xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิวัติถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สมัคร" เดินสายเยี่ยมเหล่าทัพ ย้ำไม่ล้วงลูก แค่อยากให้ทหาร เข้ากรม กอง "ชลิต" เชื่อนายกฯไม่ได้เช็คกระแส ผบ.เหล่าทัพ แต่ตรวจเยี่ยมตามปกติ รับบิ๊กทหารห่วงสถานการณ์เจอกันก็ถกหาทางออกให้บ้านเมือง แต่ยังไม่มีประเด็นให้ต้องปฎิวัตร เตือนการนำ รธน.กลับมาใช้จะสร้างความวุ่นวาย การแก้ไขต้องเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งชาติ ด้านแม่ทัพภาคที่ 1 วอนการเมืองอย่าละเมิดสถาบัน ทหารถูกสอนให้จงรักภักดี พูดเป็นนัยเรื่องการปฎิวัติถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้มันเกิด เชื่อนายกฯเข้าใจทหาร แต่มีพวกเป่าหูเพื่อหวังผล "ชัยสิทธิ์" ขู่ใครปฎิวัติติกคุกแน่ ซัดองค์กรอิสระที่ไม่มีกม.รองรับทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 พ.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และนายทหารระดับสูงของกองทัพบกให้การต้อนรับ และมีการจัดทหารกองเกียรติยศให้การต้อนรับ ก่อนนำเข้ารับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับภารกิจของกองทัพบก อาทิ การดูแลความมั่นคงตามแนวชายแดน ทั้งยาเสพติด แรงงานต่างด้าว และสินค้าหลบหนีภาษี รวมถึงภารกิจของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)

ด้าน นายสมัคร กล่าวยืนยันว่าการเข้ามารับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ต้องการจัดการให้ทุกอย่างเป็นตามกระบวนการระเบียบปฏิบัติ ตามที่ได้กราบทูลในหลวง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเมื่อเป็น รมว.กลาโหม ได้รับฟังพระราชดำรัสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็กราบทูลว่าจะดูแลกองทัพ ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือแทรกแซงการโยกย้ายภายในกองทัพ อยากให้ทหารกลับเข้ากรมกอง โดยดูจากการโยกย้ายทหารที่ผ่านมา ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซง ในฐานะนายกรัฐมนตรีพยายามให้กองทัพกับรัฐบาลเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้การสนับสนันซึ่งกันและกัน

นายสมัคร กล่าวว่า ขอบคุณกองทัพ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ช่วยกันแก้ปัญหาในประเทศ โดยเฉพาะการดูแลแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากตั้งแต่พล.อ.อนุพงษ์ เข้ารับตำแหน่ง สถานการณ์ภาคใต้ก็ดีขึ้น ส่วนนายทหารที่กำลังเกษียณอายุราชการ ก็เหมือนพี่น้องกัน ตนเองและครอบครัวตลอดทั้งชีวิตมีความภักดี เป็นเกียรติที่ได้รับตำแหน่ง รมว.กลาโหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายสมัคร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพเรือ โดยมี พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และนายทหารระดับสูงในกองทัพเรือให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปภารกิจของกองทัพเรือให้นายสมัครได้รับทราบ

"ชลิต" รับถก ผบ.เหล่าทัพทางออก ปท.

พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ทบ.อ.กล่าวถึงการเดินสายตระเวณเยี่ยมเหล่าทัพของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมว่า คงไม่เป็นการเช็คกระแสผู้บัญชาการเหล่าทัพใดๆ แต่เป็นเรื่องปกติในฐานะที่เป็น รมว.กลาโหม ที่ต้องไปตรวจเยี่ยมทุกที ทั้งนี้ คงไม่ใช่การหวดระแวงของรัฐบาลที่มีต่อกองทัพ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดรัฐบาลจึงหวาดระแวงว่าทหารจะทำปฏิวัติ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่เห็นต้องกลัวอะไร เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าผู้บัญชาการ เหล่าทัพยุคนี้จะไม่มีการปฏิวัติ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า " ยังไม่มีมั้ง ยังไม่เห็นมีประเด็นอะไรที่จะทำ ยังไม่มีก้ำเกินเข้ามาที่ความมั่นคงของประเทศหรือก้ำเกินเรื่องสถาบัน"

เมื่อถามว่า ขณะนี้การเมืองดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า หากมีก็ดำเนินคดี เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลพูดเรื่องปฏิวัติบั่นทอนเศรษฐกิจหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า บางทีกลุ่มคนกลัว ไม่อยากให้มี ทหารก็ไม่อยากให้มี ซึ่งเมื่อได้คุยกันกับผู้บัญชาการเหล่าทัพก็พูดคุยเรื่องทางออกของประเทศกันตลอด ทุกคนก็เป็นห่วง เพราะเราเป็นคนในชาติและชาติก็เป็นของเรา ดังนั้น เราต้องช่วยกันให้ราบรื่นและแก้ไขสถานการณ์ ทั้งนี้ ยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้จะดูแลประเทศได้

ย้ำ รธน.ต้องเป็นประโยชน์กับคนทั้งชาติ

พล.อ.อ.ชลิต กล่าวถึงการเดินหน้าหแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลว่า การดำเนินการใดๆ คงต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากระบุให้ทำได้ก็ทำ แต่จะถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ประชาชนและทุกคนต้องช่วยกันดู และคงออกมาได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบของบุคคลทั่วไป และเป็นประโยชน์กับคนในชาติทั้งหมด ทั้งนี้ ตนไม่ขอฝากอะไรถึงหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะหารือกันถึงการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะแต่ละท่านมีประสบการณ์วิจารณญาณที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งการดำเนินการใดต้องนึกถึงประชาชนและส่วนร่วม

ส่วนที่วิจารณ์กันว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหาการเมืองมากว่าห่วงใยปากท้อง ประชาชนนั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า แต่ละคนและกลุ่มมีสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน วิจารณ์ยาก

ส่วนการไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ความรุนแรง หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต นิ่งครู่ใหญ่ก่อนกล่าวว่า " คิดว่าขึ้นอยู่กับกลุ่มคนที่มีความคิดว่าจะทำให้ รุนแรงก็รุนแรง หากจะทำให้ราบเรียบก็ราบเรียบได้ แต่สำคัญอยู่ที่รัฐธรรมนูญที่แก้จะทำประโยชน์ให้คนในชาติโดยรวมหรือไม่ หากไม่เป็นอย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีไม่เหมาะสม"

เตือนดึงดันใช้ รธน.40 จะเกิดความขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะมีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า อาจจะมี ตนเคยบอกแล้วว่าหากดึงดันใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 และทำทุกอย่างเหมือนก่อนการปฏิรูปก็จะเกิดข้อขัดแย้งไม่ว่าเรื่องใดก็จะเข้ารูปเดิม เมื่อถามว่า เงื่อนไขยังไม่ไปถึงเหตุการณ์ก่อนวันที่ 19 ก.ย.2549 พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ดูไม่ออก ฝ่ายทหารมองภาพฝ่ายการเมือง บางทีก็ตีความไม่ออก บางครั้งฝ่ายการเมืองต้องการสร้างอะไรรุนแรงหรือสงบเงียบขึ้นอยู่กับผู้บริหารประเทศ

ส่วนการเมืองขณะนี้กำลังถึงทางตันหรือไม่นั้นพล.อ.อ.ชลิต นิ่งคิดก่อนกล่าวว่า "ทุกเรื่องทุกหนทางทุกปัญหามีทางออก อยู่ที่จะเลือกทางออกไหน ซึ่งทางออกที่จะทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด คือ ลดประโยชน์ส่วนตนและส่วนกลุ่ม เมื่อใดที่คิดเห็นแก่ตัวแก่กลุ่มมากเกินไป ก็จะสร้างปัญหาขึ้นมา ทั้งนี้ คิดว่าผู้นำประเทศมีวิจารณญาณอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงทุกอย่างมีทางออก"

ให้ลูกหลานทหารจงรักภักดีเหนืออื่นใด

วันเดียวกัน พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธี มอบทุนการศึกษา บุตร ข้าราชการทหาร และลูกจ้างประจำของกองทัพภาคที่ 1

ทั้งนี้ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในพิธีมอบทุนการศึกษาว่า ในการรักษาสิทธิเสรีภาพนั้น เราทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติต่อสังคม แต่ต้องไม่ก้าวก่ายใคร สิทธินั้นเรามีอยู่แล้ว แต่ต้องมีหน้าที่ที่กระทำต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วย เพราะบ้านเมืองของเราอยู่ได้ทุกวันนี้ได้ด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันหลักในการทำให้บ้านเมืองอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุข

"ทหารก็มีหน้าที่รักษาอธิปไตย รักษาความสงบเรียบร้อยให้บ้านเมือง และ พิทักษ์รักษาสถาบันให้อยู่อย่างยั่งยืน ในฐานะคนไทยทุกคนต้องระลึกเสมอว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีพระคุณต่อแผ่นดินอย่างไร"

พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่าในปัจจุบันบ้านเมืองต้องการความรัก ความสามัคคี และเอื้ออาทรกัน พูดจากันด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัย ถ้าบ้านเมืองของเรา เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ ไทยก็เป็นประเทศที่ไม่น่าอยู่อีกต่อไป

"อยากฝากทุกคนว่าความจงรักภักดีอยู่เหนือสิ่งอื่นใด พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณอย่างมหาศาลเราก็ต้องกตัญญูรู้คุณ และ สิ่งที่สำคัญคือ เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องมีหน้าที่ของในสังคม เหมือนกับพวกลุงๆ ที่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เหนือสิ่งอื่นใดคือ ต้องมีความรัก สามัคคีกัน แผ่นดินนี้เราไปไหนไม่ได้อีกแล้ว เราต้องอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องอยู่ในหัวใจของเราทุกคน ในตัวทหาร และ ครอบครัวของพวกเรา ทั้งนี้ คนที่รับราชการในกองทัพภาคที่ 1 เป็นคนที่เสียสละ เพราะฉะนั้น ลูกๆ หลานๆ ต้องกตัญญูต่อผู้มีพระคุณให้มาก พร้อมกับต้องจงรักภักดีและเสียสละเพื่อบ้านเมืองด้วย"

เตือนอย่าเอาสถาบันมาก้าวล่วง

พล.ท.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ การเมืองว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ สถาบันของเราประกอบไปด้วยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะต้องช่วยกันดูแล จึงไม่น่าจะละเมิดกัน สิ่งเหล่านี้มีกฎหมาย ห้ามอยู่แล้ว ก็ให้กฎหมายดำเนินการไปก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หารจะทนได้แค่ไหน หากมีการหยิบยกสถาบันมาก้าวล่วง ล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยต้องดูว่า เขาทำผิดจริงหรือไม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอยู่ ทหารไม่ได้เกี่ยวข้อง หน้าที่ของทหารก็ทำงานถวายเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติตลอดไป เพราะพระองค์ท่าน มีพระมหากรุณาธิคุณต่อทหารมาก โดยเฉพาะกับแผ่นดินท่านทรงทำมา หลายสิบปีแล้ว บ้านเมืองทุกวันนี้เป็นสุขได้เพราะพระองค์ท่านและพระราชวงศ์ ดังนั้น จะมีอะไรกันก็ตาม ขอร้องว่าอย่าเอาสถาบันมาก้าวล่วงกัน "ขอร้อง ขอร้อง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า อึดอัดหรือไม่ว่าเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจะดึงทหารโดย เฉพาะแม่ทัพภาคที่ 1เข้าไปเกี่ยวข้อง พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็ยอมอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้เข้าใจว่าทหารมีหน้าที่อะไร งานของเรามีมากมายหลายอย่าง ฉะนั้น เมื่อมีข่าวที่เป็นผลกระทบมา ก็ย่อมไม่สบายใจ แต่เมื่อทำหน้าที่ตรงนี้แล้วก็ต้องอดทน อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าในปัจจุบันทหารอยู่ในสถานะใด และเมื่อมีรัฐบาลแล้ว ทหารก็จะต้องกลับมาทำหน้าที่ทหารให้ดีที่สุดซึ่งเป็นสิ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ย้ำอย่างชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกท้อแท้บ้างหรือไม่ที่ตกเป็นเป้าอยู่ในขณะนี้ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยท้อแท้ คิดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังจากโรงเรียนนายร้อยฯ อยู่แล้ว ที่ทุกคนจะต้องมีความสำนักในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และต้องพร้อมจะเหน็ดเหนื่อย และถูกต่อว่า แต่ต้องหนักแน่น

ปฏิวัติถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด

ส่วนความรู้สึกต่อการเรียกร้องให้ทหารออกมาปฎิวัติเวลาเกิดวิกฤตการเมืองนั้น พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงเรียกร้องอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล และประชาชน กรอบของงานตามกฎหมายมีอยู่แล้ว ฉะนั้นจะขอร้องก็คงไม่ได้

ผู้สื่อข่าวซักว่า สถานการณ์ถึงจุดใดทหารถึงจะออกมา พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ไม่มีสถานการณ์ถึงจุดไหนหรอก ทุกอย่างเมื่อมันจะเกิด มันก็เกิดแต่สิ่งสำคัญคือ อย่าไปถามว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่ ถามเพียงแต่ว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร คือต้องช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย รู้รักสามัคคี รู้จักความจงรักภักดีว่าควรจะต้องทำกันอย่างไร เพราะว่าบ้านเมืองต้องการเช่นนั้นมากกว่า บ้านเมืองต้องพัฒนาไปข้างหน้าอีกไกล อย่ามัวถอยหลัง หรือหยุดอยู่กับในเรื่องไม่เป็นเรื่องและการทำให้ประชาชนไม่รัก ไม่สามัคคี เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องชี้แจงกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า คงไม่ต้องชี้แจงกับนายกฯ เพราะคิดว่าท่านเข้าใจ ท่านผู้บัญชาการทหารบก ได้เรียนนายกฯไปแล้ว ทั้งนี้อยากให้ทำความเข้าใจว่าทหารมีหน้าที่ในการเตรียมกำลัง ซึ่งต้องมีหน้าที่ในการฝึกหัด ที่ต้องใช้สนามฝึก มีการฝึกเวลากลางคืนบ้าง ไม่ได้ฝึกเพื่อไปเตรียมการปฏิวัติ เพราะฉะนั้นอยากให้เลิกพูดคำว่าปฏิวัติเสียที เราทำหน้าที่ในกรอบของกองทัพบก จึงขอให้ทหารทำหน้าที่ด้วยความสบายใจ ทหารและการเมืองเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้น อย่าถามว่าจะเกิดอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร ผมคิดว่ามันไม่เกิดง่ายๆ หรอกครับ ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าบ้านเมืองต้องการอะไร ก็อยากฝากสื่อว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย อย่าถอยหลังกลับไปอีกเลย สถานการณ์ใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย ก็ให้ช่วยหยุดกันไว้ ขอร้องกันไว้

เชื่อคนปูดปฎิวัติไม่หวังดีกับกองทัพ

ส่วนมีการประเมินหรือไม่ว่าทำไมถึงมีข่าวว่าทหารจะออกมาปฏิวัติอยู่ตลอด เวลา พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คงมีคนไม่หวังดี อยากให้ทหารออกมาเคลื่อนไหว หรือไม่ก็หวังเหตุอย่างอื่น แต่ขอเรียนว่าเราไม่ทำตามที่เขาขอหรือต้องการอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องแก้ไขกัน

ผู้สื่อข่าวซักว่า แต่กระแสปฏิวัติเกิดจากนายกรัฐมนตรี พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากที่ฟังนายกรัฐมนตรีพูด คือ มีคนมาเล่าให้ฟัง แต่ท่านก็ไม่ได้เชื่ออะไร เพราะท่านดูแลกองทัพในฐานะที่เป็น รมว.กลาโหม ท่านต้องรู้ว่ากองทัพเป็นอย่างไร ท่านก็มาตรวจเยี่ยมกองทัพบก รู้ว่ากองทัพบกทำอะไรอยู่ ท่านก็ให้กำลังใจว่ากองทัพบกขาดเหลืออะไร เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจกัน

"ประยุทธ์"ลั่นไม่กลัวถูกเด้ง

ต่อข้อถามว่าข่าวการปฏิวัติสั่นคลอนเก้าอี้ แม่ทัพภาคที่ 1 จนอาจมีการโยกย้าย นอกฤดูกาลหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่คลอน เพราะเก้าอี้มีหลายตัว ใครจะมาเป็น อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ตัดสิน "ผมไม่กลัว" เมื่อถามว่า ในชีวิตของท่านจะต้องเจอกับการปฏิวัติอีกครั้งหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ไม่ได้อยากเจอสักครั้งเลย" ผู้สื่อข่าวซักว่า แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จะทำอย่างไร พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่ทราบ ไม่ตอบ"

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงความเปราะบางของสถานการณ์การเมืองในขณะนี้หรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เปราะบาง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสื่อ ที่ต้องช่วยกันให้เขาแข็งแรงไม่ทะเลาะกัน เมื่อถามว่าจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย จนเหมือนก่อน 19 กันยายน 2549 หรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลสั่งการ ซึ่ง รมว.กลาโหม ผบ.ทบ.จะเป็นผู้สั่ง ตนรับคำสั่งเท่านั้น และ ที่ท่านสั่งในขณะนี้คือสั่งให้ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ต้องเป็นทหารของประชาชน แล้วเคารพเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความจงรักภักดี

ส่วนหากมีเหตุจลาจลแล้วรัฐบาลให้ทหารเข้าไปดูแล จะดำเนินการอย่างไร พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกอย่างมีขั้นตอนตามกฎหมาย เราก็อย่าไปให้ถึงจุดนั้น พูดคุยกันให้รู้เรื่อง และต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน ทั้งนี้ไม่ขอฝากอะไรถึงฝ่ายการเมือง เพราะในส่วนนี้เป็นการทหาร ไปฝากถึงฝ่ายการเมืองไม่ได้

"ชัยสิทธิ์"ชี้องค์กรอิสระทำป่วน

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สูงสุด กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมือง ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็คงเป็นห่วงเหมือนตน แต่เราให้อำนาจองค์กรอิสระที่ตั้งมาโดยไม่มีกฎหมายรองรับก็จะป่วนเมืองไปเรื่อย ดังนั้นรัฐบาลจึงอยู่ไม่สุข เมืองเรายึดหลักประชาธิปไตยเสียงส่วนมาก ซึ่งจะแพ้ไม่เป็นไม่ได้ อย่าดื้อเลย

ส่วนการเมืองมีความพยายามดึงสถาบันลงมา เป็นห่วงหรือไม่ว่าทหารจะทนไม่ได้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กลาวว่า ถ้าคนมีสติปัญญาไม่คิดหรอก สถาบันยิ่งสูงเราอย่าไปแตะต้องดีที่สุด เทิดทูนท่านไว้ เมืองไทยอยู่ได้เพราะท่าน

"ควรเทิดทูนไว้ไม่ควรดึงสถาบันลงมา เปรียบเหมือนมวย ก็ให้ชกกันตัวต่อตัว อย่าไปดึงพ่อแม่ลงมา อย่างไรก็ตาม การเมืองไม่ควรนำเรื่องสถาบันมาพูดเพราะเป็นที่เคารพสักการะ ใครที่นำเรื่องการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องคนนั้นไม่หวังดี"

ระบุทหารปฎิวัติอีกติดคุกแน่

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเตือนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิป-ไตยกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรไม่ให้นำเรื่องสถาบันมาพูด พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องใบปลิวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นกระบวนการของคน ไม่มีสติปัญญา ตนคิดว่าควรยุติในเรื่องนี้ บ้านเมืองจะได้สงบสุข เมื่อถามว่า อยากฝากนักการเมืองอะไรบ้าง พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ควรเคารพในกติกาและทำตามกติกาบ้านเมือง มีวินัยเรื่องก็จบ เพราะประเทศที่เจริญแล้วเขามีวินัย รู้แพ้รูชนะ หากแพ้ไม่เป็นเรื่องต่างๆ ก็ไม่จบ มีปัญหากันคนไทยมีนิสัยไม่ยอมใครอยู่แล้ว ดังนั้นควรเลิกเสียที

"ไม่น่าเป็นไปได้สถานการณ์จะถึงขั้นนองเลือด เพราะคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วย ส่วนที่มีข่าวทหารปฏิวัติรอบ 2 เป็นไปไม่ได้ หากทหารออกมาทำปฏิวัติก็จะติดคุก"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตจะลงมาเล่นการเมืองหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า การเมืองหากเป็นแบบนี้ ตนจะไม่เข้าไปยุ่ง ส่วนภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตตีเดินทางกลับมาเมืองไทย ก็ได้พบกันและพูดคุยกัน แต่ไม่ได้มีการ พูดถึงเรื่องทางการเมือง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวการเมืองแล้ว อย่างไรก็ตาม ท่านก็ห่วงเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองนิดหน่อย แต่คิดว่าทุกคนที่แก้ปัญหาบ้านเมืองมีฝีมือ
กำลังโหลดความคิดเห็น