รอยเตอร์/เอเอฟพี – ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทำสถิติใหม่แตะ 122 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวานนี้(6) ขณะที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ระบุว่า อาจจะทะยานขึ้นไปถึงระดับ 200 ดอลลาร์ได้ภายในเวลา 2 ปีข้างหน้า
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 120.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตั้งแต่การซื้อขายในตลาดสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(5)แล้ว ก่อนจะถอยลงมาปิดวันนั้นที่ 119.97 ดอลลาร์ ซึ่งสูงขึ้นจากตอนปิดวันศุกร์ 3.65 ดอลลาร์
ต่อมาเมื่อวานนี้ ไลต์สวีตครูดก็ขยับขึ้นอยู่เป็นระยะๆ และขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 122 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงบ่ายของการซื้อขายที่ลอนดอน ก่อนจะถอยลงมาอยู่แถวๆ 121.65 ดอลลาร์ในช่วงเวลาต่อมาของเมืองหลวงอังกฤษ
ทางด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของตลาดลอนดอน เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ก็ได้พุ่งขึ้นไปในวันจันทร์ 3.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 117.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แล้วเมื่อวานนี้ ในตอนบ่ายของลอนดอนเช่นกัน ได้พุ่งขึ้นทำนิวไฮที่ 120.41 ดอลลาร์ ก่อนจะลงมาอยู่แถวๆ 120.07 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา
บรรดานักวิเคราะห์พูดถึงปัจจัยที่ทำให้น้ำมันพุ่งแรงคราวนี้ ว่ามาจากการที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง, เม็ดเงินลงทุนมหาศาลไหลเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งน้ำมัน ทั้งเพื่อมุ่งประกันความเสี่ยงจากการที่ตลาดอื่นๆย่ำแย่ และทั้งเพื่อมุ่งเก็งกำไร, ปัจจัยด้านดีมานด์-ซัปพลาย นั่นคือ ความต้องการใช้น้ำมันยังคงมีสูง โดยเฉพาะจากประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่ซัปพลายน้ำมันยังตึงตัวมาก
ทั้งนี้ ในช่วงนี้ได้เกิดเหตุการณ์ในประเทศผู้ผลิตน้ำมันซึ่งทำให้ตลาดใช้เป็นเหตุผลแสดงว่า ซัปพลายน้ำมันอาจจะยิ่งสะดุดติดขัด ได้แก่ ความไม่สงบที่ไนจีเรีย ซึ่งมีทั้งการนัดหยุดงานและการก่อความไม่สงบรบกวนการผลิตน้ำมันของพวกหัวรุนแรง นอกจากนั้นอิหร่านก็ยังคงแสดงท่าทีท้าทายไม่ยอมรับข้อเสนอให้ยุติโครงการนิวเคลียร์ของพวกมหาอำนาจ
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 120.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตั้งแต่การซื้อขายในตลาดสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(5)แล้ว ก่อนจะถอยลงมาปิดวันนั้นที่ 119.97 ดอลลาร์ ซึ่งสูงขึ้นจากตอนปิดวันศุกร์ 3.65 ดอลลาร์
ต่อมาเมื่อวานนี้ ไลต์สวีตครูดก็ขยับขึ้นอยู่เป็นระยะๆ และขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 122 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงบ่ายของการซื้อขายที่ลอนดอน ก่อนจะถอยลงมาอยู่แถวๆ 121.65 ดอลลาร์ในช่วงเวลาต่อมาของเมืองหลวงอังกฤษ
ทางด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของตลาดลอนดอน เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ก็ได้พุ่งขึ้นไปในวันจันทร์ 3.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 117.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แล้วเมื่อวานนี้ ในตอนบ่ายของลอนดอนเช่นกัน ได้พุ่งขึ้นทำนิวไฮที่ 120.41 ดอลลาร์ ก่อนจะลงมาอยู่แถวๆ 120.07 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา
บรรดานักวิเคราะห์พูดถึงปัจจัยที่ทำให้น้ำมันพุ่งแรงคราวนี้ ว่ามาจากการที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง, เม็ดเงินลงทุนมหาศาลไหลเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งน้ำมัน ทั้งเพื่อมุ่งประกันความเสี่ยงจากการที่ตลาดอื่นๆย่ำแย่ และทั้งเพื่อมุ่งเก็งกำไร, ปัจจัยด้านดีมานด์-ซัปพลาย นั่นคือ ความต้องการใช้น้ำมันยังคงมีสูง โดยเฉพาะจากประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่ซัปพลายน้ำมันยังตึงตัวมาก
ทั้งนี้ ในช่วงนี้ได้เกิดเหตุการณ์ในประเทศผู้ผลิตน้ำมันซึ่งทำให้ตลาดใช้เป็นเหตุผลแสดงว่า ซัปพลายน้ำมันอาจจะยิ่งสะดุดติดขัด ได้แก่ ความไม่สงบที่ไนจีเรีย ซึ่งมีทั้งการนัดหยุดงานและการก่อความไม่สงบรบกวนการผลิตน้ำมันของพวกหัวรุนแรง นอกจากนั้นอิหร่านก็ยังคงแสดงท่าทีท้าทายไม่ยอมรับข้อเสนอให้ยุติโครงการนิวเคลียร์ของพวกมหาอำนาจ