00 เรียกว่าเรียบร้อยโรงเรียน “ยี้” กันไปแล้ว สำหรับ “ทั่นชัย” ที่สามารถนำพาสังขารด้วยวัย 80 กว่า กระย่องกระแย่งขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ สามารถบันทึกเป็นเกียรติประวัติให้กับวงศ์ตระกูล “ชิดชอบ”ในบั้นปลายได้สมใจ
00 หลายคนอาจจะช็อก หรือแทบไม่อยากเปิดทีวีดูข่าวหนังสือพิมพ์ ว่าทำไมบ้านเมืองมันถึงได้เป็นไปได้ไกลถึงขนาดนี้ แต่เอาเถอะ ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว มันก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรม กันไป
00 สิ่งที่น่าพิศวงก็คือ ท่าทีของ “หลงจู๊เติ้ง” และลูกๆ ถึงกับหาญกล้านำทีมงดออกเสียง ซึ่งถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมาก็คือ “ไม่เอาทั่นชัย” นั่นแหละ แต่ถ้าหากให้วิเคราะห์รับรองว่า ไม่ธรรมดาแน่นอน
00 หากมองย้อนไปในอดีตเมื่อหลายปีก่อนรับรองว่า ถ้าใครลองนั่งเข้าไปในหัวใจของลูกผู้ชายชื่อเติ้ง ก็จะเข้าใจดีว่ามันเจ็บปวดรวดเร้าแค่ไหนกับลีลาท่าทางของบรรดา “หมอผีบุรีรัมย์” ที่ข่มเหงน้ำใจ ทั้งขู่เข็ญสารพัด คนที่เป็นคอการเมืองล้วนจำได้ดี ไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บกันมาก
00 ดังนั้นมาวันนี้ เมื่อหลายเหตุการณ์มันประดังเข้ามา ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ “ยี้น้อย ยี้ใหญ่” มันก็ย่อมทำใจยาก แต่ถ้ามองอีกมุม รายการนี้มันอาจเป็นเพราะ “แค้นฝังหุ่น” ที่ผ่านไปกี่ปีก็ลืมกันไม่ลง ว่างั้นเถอะ !!
00 อีกเรื่องที่ลอยลมมาจากแดนไกลจากถิ่น “แมนซิตีฯ” ที่ล่าสุดกลายเป็นว่า “ซิเนตร้าแม้ว” ท่าจะอยู่ไม่เป็นสุขซะแหล่ว เนื่องจากนับวันมีแต่คนรู้ทัน และเหม็นขี้หน้ามากขึ้นเรื่อยๆทุกที ตอนแรกไม่มีใครสนใจกับข่าวคราวของแฟนพันธุ์แท้บางกลุ่มที่ต่อต้านประธานสโมสรคนใหม่ที่เข้ามาเทคโอเวอร์ ด้วยเหตุผลอันน่าเคลือบแคลงหลายอย่าง ที่สำคัญคือ ชักจะมั่นใจว่าไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาฟุตบอล หรือเข้าใจวงการฟุตบอลดีพอ ซึ่งนับวันความเข้าใจแบบนี้เริ่มมีมากขึ้น
00 หลายคนรู้ทันมากขึ้น และสงสัยว่า สาเหตุแท้จริงแล้วการทุ่มทุนซื้อสโมสรฟุตบอลอาจเพื่อนำมาเป็นข้ออ้างในการขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษ หรือเพื่อให้ตัวเองมีพื้นที่ในข่าวอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมาก็คือ ไม่ให้ตัวเองหายหน้าหายตาไปเท่านั้นเอง
00 จะด้วยดวงหรือโชค หรืออะไรก็เหลือเดา เมื่อหันไปมองผลการแข่งขันแมทซ์สุดท้ายก่อนปิดฤดูกาลในศึกฟุตบอลฟรีเมียร์ชิพ ปี 2007/2008 ที่โชว์ผลงานสุดห่วย ด้วยการบุกไปพ่าย มิดเดิลสโบรซ์ 1 ต่อ 8 อย่างน่าอับอาย มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ว่ากันว่ามีเสียงนินทาไล่หลังออกมาให้เจ็บใจกันอีกว่า การพ่ายแพ้นัดนี้ เหมือนจงใจเตะไล่ทั่นประธานยังไงยังงั้น
00 มีการตั้งข้อสังเกตกันไปต่างๆนานา ว่าแต่ละทีมที่ขึ้นมาเล่นในระดับพรีเมียร์ชิพไม่น่าจะมีมาตรฐานต่างกันเยอะ ประเภทไล่ถลุงกันเละเทะถึงแบบ 7-8 ประตู แถมยังถูกยิงนำไปก่อนถึง 7 ต่อ 0 เสียอีก ก็แทบไม่น่าเชื่อ และถ้ามองในมุมหนึ่งพิจารณาจากฟอร์มการเล่นก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ “ขี้เหร่” อยู่ในระดับต้นหรือกลางตารางยังมีลุ้นไปเล่นในถ้วยใหญ่เสียด้วยซ้ำ แม้จะเถียงว่าฟุตบอลมันลูกกลมๆ แพ้ชนะกันได้ แต่ประเภทแพ้ 1 ต่อ 8 แบบนี้มันอธิบายยากหน่อย เพราะขนาดเจอกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างเชลซีเมื่อหลายเดือนก่อน ยังพ่ายแค่สกอร์ 6 ต่อ 0 เท่านั้น
00 ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อสำรวจอารมณ์จากข่าวกีฬาสำรวจความเห็นแฟนๆในแมนซิฯแทนที่จะรุมด่า “สเวน” กุนซือหัวเถิก ที่จะโดนปลดกลับกลายเป็นว่า แม้จะผิดหวังหรือซ็อกกับผลการแข่งขัน แต่กลับรู้สึกเห็นใจว่า อาจเป็นเพราะสภาพจิตใจของทีมที่ย่ำแย่ ทำให้ทุกอย่างพลอยแย่ไปด้วย เฮ้อ เป็นงั้นไปเสียอีก!!
00 หลายคนอาจจะช็อก หรือแทบไม่อยากเปิดทีวีดูข่าวหนังสือพิมพ์ ว่าทำไมบ้านเมืองมันถึงได้เป็นไปได้ไกลถึงขนาดนี้ แต่เอาเถอะ ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว มันก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรม กันไป
00 สิ่งที่น่าพิศวงก็คือ ท่าทีของ “หลงจู๊เติ้ง” และลูกๆ ถึงกับหาญกล้านำทีมงดออกเสียง ซึ่งถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมาก็คือ “ไม่เอาทั่นชัย” นั่นแหละ แต่ถ้าหากให้วิเคราะห์รับรองว่า ไม่ธรรมดาแน่นอน
00 หากมองย้อนไปในอดีตเมื่อหลายปีก่อนรับรองว่า ถ้าใครลองนั่งเข้าไปในหัวใจของลูกผู้ชายชื่อเติ้ง ก็จะเข้าใจดีว่ามันเจ็บปวดรวดเร้าแค่ไหนกับลีลาท่าทางของบรรดา “หมอผีบุรีรัมย์” ที่ข่มเหงน้ำใจ ทั้งขู่เข็ญสารพัด คนที่เป็นคอการเมืองล้วนจำได้ดี ไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บกันมาก
00 ดังนั้นมาวันนี้ เมื่อหลายเหตุการณ์มันประดังเข้ามา ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ “ยี้น้อย ยี้ใหญ่” มันก็ย่อมทำใจยาก แต่ถ้ามองอีกมุม รายการนี้มันอาจเป็นเพราะ “แค้นฝังหุ่น” ที่ผ่านไปกี่ปีก็ลืมกันไม่ลง ว่างั้นเถอะ !!
00 อีกเรื่องที่ลอยลมมาจากแดนไกลจากถิ่น “แมนซิตีฯ” ที่ล่าสุดกลายเป็นว่า “ซิเนตร้าแม้ว” ท่าจะอยู่ไม่เป็นสุขซะแหล่ว เนื่องจากนับวันมีแต่คนรู้ทัน และเหม็นขี้หน้ามากขึ้นเรื่อยๆทุกที ตอนแรกไม่มีใครสนใจกับข่าวคราวของแฟนพันธุ์แท้บางกลุ่มที่ต่อต้านประธานสโมสรคนใหม่ที่เข้ามาเทคโอเวอร์ ด้วยเหตุผลอันน่าเคลือบแคลงหลายอย่าง ที่สำคัญคือ ชักจะมั่นใจว่าไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาฟุตบอล หรือเข้าใจวงการฟุตบอลดีพอ ซึ่งนับวันความเข้าใจแบบนี้เริ่มมีมากขึ้น
00 หลายคนรู้ทันมากขึ้น และสงสัยว่า สาเหตุแท้จริงแล้วการทุ่มทุนซื้อสโมสรฟุตบอลอาจเพื่อนำมาเป็นข้ออ้างในการขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษ หรือเพื่อให้ตัวเองมีพื้นที่ในข่าวอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมาก็คือ ไม่ให้ตัวเองหายหน้าหายตาไปเท่านั้นเอง
00 จะด้วยดวงหรือโชค หรืออะไรก็เหลือเดา เมื่อหันไปมองผลการแข่งขันแมทซ์สุดท้ายก่อนปิดฤดูกาลในศึกฟุตบอลฟรีเมียร์ชิพ ปี 2007/2008 ที่โชว์ผลงานสุดห่วย ด้วยการบุกไปพ่าย มิดเดิลสโบรซ์ 1 ต่อ 8 อย่างน่าอับอาย มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ว่ากันว่ามีเสียงนินทาไล่หลังออกมาให้เจ็บใจกันอีกว่า การพ่ายแพ้นัดนี้ เหมือนจงใจเตะไล่ทั่นประธานยังไงยังงั้น
00 มีการตั้งข้อสังเกตกันไปต่างๆนานา ว่าแต่ละทีมที่ขึ้นมาเล่นในระดับพรีเมียร์ชิพไม่น่าจะมีมาตรฐานต่างกันเยอะ ประเภทไล่ถลุงกันเละเทะถึงแบบ 7-8 ประตู แถมยังถูกยิงนำไปก่อนถึง 7 ต่อ 0 เสียอีก ก็แทบไม่น่าเชื่อ และถ้ามองในมุมหนึ่งพิจารณาจากฟอร์มการเล่นก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ “ขี้เหร่” อยู่ในระดับต้นหรือกลางตารางยังมีลุ้นไปเล่นในถ้วยใหญ่เสียด้วยซ้ำ แม้จะเถียงว่าฟุตบอลมันลูกกลมๆ แพ้ชนะกันได้ แต่ประเภทแพ้ 1 ต่อ 8 แบบนี้มันอธิบายยากหน่อย เพราะขนาดเจอกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างเชลซีเมื่อหลายเดือนก่อน ยังพ่ายแค่สกอร์ 6 ต่อ 0 เท่านั้น
00 ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อสำรวจอารมณ์จากข่าวกีฬาสำรวจความเห็นแฟนๆในแมนซิฯแทนที่จะรุมด่า “สเวน” กุนซือหัวเถิก ที่จะโดนปลดกลับกลายเป็นว่า แม้จะผิดหวังหรือซ็อกกับผลการแข่งขัน แต่กลับรู้สึกเห็นใจว่า อาจเป็นเพราะสภาพจิตใจของทีมที่ย่ำแย่ ทำให้ทุกอย่างพลอยแย่ไปด้วย เฮ้อ เป็นงั้นไปเสียอีก!!