บางคนอาจพักผ่อนวันหยุดด้วยการออกไปตกปลา แต่สำหรับอีฟส์ รอสซี เขาเลือกที่จะติดปีกตัวเองและร่อนถลาลมเหนือเทือกเขาแอลป์ของสวิส
อดีตนักบินเครื่องบินรบใช้เวลา 5 ปีประดิษฐ์เครื่องบินเล็กประจำตัว และทดลองบินครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14)
หลังกระโจนออกจากเครื่องบินที่ระดับความสูง 7,500 ฟุต รอสซีกางปีกขนาด 10 ฟุตที่ติดอยู่ที่หลัง และหลังจากดำดิ่งตามแรงดึงดูดโลกชั่วอึดใจ รอสซีสามารถบังคับเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์ และบินร่อนอย่างสง่างามเหนือยอดเขาด้วยความเร็ว 180 ไมล์ (289 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง
รอสซีดิ่งลง เลี้ยว และเหินขึ้นโดยใช้ร่างกายบังคับ บินข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่าราวกับไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
หลังจากเสียงปรบมือยาวนานจากผู้ชมด้านล่าง รอสสีกดปีกลงเตรียมโชว์ผาดโผนแบบที่ยังไม่เคยซ้อมมาก่อน นั่นคือการบินตีลังกา 360 องศาอย่างสวยงามและสมบูรณ์แบบชนิดที่มีแต่นกเท่านั้นที่สามารถทำได้
“เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ถ้าผมหันตัวไปทางซ้าย ผมก็จะบินไปทางซ้าย หันขวาก็บินไปทางขวา”
เป้าหมายต่อไปของรอสซีคือ การบินข้ามช่องแคบอังกฤษปลายปีนี้ ก่อนร่อนถลาเหนือแกรนด์แคนยอน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะสูงยิ่งขึ้น จากที่ใช้ทดลองบินในครั้งนี้คือเครื่องยนต์ 4 ตัวผลิตจากเยอรมนี โดยมีน้ำหนักรวมกันทั้งสิ้น 800 ปอนด์ (363 กิโลกรัม) เพียงพอสำหรับปีกคาร์บอนที่พับเก็บได้น้ำหนัก 110 ปอนด์ (50 กิโลกรัม) และชุดบินหนัก 120 ปอนด์ (54 กิโลกรัม) ในการพารอสซีบินไต่ระดับความสูง 200 ฟุต (60 เมตร) ต่อนาที
“โดยกายภาพแล้ว ผมไม่ได้เครียดเลย เหมือนขับมอเตอร์ไซค์ ผมต้องปล่อยใจสบายๆ เพราะถ้าเครียดเมื่อไหร่เครื่องจะแกว่ง”
กระนั้น หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา รอสซีสามารถกดคันบังคับเพื่อสละปีก และกางร่มชูชีพออก
รอสซีย้ำว่า การบินรูปแบบนี้ยังเป็นสิ่งที่ไม่สมควรลอกเลียนแบบ นอกเหนือจากเรื่องของความปลอดภัยแล้ว ต้นทุนในการผลิตเชิงพาณิชย์ถือว่าสูงเกินไป
ที่ผ่านมา รอสซีและผู้สนับสนุนใช้เงินไปกว่า 123,000 ปอนด์ (7,749,000 บาท) และเวลาอีกยาวนานในการสร้างอุปกรณ์นี้
รอสซียังบอกอีกว่า อุปกรณ์ของเขาไม่เหมาะสำหรับผู้ที่คิดจะชื่นชมทิวทัศน์เทือกเขาแอลป์แบบเต็มตา
“ผมต้องใช้สมาธิอย่างมากในการบินจนไม่มีเวลาชมวิวแม้แต่นิดเดียว”
อดีตนักบินเครื่องบินรบใช้เวลา 5 ปีประดิษฐ์เครื่องบินเล็กประจำตัว และทดลองบินครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14)
หลังกระโจนออกจากเครื่องบินที่ระดับความสูง 7,500 ฟุต รอสซีกางปีกขนาด 10 ฟุตที่ติดอยู่ที่หลัง และหลังจากดำดิ่งตามแรงดึงดูดโลกชั่วอึดใจ รอสซีสามารถบังคับเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์ และบินร่อนอย่างสง่างามเหนือยอดเขาด้วยความเร็ว 180 ไมล์ (289 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง
รอสซีดิ่งลง เลี้ยว และเหินขึ้นโดยใช้ร่างกายบังคับ บินข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่าราวกับไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
หลังจากเสียงปรบมือยาวนานจากผู้ชมด้านล่าง รอสสีกดปีกลงเตรียมโชว์ผาดโผนแบบที่ยังไม่เคยซ้อมมาก่อน นั่นคือการบินตีลังกา 360 องศาอย่างสวยงามและสมบูรณ์แบบชนิดที่มีแต่นกเท่านั้นที่สามารถทำได้
“เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ถ้าผมหันตัวไปทางซ้าย ผมก็จะบินไปทางซ้าย หันขวาก็บินไปทางขวา”
เป้าหมายต่อไปของรอสซีคือ การบินข้ามช่องแคบอังกฤษปลายปีนี้ ก่อนร่อนถลาเหนือแกรนด์แคนยอน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะสูงยิ่งขึ้น จากที่ใช้ทดลองบินในครั้งนี้คือเครื่องยนต์ 4 ตัวผลิตจากเยอรมนี โดยมีน้ำหนักรวมกันทั้งสิ้น 800 ปอนด์ (363 กิโลกรัม) เพียงพอสำหรับปีกคาร์บอนที่พับเก็บได้น้ำหนัก 110 ปอนด์ (50 กิโลกรัม) และชุดบินหนัก 120 ปอนด์ (54 กิโลกรัม) ในการพารอสซีบินไต่ระดับความสูง 200 ฟุต (60 เมตร) ต่อนาที
“โดยกายภาพแล้ว ผมไม่ได้เครียดเลย เหมือนขับมอเตอร์ไซค์ ผมต้องปล่อยใจสบายๆ เพราะถ้าเครียดเมื่อไหร่เครื่องจะแกว่ง”
กระนั้น หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา รอสซีสามารถกดคันบังคับเพื่อสละปีก และกางร่มชูชีพออก
รอสซีย้ำว่า การบินรูปแบบนี้ยังเป็นสิ่งที่ไม่สมควรลอกเลียนแบบ นอกเหนือจากเรื่องของความปลอดภัยแล้ว ต้นทุนในการผลิตเชิงพาณิชย์ถือว่าสูงเกินไป
ที่ผ่านมา รอสซีและผู้สนับสนุนใช้เงินไปกว่า 123,000 ปอนด์ (7,749,000 บาท) และเวลาอีกยาวนานในการสร้างอุปกรณ์นี้
รอสซียังบอกอีกว่า อุปกรณ์ของเขาไม่เหมาะสำหรับผู้ที่คิดจะชื่นชมทิวทัศน์เทือกเขาแอลป์แบบเต็มตา
“ผมต้องใช้สมาธิอย่างมากในการบินจนไม่มีเวลาชมวิวแม้แต่นิดเดียว”
