้าดิน ปกป้องพิทักษ์รักษาคนที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง, โอบอุ้มนักการเมืองอันธพาล, และอุ้มชูนักการเมืองที่มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้


ทำได้ขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน จะเกิดวิกฤตโดยที่คนที่มีหน้าที่บริหารประเทศไม่ใส่ใจดูแล

สถาบันชาติ เกิดวิกฤตขึ้นกระทบต่อความมั่นคงและอธิปไตยของชาติอย่างชัดเจนเป็นที่สุด พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความไม่สงบรายวันจนดูเหมือนรัฐบาลเลิกเอาใจใส่ไปนานแล้ว เขาพระวิหารก็ดูเหมือนว่าประเทศไทยจะไม่ใส่ใจในการเข้าร่วมยื่นเป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชาทั้งๆที่ทางประเทศกัมพูชารณรงค์แผนที่ผืนใหม่และการรุกล้ำที่เกิดขึ้นจริงในแถบชายแดนอยู่ในขณะนี้

อธิปไตยทางน้ำก็ไม่รู้จบกันอย่างไร เกาะกูดกำลังจะถูกแบ่งให้กัมพูชาหรือไม่? หรือจะมีการตกลงยอมสูญเสียอธิปไตยน่านน้ำฝั่งไทย เพื่อให้ตกลงเจรจาเรื่องแหล่งพลังงานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีมูลค่ามหาศาลในอ่าวไทยได้สำเร็จ

การตัดสินใจเรื่องแหล่งพลังงานได้สำเร็จเมื่อใด “เกาะกง” ที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังจะไปลงทุนนั้นจะมีความร่ำรวยเจริญก้าวหน้าอย่างถึงที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เจรจาฝ่ายประเทศไทยมีทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เคยเป็นทนายส่วนตัวให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักลงทุนในเกาะกง และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ต่อจากพรรคไทยรักไทยที่เคยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นหัวหน้าพรรคอีกต่างหาก

คนเหล่านี้เขาจะปกป้องอธิปไตยของชาติ หรือเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศกัมพูชาเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กันแน่? เป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยทั้งชาติต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

ที่สำคัญวิกฤตของชาติเช่นนี้ กองทัพบก กองทัพเรือ อยู่ที่ไหน? กระทรวงกลาโหมอยู่ที่ใด รัฐบาลมัวทำอะไรอยู่?

วิกฤตต่อสถาบันศาสนา ก็เกิดขึ้นความผิดเพี้ยนของพุทธศาสนาเกิดขึ้นไปทั่ว ถึงขั้นจะรณรงค์นำศาสนาพุทธมาบัญญัติเป็นศาสนาประจำชาติเพื่อดึงศาสนามาเป็นเกมการเมืองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่สนใจกระแสพระราชดำรัสไม่เห็นด้วยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2550 แต่ประการใด

วิกฤตต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คนที่มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กลับขึ้นมามีอำนาจบริหารประเทศ กลุ่มคนที่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เกิดขึ้นในหลายรูปแบบ ทั้งการแสดงออก การณรงค์ผ่านเว็บไซต์จำนวนมาก มีการพิมพ์ใบปลิว แผ่นวีซีดี และโปสเตอร์ ตลอดจนปล่อยให้มีการวางแผงหนังสือที่หมิ่นเหม่และทำลายความน่าเชื่อถือต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เกลื่อนตลาดโดยไม่มีใครทำอะไรทั้งสิ้น

หนำซ้ำยังเกิดวิกฤตต่อทัศนคติต่อทหารผู้ใหญ่บางคนอีกว่า อย่าพาดพิงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งๆที่มีการโจมตีมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นขบวนการชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นอกจากจะไม่สนับสนุนคนที่ออกมาเปิดโปงขบวนการชั่วร้ายและแสดงออกในการปกป้องแล้ว ทหารผู้ใหญ่บางคนยังปล่อยให้วิกฤตนี้เกิดขึ้นโดยไม่ดำเนินการใดๆ อีกด้วย ทหารพวกนี้แหละ ไร้น้ำยาของจริง

วิกฤตต่อประชาชน
นั้นเห็นได้ชัดเจนที่สุด เกษตร ผู้บริโภค ผู้ประกอบการรายย่อย ข้าราชการชั้นผู้น้อย ผู้ใช้แรงงาน พนักงาน และประชาชนทั่วไป เดือดร้อนจากภาวะข้าวยากหมากแพงไปทั่ว ข้าวแพงจนโรงสีและผู้ส่งออกรวยทั่วหน้า น้ำมันแพงจนบริษัทน้ำมันกำไรเพิ่มขึ้นมโหฬาร น้ำตาลก็ขึ้นราคาให้กำไรกับโรงงานน้ำตาลจนประชาชนเดือดร้อนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ในขณะที่เกษตรกรกลับเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แม้แต่คนฝากธนาคารยังต้องเดือดร้อนเพราะอัตราเงินเฟ้อทะยานสูงขึ้นอย่างมหาศาล

เกิดวิกฤตทั้งต่อสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน ขนาดนี้ รัฐบาลกลับไม่สนใจ แต่กลับสนใจจะเอาแต่แก้รัฐธรรมนูญ นับว่าเป็นเวรเป็นกรรมของชาติจริงๆ

ทหารหาญเป็นผู้มีหน้าที่ในการปกป้องพิทักษ์รักษา สถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน หากเกิดวิกฤตเช่นนี้ ทหารควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองอย่างไร?

ทหารก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทางเลือก ทางเลือกแรกคือเป็นทหารไร้น้ำยาอยู่เฉยๆ ยอมเป็นทาสในระบอบเผด็จการรัฐสภา แม้จะเกิดวิกฤต ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน แค่ไหนก็ไม่ต้องไปสนใจ

หรือทางเลือกที่สองเป็นทหารหาญที่ปกป้องสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน ตามที่ตัวเองยึดมั่นจนสุดความสามารถจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ดังที่ตัวเองกินเงินหลวงปฏิญาณมาตลอดชีวิตข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ที่สำคัญอย่าทำซ้ำรอยความผิดพลาดเหมือนการรัฐประหารหน่อมแน้มที่ผ่านมาเป็นอันขาด !
กำลังโหลดความคิดเห็น