xs
xsm
sm
md
lg

ชท.รับ1เสียงเบี้ยว “ชัย”จักรภพลั่นต้องจัดการ2คะแนนที่หายไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ส.ส.พรรคขอนแก่น พลังประชาชน ระบุว่าหากพบว่า 2 เสียงที่สนับสนุนฝ่ายค้าน และ 12 เสียงที่งดออกเสียงในการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นคนของพรรคร่วมรัฐบาลใดหากรัฐมนตรีพรรคนั้นถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคพลังประชาชนจะไม่ยกมือให้ว่า อยากให้นายประจักษ์มาพบตนหน่อย แค่เชิญมาเท่านั้นแหละ
ส่วนจะทำให้เกิดผลกระทบต่องานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในสภาฯหรือไม่ นั้น นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มีหรอก ก็เห็นว่าคะแนนมันชนะกันขาดลอยอยู่แล้ว และการลงมติก็เป็นเอกสิทธิของ ส.ส.ด้วย และคะแนนที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ ถึงมีคนงดออกเสียง ส่วนเสียงที่ไม่โหวตให้นั้นตนก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญในเรื่องการประสานงาน ในอนาคตโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า การทำงาน ต้องประสานกันอย่างดีในทุกระดับ ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิกาพรรค งานถึงจะราบรื่น แต่ถ้าตราบใดที่ไม่มีการประสานงานกันอย่างดี จู่ๆ มาบอกกล่าวกันโดยบางฝ่าย เป็นผู้พิจารณา ปัญหามันจะเกิดขึ้น ฉะนั้นต่อไปต้องให้ความสำคัญต้องคุยกันล่วงหน้า ไม่ใช่พรรคชาติไทยจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคพลังประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญหากจะยื่นญัตติต้องมาคุยรายละเอียดกันก่อนใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่าเห็นเงียบหายไปแล้ว และคงยื่นไม่ทันสมัยประชุมนี้ เพราะการยื่นต้องยื่นก่อนเข้าประชุมสภาฯ 15 วัน
ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่รู้ ตอบไม่ได้แต่รัฐธรรมนูญต้องแก้ไข ส่วนจะเป็นช่วงไหน เวลาไหนต้องมาว่ากันอีกที ถ้าสมัยนี้ไม่ทันต้องไปสมัยหน้า 3 เดือนรอไหวไม่เห็นเป็นอะไร
นายบรรหาร กล่าวว่า คงต้องดูการทำงานของนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯคนใหม่ ซึ่งคะแนนที่ออกมาเป็นเอกฉันฑ์
ส่วนที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ระบุว่าพรรคชาติไทยจะเป็นกระจกเงาสะท้อนให้ประธานสภาฯ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามต่อว่านายสมศักดิ์ ออกมายอมรับว่า 1 เสียงที่โหวตให้บัญญัติเป็นของพรรคชาติไทย นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มีหรอก คงไม่มีมั้ง ไอ้เรื่องโหวตให้คงไม่มีเด็ดขาด บอกได้อย่างนี้ โดยมารยาทไม่มี เสียงส่วนใหญ่วันนั้นไม่ได้พูดกันเลยว่าจะโหวตให้พรรคฝ่ายค้าน ดีที่สุดก็งดออกเสียงเท่านั้นเอง อย่างอื่นไม่มีเด็ดขาด รับรอง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า 2 คนที่โหวตให้ไม่ใช่มาจากพรรคชาติไทย นายบรรหาร กล่าวเสียงดุดันว่า ไม่ใช่แน่นอน ส่วนจะมาจากพรรคพลังประชาชนเองหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ
ส่วนที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เตรียมที่จะปรับครม.ตรงนี้จะกระทบกับพรรคชาติไทยหรือไม่นั้น นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มีความเห็น

สมศักดิ์รับคนชท.1เสียงไม่หนุนชัย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่าเนื่องจาก การลงมติเลือกนายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นการลงคะแนนลัยจึงไม่ทราบว่าใครลงให้ใคร แต่สำหรับพรรคชาติไทยมีอยู่คนหนึ่งที่ถึงอย่างไร ก็ไม่มีทางลงคะแนนให้นายชัยได้อย่างแน่นอน ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าเป็นใคร ทางพรรค เข้าใจเขา เพราะเมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดให้การตัดสินใจเป็นเอกสิทธิของ ส.ส. พรรคจึงทำอะไรไม่ได้ ทั้งนี้ เมื่อดูเสียงส่นใหญ่ของสภาฯก็เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนพึงพอใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเอกภาพในรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ถึงขั้นนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชนประสานงานมายังพรรคชาติไทยเลยว่าจะเสนอใครเป็นประธาน ต่างกับการเสนอชื่อนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่มีผู้ใหญ่ประสานงานมา แต่ครั้งนี้เราได้รับรู้ทาง แมสเส็จ ทางโทรศัพท์มือถือและตามข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์จึงไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ถ้ามีการประสานงานจากผู้ใหญ่ระดับบนก็ไม่เกิดปัญหาเราไม่ติดใจว่าเป็นใคร แต่หลักการและกระบวนการทำให้เกิดสูญญากาศขึ้นแต่หลังจากพูดคุยกันแล้วก็เข้าใจแล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปตามเป้าประสงค์
ส่วนความขัดแย้งครั้งนี้จะทำให้นายชัยทำงานในสภายากขึ้นหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อท่านผ่านกระบวนการเข้าไปก็ต้องให้ได้โอกาส แต่เราก็จะเป็นกระจกเงาบานใหญ่ที่สะท้อนความเป็นจริงว่าท่านปฎิบัติหน้าที่อย่างไร

จักรภพลั่นต้องจัดการกันภายใน
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียง พรรคร่วมรัฐบาลที่ไปสนับสนุนฝ่ายค้านในการลงมติเลือกประธานสภาฯ 2 เสียงว่า ตอนนี้เราอยู่ในระยะที่จับทางกันใหม่ในเรื่องของประชาธิปไตย เนื่องจากที่ผ่านมา เรามีพรรคการเมืองที่ยังมีจุดยืนไม่แน่นอนนักในการสนับสนุนประชาธิปไตยอย่างชัดเจน ซึ่งอิทธิพลของแนวความคิดอย่างนี้ก็ยังมีผลกระทบโดยทั่วไป ซึ่งเราก็มีหน้าที่ ในการที่จะรักษาประชาธิปไตยกันต่อไป ส่วนรัฐบาลพรรคไหนจะมีความประพฤติที่ประชาชนยอมรับได้ หรือไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องของรายละเอียดของแต่ละบุคคล ตอนนี้เรามารักษาระบบกันไว้ก่อนแล้วเรื่องตัวบุคคลค่อยมาสังคยานากันอีกทียังมีเวลา
“ความเห็นที่ไม่ตรงกัน มันไม่ใช่รอยร้าว มันเป็นเรื่องความเห็นเฉพาะตัวคน เท่านั้น แต่หากเป็นการวางแผนกันมาจึงจะเป็นรอยร้าว แต่นี่ไม่ใช่ มันเป็นความเห็น โดยบริสุทธิ์ใจของบุคคลนั้น จึงคิดว่าแค่ไหนก็แค่นั้น แม้ว่าเสียงที่หายไปจะไม่มาก แต่ในพรรคก็ต้องสดับตรับฟังและให้ความสนใจกับเรื่อง ซึ่งผมคิดว่าควรจะมีการจัดการภายในกัน”

อ้างรธน.มีหลุมพรางเลยเกิดปัญหา
ส่วนที่พรรคชาติไทยมติงดออกเสียงสะท้อนให้เห็นถึงอะไรหรือไม่นั้น นายจักรภพ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้มันไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบเพราะถูกเขาจำกัดทางไว้หมด ถูกดักทางไว้หมด มีการขุดหลุมพรางล่อไว้มากมาย ดังนั้นการที่เราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งก็คงไม่มีตัวบุคคลที่สมบูรณ์พร้อมในการที่จะทำงานเพื่อบ้านเมือง ในระยะนี้ แต่เราจะอาศัยระบบที่จะช่วยเหลือให้ทำงานได้อย่างดีนั่นก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากเหตุการณ์เลือกประธานสภาพรรคพลังประชาชนต้องเอา มาเป็นบทเรียนในการประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลให้ใกลิ้ดมากขึ้นหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ความจริงบทเรียนมันมากกว่านั้น มันเป็นบทเรียนที่ว่าด้วยเรื่องของ การผ่านระยะที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยมา มันก็ย่อมจะมีจุดยืนทางการเมือง ที่แตกต่างกันย่อมจะมีความลังเลไม่แน่ใจว่าประชาธิปไตยจะชนะหรือไม่ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ดังนั้นหากเราแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือทำให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยมั่นคง แข็งแรง ปัญหาอื่นจะแก้ตามมาได้ในที่สุด

“ชัย”ยืนยันกับพปช.จะไม่ทำให้ผิดหวัง
นายชัย ชิดชอบ ว่าที่ประธานสภาฯ กล่าวขอบคุณ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ระหว่างเป็นประธานการประชุม ส.ส.พรรคที่สนับสนุนให้เป็นประธานสภาฯ โดยยืนยันว่าจะตั้งใจปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ จะไม่ทำให้สมาชิกผิดหวังและวันนี้จะขอทำหน้าที่ ประธานในทีประชุมเป็นครั้งสุดท้าย
นายชัยยังได้กล่าวหยอกล้อส.ส.ว่าใครอยากพูดอะไรให้พูดในพรรคให้เต็มที่ ในสภาไม่ต้องพูดอะไรมาก ตนจะได้ทำงานให้เต็มที่
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่มีใครติดใจเรื่องการลงมติเลือกนายชัยเป็นประธานสภาฯ และไม่ติดใจ นายบรรหารและท่าทีของพรรคชาติไทย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความกังวลของพรรค อีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาจบไปแล้ว เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ส.ส. ในการลงคะแนนและพรรคพลังประชาชนให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเต็มที่ เมื่อเราทำอะไรทำให้พรรคร่วมไม่สบายใจหรือนายบรรหารไม่สบายใจเราควรกลับมาทบทวนปรับปรุง จะไม่ยอมให้เรื่องนี้เป็นน้ำผึ่งหยดเดียวและเป็นอุปสรรคในการทำงาน ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องการประสานงานที่อาจข้ามขั้นตอนซึ่งต้องนำไปปรับปรุงในการทำงานต่อไป

เสียงแตกไม่มีผลต่อการทำงาน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงเสียงที่หายไปในการสนับสนุนนายชัยว่า ไม่เป็นไร เพราะแต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ อย่างการเลือกนายชัยที่ในพรรคก็ มีความเห็นไม่ตรงกัน แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่เป็นอย่างไรทุกคนก็เห็นชอบตามนั้น ก็ถือเป็นมารยาทการทำงานการเมืองในพรรค ส่วนที่มีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าแข่งชิงประธานสภาฯนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ไม่เป็นไรเพราะแค่ 2 เสียง ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลในอนาคต

โยนการปรับครม.ให้นายกฯตัดสิน
นาย สมชาย กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่าขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนจะหยิบยกเข้าหารือ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาพรรคหรือไม่
ส่วนจะปรับใหญ่หรือปรับเล็กนั้น นายสมชาย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีสิทธิประเมินการทำงานของรัฐมนตรี ฉะนั้นจะปรับมากปรับน้อยคงมองจากการประเมินของท่าน เพราะการปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
นายสมชาย กล่าวถึงการสรรหาประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ว่า พรรคอาจจะได้ข้อสรุปในวันนี้ ซึ่งสมาชิกพรรคทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเสนอผู้ที่เหมาะสม เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในสภา มีบารมีในพรรคพอสมควร สามารถควบคุมการประชุมส.ส. ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งตำแหน่งประธานวิปไม่ได้เป็นโควตาของใคร หรือโควตาภาคใด คงจะแบ่งว่าเป็นของภาคนั้นภาคนี้ไม่ได้
ส่วนที่ ส.ส.ภาคเหนือ พรรคพลังประชาชนออกมาเรียกร้องว่า ประธานสภาฯเป็น ส.ส.ภาคอีสานแล้ว ประธานวิปรัฐบาลควรเป็นโควต้าของภาคเหนือ นายสมชายกล่าวว่า สามารถแสดงความเห็นได้ แต่กระบวนการขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธานส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน กล่าวถึง การพิจารณาตัวบุคคลไปดรงตำแหน่งรมว.พัฒนาสังคมฯ แทนนายสุธา ชันแสง ที่ลาออกจากตำแหน่งไปว่า ยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ คงต้องรอดูในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ก่อนว่าจะมีการปรับเล็กหรือปรับใหญ่ ส่วนจะเป็นการปรับเล็กหรือปรับใหญ่นั้น นายสุวัฒน์ กล่าวว่า อาจจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารของพรรค เพื่อพิจารณา เรื่องนี้ และอำนาจการปรับครม.เป็นอำนาจของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี

สนธิชี้สะท้อนตความเน่าเฟะรัฐบาล
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่าการที่สภาผู้แทนราษฎร เลือกนายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาฯ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เป็นการโหวตเลือกประธานสภาฯ โดยระบบตัวแทน และอ้างเสียงข้างมาก นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีหลายคนที่แม้จะถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว และยังดำรงตำแหน่งอยู่ได้ ถือเป็นระบบการเมืองที่เน่าเฟะ สังคมไม่สามารถยอมรับได้
นายสนธิ กล่าวว่า พันธมิตรฯ จะนัดประชุมเพื่อกำหนดแนวทางเคลื่อนไหว ในวันนี้ (14 พ.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ ส่วนจะเปลี่ยนจากการสัมมนายามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ เป็นรูปแบบใดนั้น พันธมิตรฯ สามารถทำได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว

มฌ.หงอให้ยอมรับเสียงส่วนใหญ่
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย(มฌ.) กล่าวว่านายชัย เป็นนักการเมืองอาวุโส และมีประสบการณ์มากและเท่าที่เคยได้ร่วมงานในการเป็นประธานการประชุมงบประมาณ แต่ละปีรู้สึกว่าท่านทำหน้าที่ได้ดีจึงไม่น่าจะมีปัญหา ต่อการประสานงานของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตามอยากให้ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ที่เป็นกติกาประชาธิปไตย จะให้ถูกใจคนทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ ถ้ามีกติกาและยึดถือเสียงส่วนใหญ่และมีการยอมรับกันก็ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น
ส่วนการสรรหาคนที่จะมาเป็นประธานวิปรัฐบาลนั้น นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า พรรคมัชฌิมาธิปไตย ไม่ต้องการไปร่วมวงสร้างปัญหาในการเรียกร้องอะไรให้วุ่นวาย อยากให้การทำงานทั้งในสภาฯ และรัฐบาลราบเรียบ
“แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลเองบางพรรคที่มีความเห็นแตกต่างกันไป ถ้าจะตอบว่า ทุกคนมีความเห็นพ้องต้องกัน ก็จะกลายเป็นเรื่องที่พูดไม่ตรง ฉะนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ใครจะพูดออกมาใครจะยอมรับหรือหากว่าทุกคนนิ่งประเทศชาติก็จะไปได้”
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เสียง 2 เสียงของรัฐบาลที่มาสนับสนุนฝ่ายค้านในการลงมติเลือกประธานสภาฯนั้น ยังเป็นปริศนาอยู่แต่แสดงให้เห็นว่าพรรคพลังประชาชนไม่มีความเป็นเอกภาพเป็นปัญหาภายในพรรคเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น