เป๊ปซี่เอาอีกแล้ว เล็งขึ้นราคาอีกรอบ สั่งฝ่ายการเงินรวบรวมข้อมูล คาดอีก 2 สัปดาห์สรุปผลยื่นหนังสือกระทรวงพาณิชย์
นายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำอัดลมเป๊ปซี่ ,มิรินด้า ,เซเว่น อัพ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯได้สั่งการให้ฝ่ายการเงินรวบรวมตัวเลขต้นทุนการผลิตต่างๆ รวมทั้งราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น เพื่อนำมาพิจารณาถึงรายละเอียดโครงสร้างต้นทุนต่างๆ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้จะสรุปผลได้ว่า มีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างไร เพื่อนำเสนอให้กับทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับราคาผลิตภัณฑ์อีกครั้ง
"ตอนนี้บริษัทฯได้รับผลกระทบอย่างมากในการผลิตสินค้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งจากราคาน้ำตาลที่ใช้ในการผลิตมากกว่า30% ราคาเพิ่มขึ้น 5 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนั้นราคาน้ำมันก็ขยับตัวขึ้นมาตลอด ค่าแรงก็เพิ่มขึ้น ซึ่งหากภาครัฐอนุมัติให้ปรับราคาครั้งนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะปรับราคาให้ครอบคลุมทุกประเภทบรรจุภัณฑ์ เพราะต้นทุนขึ้นค่อนข้างมาก"
นายปริญญากล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกราคาที่จะปรับขึ้นใหม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะต้องรอข้อสรุปตัวเลขต้นทุนการผลิตที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่ยอมรับว่า การขอขึ้นราคาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเคยปรับไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นรัฐบาลอนุมติให้ปรับราคาขึ้น 1 บาท ในกลุ่มน้ำอัดลมแต่เป็นบางประเภทเท่านั้น
ขณะเดียวกันในช่วง 1 ปีก่อนหน้านี้บริษัทฯก็ได้ยื่นเรื่องถึง คน. อีกครั้งเพื่อขอปรับราคาสินค้าอีกรอบตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติ เพราะน้ำอัดลมเป็นสินค้าเฝ้าระวัง จึงทำให้ไม่สามารถปรับราคาสินค้าขึ้นได้
ล่าสุดบริษัทฯใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท จัดแคมเปญ "เป๊ปซี่ ยูนิเวิร์ส" เพื่อตอกย้ำแคมเปญการตลาดในด้านของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง และยังเกาะกระแสเทศกาลฟุตบอล โปรโมชั่นลุ้นสนามฟุตบอลทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 100 รางวัล รวมมูลค่า 14 ล้านบาท คาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยเพิ่มยอดขาย 3-5% ซึ่งปัจจุบันเป๊ปซี่ยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดน้ำดำไว้ได้ที่ประมาณ 60%
นายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำอัดลมเป๊ปซี่ ,มิรินด้า ,เซเว่น อัพ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯได้สั่งการให้ฝ่ายการเงินรวบรวมตัวเลขต้นทุนการผลิตต่างๆ รวมทั้งราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น เพื่อนำมาพิจารณาถึงรายละเอียดโครงสร้างต้นทุนต่างๆ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้จะสรุปผลได้ว่า มีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างไร เพื่อนำเสนอให้กับทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับราคาผลิตภัณฑ์อีกครั้ง
"ตอนนี้บริษัทฯได้รับผลกระทบอย่างมากในการผลิตสินค้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งจากราคาน้ำตาลที่ใช้ในการผลิตมากกว่า30% ราคาเพิ่มขึ้น 5 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนั้นราคาน้ำมันก็ขยับตัวขึ้นมาตลอด ค่าแรงก็เพิ่มขึ้น ซึ่งหากภาครัฐอนุมัติให้ปรับราคาครั้งนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะปรับราคาให้ครอบคลุมทุกประเภทบรรจุภัณฑ์ เพราะต้นทุนขึ้นค่อนข้างมาก"
นายปริญญากล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกราคาที่จะปรับขึ้นใหม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะต้องรอข้อสรุปตัวเลขต้นทุนการผลิตที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่ยอมรับว่า การขอขึ้นราคาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเคยปรับไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นรัฐบาลอนุมติให้ปรับราคาขึ้น 1 บาท ในกลุ่มน้ำอัดลมแต่เป็นบางประเภทเท่านั้น
ขณะเดียวกันในช่วง 1 ปีก่อนหน้านี้บริษัทฯก็ได้ยื่นเรื่องถึง คน. อีกครั้งเพื่อขอปรับราคาสินค้าอีกรอบตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติ เพราะน้ำอัดลมเป็นสินค้าเฝ้าระวัง จึงทำให้ไม่สามารถปรับราคาสินค้าขึ้นได้
ล่าสุดบริษัทฯใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท จัดแคมเปญ "เป๊ปซี่ ยูนิเวิร์ส" เพื่อตอกย้ำแคมเปญการตลาดในด้านของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง และยังเกาะกระแสเทศกาลฟุตบอล โปรโมชั่นลุ้นสนามฟุตบอลทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 100 รางวัล รวมมูลค่า 14 ล้านบาท คาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยเพิ่มยอดขาย 3-5% ซึ่งปัจจุบันเป๊ปซี่ยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดน้ำดำไว้ได้ที่ประมาณ 60%
