เอเอฟพี - อังกฤษที่โด่งดังทั่วโลก ในฐานะบ้านเกิดของเช็คสเปียร์กวีเอกของโลก, ดินแดนแห่งพระราชวงศ์อันยิ่งใหญ่, สมบัติผู้ดี, และความเป็นสุภาพบุรุษ กลับถูกบรรยายไว้ในหนังสือท่องเที่ยวเล่มใหม่ว่า เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยคนอ้วน เสพติดเซ็กซ์ หลงใหลคนดัง และคลั่งไคล้โทรทัศน์
ในหนังสือ "Rough Guide to England" (แนะนำท่องเที่ยวอังกฤษแบบรวบรัด) ซึ่งเขียนโดยนักเขียนแนะนำการท่องเที่ยวของอังกฤษ 4 คน บอกไว้ว่า "ไม่มีที่แห่งใดที่น่าหลงใหล, งดงาม และมีวัฒนธรรมหลากหลาย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยพวกคับแคบล้าหลัง, หลงตัวเองและน่ารำคาญดังเช่นอังกฤษอีกแล้ว"
หนังสือเล่มนี้แจกแจงว่า การที่คนทั้งประเทศตกอยู่ภายใต้ความกลัวเมื่อเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงลอนดอนในปี 2005 รวมทั้งผลกระทบจากสงครามอิรัก ทำให้อังกฤษกลายเป็นประเทศ"ขี้ฟ้องและช่างทะเลาะ" ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณของวิกฤตด้านอัตลักษณ์
คนอังกฤษไม่เพียงชอบถกเรื่องการเมือง กฎหมายและเรื่องผู้อพยพ แต่ยังเมาต์แตกกันเกี่ยวกับเรื่องราวของพวกคนดังด้วย
"หากได้อ่านหัวข่าวหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ก็จะเห็นได้ชัดว่า อังกฤษเป็นชาติของคนอ้วน ดื่มจัด และคลั่งไคล้รายการเรียลลิตี้ทางโทรทัศน์อย่างสาหัส"
กระนั้นก็ตาม การไม่แสดงออกซึ่งอารมณ์ ยังคงเป็นบุคลิกสำคัญของคนอังกฤษ แถมคนอังกฤษยังรู้สึกว่าการต้องไปพูดคุยกับคนแปลกหน้านั้นเป็นเรื่องเลวรายพอๆ ถูกใครสักคนโผล่เข้ามาทำร้ายร่างกายเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมก็ยังคงเบ่งบาน "พวกเชื้อสายขุนนาง ผู้ซึ่งสามารถย้อนรอยต้นตระกูลไปตั้งแต่สมัยที่พวกนอร์แมนบุกอังกฤษในศตวรรษที่ 11 ยังเป็นผู้ถือครองที่ดินมากที่สุด" และคนที่นี่ก็ทาสวัตถุนิยมกันอย่างที่สุด
หนังสือเล่มนี้สับแหลกพวกหัวเมืองที่พัฒนาแบบลอกกันมา แถมที่อยู่อาศัยในเมืองเหล่านั้นยังมีราคาแพงเกินไปและไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดีพอ
นักท่องเที่ยวต่างประเทศได้รับคำเตือนว่า คนอังกฤษยังเป็นพวกที่มีความขัดแย้งในตัวเองอย่างที่ใคร ๆยากจะจินตนาการได้เป็นเพราะเหตุไร "ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศนี้นานเท่าใด คุณก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อยู่ดี"หนังสือเล่มนี้บอก
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวเล่มนี้ก็ยังพูดข้อดีเอาไว้บ้าง อย่างเช่นคนอังกฤษรักสัตว์, ใจกว้างในเรื่องการกุศล, เปิดใจรับพวกผู้อพยพ, มีศิลปวัฒนธรรมที่เฟื่องฟู และมีรายการวิทยุยอดเยี่ยม คือช่องบีบีซี เรดิโอ 4
ในหนังสือ "Rough Guide to England" (แนะนำท่องเที่ยวอังกฤษแบบรวบรัด) ซึ่งเขียนโดยนักเขียนแนะนำการท่องเที่ยวของอังกฤษ 4 คน บอกไว้ว่า "ไม่มีที่แห่งใดที่น่าหลงใหล, งดงาม และมีวัฒนธรรมหลากหลาย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยพวกคับแคบล้าหลัง, หลงตัวเองและน่ารำคาญดังเช่นอังกฤษอีกแล้ว"
หนังสือเล่มนี้แจกแจงว่า การที่คนทั้งประเทศตกอยู่ภายใต้ความกลัวเมื่อเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงลอนดอนในปี 2005 รวมทั้งผลกระทบจากสงครามอิรัก ทำให้อังกฤษกลายเป็นประเทศ"ขี้ฟ้องและช่างทะเลาะ" ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณของวิกฤตด้านอัตลักษณ์
คนอังกฤษไม่เพียงชอบถกเรื่องการเมือง กฎหมายและเรื่องผู้อพยพ แต่ยังเมาต์แตกกันเกี่ยวกับเรื่องราวของพวกคนดังด้วย
"หากได้อ่านหัวข่าวหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ก็จะเห็นได้ชัดว่า อังกฤษเป็นชาติของคนอ้วน ดื่มจัด และคลั่งไคล้รายการเรียลลิตี้ทางโทรทัศน์อย่างสาหัส"
กระนั้นก็ตาม การไม่แสดงออกซึ่งอารมณ์ ยังคงเป็นบุคลิกสำคัญของคนอังกฤษ แถมคนอังกฤษยังรู้สึกว่าการต้องไปพูดคุยกับคนแปลกหน้านั้นเป็นเรื่องเลวรายพอๆ ถูกใครสักคนโผล่เข้ามาทำร้ายร่างกายเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมก็ยังคงเบ่งบาน "พวกเชื้อสายขุนนาง ผู้ซึ่งสามารถย้อนรอยต้นตระกูลไปตั้งแต่สมัยที่พวกนอร์แมนบุกอังกฤษในศตวรรษที่ 11 ยังเป็นผู้ถือครองที่ดินมากที่สุด" และคนที่นี่ก็ทาสวัตถุนิยมกันอย่างที่สุด
หนังสือเล่มนี้สับแหลกพวกหัวเมืองที่พัฒนาแบบลอกกันมา แถมที่อยู่อาศัยในเมืองเหล่านั้นยังมีราคาแพงเกินไปและไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดีพอ
นักท่องเที่ยวต่างประเทศได้รับคำเตือนว่า คนอังกฤษยังเป็นพวกที่มีความขัดแย้งในตัวเองอย่างที่ใคร ๆยากจะจินตนาการได้เป็นเพราะเหตุไร "ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศนี้นานเท่าใด คุณก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อยู่ดี"หนังสือเล่มนี้บอก
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวเล่มนี้ก็ยังพูดข้อดีเอาไว้บ้าง อย่างเช่นคนอังกฤษรักสัตว์, ใจกว้างในเรื่องการกุศล, เปิดใจรับพวกผู้อพยพ, มีศิลปวัฒนธรรมที่เฟื่องฟู และมีรายการวิทยุยอดเยี่ยม คือช่องบีบีซี เรดิโอ 4
